จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ 9 บางครั้งความมั่นใจอาจไม่ใช่เครื่องยืนยันความสามารถ แต่อาจหมายถึงหลอกตัวเองหรือปลอบใจตัวเองเป็นพัก ๆ เท่านั้นเอง ผมรับกุญแจรถเมลืจากมือเจ๊กฮุยมาถือไว้ และกำมันแน่นราวกำอนาคตที่จะถึงไว้ในมือด้วยความกล้า ทว่ามันก็แค่กล้าช่วงแรกเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ ผมพบตัวเองนั่งงง ๆ อยู่ในร้านข้าวแกง จานข้าววางตรงหน้า ทว่าผมกลับมองเห็นแต่เส้นทางเดินรถ พังงา - คุระบุรี ผมเห็นถนนคดโค้งขึ้นเขาลงเนินตัดผ่านบ้านเรือนตึกแถวในตลาด ตะกั่วป่า ย่านยาว ตลาดปากถัก เขาหมวเหล็ก เขาคุรอด และสองริมทางที่เป็นสวนยางพารา สวนเงาะทุเรียน และเหมืองแร่ดีบุก เห็นผู้โดยสารยืนโบกมือริมถนน และเห็นจ่าก๊วยยืนโบกมือเป่านกหวีดอยู่ตรงทางแยกก่อนรถเมล์ของเราจะแล่นมาถึงท่ารถในตัวเมืองพังงา "นายหัว" !! "นายหัว"! "อ้าว-ไอ้พร" ผมยิ้มให้เด็กหนุ่มที่มาอาสาเป็นกระเป๋ารถเที่ยวแรก "อะไรกัน! พอได้เป็นนายหัวรถวันแรกก็นั่งฝันหวานแล้วหรือ?" โกกุ่ย นายท่ารถฝั่งพังงาสัพยอกเมื่อแกเหลือบเห็นผมนั่งเหม่อใจลอย ผมยิ้มเขิน ๆ ให้แก แล้วเงยหน้าขึ้นไปแก้เกี้ยวเอากับไอ้พร "มึงไปเปิดฝาครอบเครื่องยนต์เช็คน้ำมันเครื่องดูหน่อย แล้วอย่าลืมเปิดฝาหม้อน้ำดูน้ำด้วย" "ผมตรวจมาเรียบร้อยแล้ว-นายหัว" ไอ้พรว่า "เอากุญแจมาให้ผมสตาร์ทเครื่องยนต์อุ่นเครื่องไว้พลาง ๆ ดีกว่า เหลือเวลาแค่สิบกว่านาทีแล้วไม่ใช่หรือ?" สมพร เป็นเด็กรถมาก่อนผมสองสามปี ขับรถเป็น แต่ไม่มีเจ้าของรถรายไหนปล่อยมือให้มันนั่งหลังพวงมาลัย เพราะมันมีนิสัยคึกคะนองและทำงานเอาแน่นอนไม่ได้ นึกจะทำก็ทำนึกจะหยุดก็หยุด คล้ายคนไม่รับผิดชอบหน้าที่ เพียงแต่ว่าบทมันจะทำงานมันก็ทำของมันอย่างเต็มที่ เอาใจใส่ดูแลเรื่องรถถ้วนทั่ว กับผู้โดยสารก็สุภาพอ่อนโยน "นางย่อน นางย่อน นางย่อน" สมพรติดเครื่องยนต์เสร็จแล้วก็ลงจากรถมายืนร้องตะโกนเรียกผู้โดยสารอยู่ข้างล่าง "นางย่อน ตะกั่วป่า ปากถัก คลองห้าง... ใครไปบ้าง มาขึ้นรถเลยครับ เหลือไม่กี่นาทีรถเราจะออกจากท่าแล้วครับ" ยิ่งใกล้เวลาออกรถ ผมยิ่งประหม่า ...