--- อั น เ ด อ ร์ ก ร า ว ด์ : มู ร า ค า มิ --- ความน่ากลัวของซารินเป็นความน่ากลัว ที่ไม่เคยถูกบรรยายเป็นตัวอักษรมาก่อน แม้แต่ครั้งเดียว :: อันเดอร์กราวด์ มูราคามิ บันทึกการอ่าน อั น เ ด อ ร์ ก ร า ว ด์ ฮารุกิ มูราคามิ ฉันใช้เวลาในการอ่าน อั น เ ด อ ร์ ก ร า ว ด์ ของมูราคามิ หลายวันเลยทีเดียว นั่นเป็นเพราะโศกนาฏกรรมแก๊สพิษซารินซึ่งถูกกลุ่ม โอมชินริเกียว นำมาปล่อยในรถไฟใต้ดินกรุงโตเกียว จนเกิดการบาดเจ็บและการตายมากมายนั้นเป็นเรื่องจริง ฉันเคยติดตามเรื่องราวบ้างเล็กน้อยจากเหตุการณ์นี้ ทราบแต่การตามจับผู้ก่อเหตุร้ายซึ่ง นักเขียนอย่างมูราคามิเรียกคนเหล่านี้ในการสัมภาษณ์ว่า เครื่องจักรสังหาร ฉันสงสัยว่า ทำไมเขาจึงเรียกว่า ศาสนาโอมชินริเกียวแทนที่จะเป็นลัทธิโอมชินริเกียว ลัทธินี้มีความเชื่อเรื่องโลกาวินาศทั้งที่รวมหลักคำสอนของศาสนาพุทธและฮินดูเข้าไปด้วย หลักศาสนาส่วนใหญ่เน้นการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและไม่เบียดเบียนกัน ความเชื่อของพวกเขาส่งผลต่อความคิดลบ พวกเขาเกรงว่าจะถูกกวาดล้างจึงต้องกวาดล้างผู้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก่อน ตอนเปิดอ่านหน้าแรก ๆ เป็นความในใจของผู้เขียนนั้น ฉันเข้าใจว่า จะมีบทสัมภาษณ์ เครื่องจักรสังหาร หรือ คนที่เป็นคนมาเจาะถุงซารินบนรถไฟใต้ดินด้วย แต่ไม่ใช่ เขาเพียงแต่เปิดตัวผู้กระทำการและถูกจับตัวได้แล้วว่าเป็นใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ซึ่งคนส่วนใหญ่มีมันสมองระดับหัวกะทิทั้งนั้น เพียงแต่มีความเชื่อในลัทธิโอมชินริเกียว แต่พอรับรู้ก่อนลงมือกระทำการ เขารู้สึกหวั่นไหว รู้ว่านี่คือการฆ่าคนแน่ ๆ แต่เขาก็เลือกที่จะลงมือ... สื่อหลักของญี่ปุ่นประโคมข่าวความโหดเหี้ยมชั่วร้ายของผู้กระทำ แต่ครั้งนั้นแทบไม่มีใครนึกถึงประชาชนผู้ถูกกระทำซึ่งถูกมองข้ามเหมือนไร้ตัวตน และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ มูราคามิ ไปสืบสาวสัมภาษณ์เรื่องราวของคนสามัญในเหตุการณ์ไม่สามัญครั้งนี้ เขาได้สัมภาษณ์ผู้คนหลากหลายอาชีพที่มาใช้รถไฟใต้ดินในเช้าวันแดดจ้าฟ้าใสวันนั้น มีทั้งผู้ประสบเหตุการณ์ตรง เจ้าหน้าที่ที่ทำงานประจำที่นั่น ผู้เห็นเหตุการณ์ ต่างมีความรู้สึกกับเหตุการณ์นี้ต่างกัน บางคนเล่าขำ ๆ และยังคงใช้ชีวิตตามปกติเพราะไม่รู้ว่าอะไรจะดีไปกว่านี้ บางคนเล่าด้วยความสะพรึงกลัวและไม่สามารถใช้เส้นทางสายเดิมได้อีกแล้ว บางคนโกรธแค้นผู้ลงมือ อยากให้กฎหมายลงโทษผู้กระทำผิดอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน บางคนกล้า ๆ กลัว ๆ ให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วก็ขอระงับต้นฉบับ ไม่ต้องการให้เผยแพร่เพราะอยากอยู่อย่างสงบและปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไป หลายคนเกิดภาวะ PTSD คือผลกระทบภายหลังที่เกิดเหตุคือ ภาวะหวาดผวาจากเหตุภัยพิบัติครั้งนี้ เขากลายเป็นผู้ป่วยที่ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดังเดิม ความผิดปกติจากแก๊สซารินทำให้รูม่านตาดำหดตัว โลกจะกลายเป็นสีเทาและไม่สามารถมองแสงอะไรได้นาน ๆ แสงรอบตัวดูหม่น ๆ บางคนเหนื่อยล้าง่าย กินแล้วก็ต้องนอนทีละสองถึงสามชั่วโมง กินสามมื้อก็อยากนอนอีก โดยที่กลางคืนก็หลับได้แต่บางคืนก็หวาดผวากับความมืด เป็นระดับความเสียหายทางจิตใจที่คนอื่นมองไม่เห็น เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมทะลักทะลวงเข้ามาข้างในตัวเอง เหมือนถูกบุกรุกความทรงจำ เห็นภาพในอดีต กลัวจนขาสั่นหรือทำอะไรไม่ได้ คนทั่วไปที่ไม่รู้สาเหตุหลังจากโดนพิษแก๊สซารินรู้สึกเองว่า ผู้ประสบภัยที่รอดชีวิตเหล่านี้ไม่เป็นอะไร เพราะมันไม่มีบาดแผล ใช่...เพราะเป็นความเจ็บปวดที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ความทรมานต่าง ๆ เหล่านี้มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ ผู้ประสบเหตุการณ์ตรง ที่อาการหนัก ๆ นอนเป็นผักบนเตียงก็มี จากที่เคยชอบเขียนบันทึกทุกวันต้องมาทำกายภาพบำบัด สูญเสียความทรงจำ เสียการรับรู้ ฟื้นตัวขึ้นมาได้ ก็ได้สติปัญญาระดับประถมมาแทนที่ ไม่รู้ว่าจะฟื้นตัวได้อีกแค่ไหน แต่สมรรถภาพในการมองเห็นเสียหายกันเกือบทุกคน บางคนก็เกิดความสงสัยเหมือนกันว่า การมีชีวิตอยู่คืออะไร เราจะรักษาความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ แม้แต่ทนายความก็ไม่อยากจะเป็นกระบอกเสียงให้ผู้เสียหาย เพราะกลัวลัทธิโอมชินริเกียว ฉันค่อย ๆ อ่านเรื่องราวผู้โดยสารแต่ละคนที่ขึ้นรถไฟใต้ดินในวันนั้นแล้ว เข้าใจ คำเตือนของสำนักพิมพ์ขึ้นมาเลยว่า 'การอ่านหนังสืออาจจะทำให้มีความเห็นใจคนอื่นมากขึ้น' นั้นมีความหมายลึกซึ้งเพียงไร อ่านเล่มนี้จบลงแล้ว เล่มต่อไปของสำนักพิมพ์คือ บทสัมภาษณ์สมาชิกโอมชินริเกียวและผู้เกี่ยวข้องกับการปล่อยแก๊สพิษซาริน ... ขอบคุณค่ะ ภูพเยีย 31 มีนาคม 2560 ![]() โดย: สมาชิกหมายเลข 4507140
![]() |
บทความทั้งหมด
|