ดีร้ายคงต้องโอนตำแหน่งโชเฟอร์ให้ไอ้พรมันละมั้ง... ผมคิดตลกในใจ ทว่าพอถึงเวลาเข้าจริง ๆ ผมก็ตัดสินใจเดินไปเปิดประตูรถบัส เบอร์ 26 สาย พังงา-คุระบุรี ทางฝ่ายคนขับและขึ้นไปนั่งบนเบาะในตำแหน่งนั้นได้อย่างมั่นใจ เมื่อโกกุ่ยซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะนายท่าเดินมาโบกมือส่งสัญญาณให้เคลื่อนรถ ขณะที่เสียงเครื่องยนต์ครวญหึ่ง ๆ ร้าวใจ... ผมก็เข้าเกียร์เดินหน้า ค่อย ๆ ปล่อยคลัช นำรถออกจากที่นั้นได้อย่างสบาย ๆ ผู้โดยสารที่ผมเหลือบมองทางกระจกส่องหลังนั่งโดยสารกันมาเกือบเต็มคันรถ เพราะเที่ยวนี้เป็นเที่ยวรถออกหลังบ่ายสามโมงเย็น และเป็นบ่ายวันศุกร์ซึ่งพวกนักเรียนที่มาพักอยู่ในเมืองเดินทางกลับบ้านในวันสุดสัปดาห์พอดี ในขณะที่ผมนำรถเมล์โดยสารขนาดกลางคันนั้นเคลื่อนออกจากท่ามาช้า ๆ เนิบ ๆ ผมก็พยายามทอดสายตามองทางกระจกหลังเพื่อจะสำรวจและคำนวนรายได้คร่าว ๆ ว่าขณะนี้เราจะได้ค่าโดยสารสักเท่าไหร่ เพราะผู้โดยสารส่วนใหญ่ที่นั่งมาในรถก็คุ้นหน้าทั้งนั้น ใครโดยสารไปลงที่ไหนผมจะรู้ แม้จะมีขาจรที่ไม่รู้จักมีปะปนมาบ้างสามสี่ราย แต่นั่นไม่ใช่ปัญยหาในการคำนวณรายได้ระหว่างเที่ยวของผู้ที่เป็นโชเฟอร์แต่ละคน... ผมจับพวงมาลัยนำรถเคลื่อนจากท่าออกมาได้ราว ๆ สิบนาทีก็เลยเขตเมืองออกมาใกล้ถึงสามแยกนบปริง แยกหนึ่งตรงไปกระบี่ อีกแยกไปตะกั่วป่า ซึ่งเป็นเส้นทางเดินรถของเรา ผมก็ชำเลืองมองกระจกหลังอีกครั้ง คราวนี้เจอสายตาคมกริบคู่หนึ่งจ้องประสานจนผมต้องรีบหลบและเบือนมามองถนนลาดยางเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว ทว่าแค่ชั่วไม่ถึงนาทีผมก็ชำเลืองมองไปใหม่ ก็ให้นึกประหลาดใจที่พบว่าสายตาคู่นั้นยังคงคอยจ้องประสานตาผมอยู่ ครั้งที่สามที่สาม ที่สี่ ที่ห้า ก็เหมือนเดิม เพียงแต่คราวนี้ไม่มองเฉย กลับทำสายตาล้อเลียนแปลก ๆ จนผมอดส่งยิ้มสะท้อนกลับไปทางกระจกส่องหลังบานนั้นไม่ได้ และสุดท้ายเธอก็ยิ้มตอบ... เธอนั่งบนเบาะโดยสารถัดไปแถวที่สี่กับเพื่อนนักเรียนหญิงชั้นมัธยมปลายด้วยกัน ในสายตาผม เธอสวยกว่าเพื่อนคนนั่งใกล้อย่างเทียบไม่ติดเลยทีเดียว ---------------------- แวะมาทักทายด้วยความคิดถึงค่ะคุณหลวงเส โดย: เกศสุริยง วันที่: 8 พฤษภาคม 2557 เวลา:22:05:33 น.
อรุณสวัสดิ์ค่ะ หลวงเส เช้านี้รับกาแฟ ไข่ลวก ขนมปัง สักหน่อยไหมค่ะ มีความสุขกับการทำงานในวันนี้น๊า โดย: KeRiDa วันที่: 4 พฤศจิกายน 2557 เวลา:9:54:50 น.
โดย: KeRiDa วันที่: 18 พฤศจิกายน 2557 เวลา:8:49:47 น.
|
บทความทั้งหมด
|
คุณเหลือ อีก 3 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ
สวัสดีค่ะ หายไปไหนอ่ย นานหลายเดือนแล้ว คิดดึง
ว่างๆก็เข้ามาคุยกันบ้างนะคะ อ้อ..ลืมถาม เข้ามาร่วมม้อบกับเขาบ้างหรือเปล่าเอ่ย??????????????????