--- ช า ย ชื่ อ อู เ ว กั บ แ ม่ ข อ ง ฉั น --- ![]() 1. สองวันนี้อ่านหนังสือเรื่อง A Man called OVE ( ชายชื่ออูเว ) เป็นหนังสือที่น่ารักมากที่สุดของต้นปีนี้ที่ได้อ่านหนังสือใหม่ ๆ มา มันทำให้ฉันยิ้มได้ หัวเราะได้และร้องไห้สั่นสะเทือนหัวใจยามที่รอบตัวมองเขาเป็นชายแก่ที่น่าเบื่อ ย้อนยุค มีคำถามมากที่สุด ไม่เข้าใจโลกใบใหม่ที่ไม่เห็นมันจะน่าสนใจหรือดีกว่าสิ่งที่เคยเป็นสักแค่ไหน ใครต่อใครหงุดหงิดกับตาแก่อย่างอูเว อูเวถากถางโลกใบใหม่อย่างชาญฉลาด ร้อยเรียงด้วยภาษาเรียบง่าย ละมุนละไมแต่บาดลึกจนเราต้องทบทวนและฉุกคิด ฉันน้ำตาซึมเกือบทุกตอน ไม่ใช่ว่าเศร้าหรอก เข้าใจในสิ่งที่เขาคิดและเป็น มีความพิเศษหลายอย่างในหนังสือเมื่อย้อนถึงเบื้องหลังของเขา ทำให้เรารู้ที่มาของชีวิต บาดแผลทางใจที่เขาเป็นผู้ถูกกระทำ เขามีชีวิตอันโชกโชน น่าชื่นชม คนตัวเล็ก ๆ ที่ใครต่อใครไม่ให้ค่า อูเวรักพ่อมาก แนวทางที่เขาเดินตามรอยพ่อ น่ารักที่สุด ไม่คิดว่าจะรักชายชื่ออูเวคนนี้ได้เหมือน ๆ กับซอนยา ผู้หญิงที่ทำให้โลกดำ-ขาวของเขามีสีสัน ผู้ัหญิงแสนสวยที่รักหนังสือ พ่อของเธอและแมว อย่างไม่มีเงื่อนไข ผู้หญิงที่เห็นด้านในของชายอันเป็นที่รักที่ใครต่อใครสงสัย ว่ารักเขาไปได้ยังไง ก่อนที่เธอจะปล่อยให้เขาอยู่ในโลกอันเงียบเชียบและมีสีดำขาวอีกครั้ง อูเว ชายวัยห้าสิบเก้าที่รักความยุติธรรม ซื่อตรง ทำงานหนัก และศรัทธาในโลกที่ ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด ฉันจะเขียนเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังอีกครั้ง เพราะเพิ่งอ่านจบใหม่ ๆ กำลังอินกับทุกอารมณ์ในตัวอักษรที่เป็นอูเว ผู้ชายเรียบง่ายที่เปี่ยมเสน่ห์ที่สุด เขามานั่งอยู่กลางใจฉันเสียแล้ว 2. เมื่อวานนี้ แม่คร่ำครวญเรื่องแมวป่วยอีกครอกหนึ่ง แม่ถ่ายรูปมาให้ดูจนเวทนาและน่าหดหู่ใจ ขอร้องว่าอย่าถ่ายรูปพวกนี้ลงในไลน์เลย แค่เล่าหรือบรรยายเรื่องราวก็เศร้าใจจนไม่มีแรงจะอ่านแล้ว กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่แม่ต้องนั่งเฝ้าแมวจรที่แอบมาออกลูกในบ้านและทิ้งไว้ให้เป็นภาระ ความใจดี มีเมตตานำพาซึ่งความเดือดร้อนเพราะแม่อยู่ท่ามกลางเพื่อนบ้านที่เกลียดแมวเข้ากระดูกดำ และกล่าวหาว่า แมวจรทุกตัวเป็นของแม่ แม่เจอบัตรสนเท่ห์ซึ่งอ่านสำนวน สำเนียงก็คือคนข้างบ้านแม่นี่แหละ แม่ทำตัวไม่สนโลก ไม่สนใจว่าแมวจะทำความเดือดร้อนให้ใครเพราะแม่แค่ให้อาหารกิน แมวโดนยาเบื่อหลายต่อหลายครั้ง เท่ากับเป็นการเตือนของคนข้างบ้าน แต่แม่ไม่เอะใจ การที่เขาวางยาแมวนั้นเท่ากับเขาไม่เห็นหัวแม่แล้ว น่าจะอ่านออก คนเราไม่เกรงใจกันแล้ว กล้าฆ่าสัตว์ได้นี่น่ากลัวมาก เขาเกลียดแมวแม่จนกระทั่งแจ้งความจำนงชัดเจนว่าให้เอาแมวไปที่อื่น ไม่งั้นคนในหมู่บ้านจะรวมหัวกันขับไล่แม่แทน อ่านแล้วอัปลักษณ์มาก แต่เราก็ต้องหยุดที่จะเทอาหารแมวแบบสถานสงเคราะห์ด้วยเช่นกัน เพราะบ้านหลังคาชนกัน ไม่มีบริเวณพอจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอะไรมากมาย ดูเหมือนแม่จะเข้าใจ จนกระทั่ง ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม แม่เทอาหารรอบบ้านเหมือนเดิม เรียกแขกเหมือนเดิม เรียกทั้งแมวและคนที่เกลียดแมว เราช่วยกันบอกว่า ถ้าไม่เปลี่ยนวิธีคิดหรือวิถีชีวิต ก็จะเจอแต่เรื่องเดิม ๆ รังแต่จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ดีมีสุขอยู่แล้ว ทำไมต้องสร้างศัตรูรอบด้าน เราไม่เทอาหารรอบบ้านวันละกระสอบก็จะไม่มีแมว มันเฮโลมาก็ให้คนอื่นเกลียดและมาตาย และคนให้ก็เป็นที่รังเกียจเสียอีก หากพวกเราอยู่ด้วย ก็จะดูแลไม่ให้แม่ทำอะไรแบบนี้ แม่ก็ว่า แม่ไม่ใช่คนใจดำ คนอื่นใจดำก็ช่างเขา แล้วพวกเราก็ไม่รู้จะทำยังไง แม่ไม่อยากอยู่กับใคร เพราะรักบ้านของเขาและบอกว่าจะไม่ไปไหน แต่มันทำให้เราเป็นห่วงมากขึ้น ห่วงเพราะเขาอยบู่ท่ามกลางคนที่เกลียดชังแม่ ใครต่อใครก็มองว่าแม่ไม่มีลูกหลาน ทั้งที่เราชวนมาอยู่ด้วยจนปากเปียกปากแฉะแล้ว แต่ก็เหนื่อยจนไม่รู้จะพูดแบบไหน ให้ขายบ้านทิ้ง อย่าได้อาลัยอาวรณ์กับของนอกกายเลย บ้านลูกพร้อมรับแม่ทุกบ้าน มาเดี๋ยวนี้ยังได้ สำหรับแมวนั้น ก็เอามาเท่าที่เอามาได้ จะทำหมันให้ทุกตัว แต่จะไม่ให้เลี้ยงแบบสถานสงเคราะห์เพราะมันเกินความจำเป็น แต่แม่ก็ไม่สนใจทุกข้อเสนอ จะอยู่บ้านและดูแลแมวป่วย ฉันพยายามจะเข้าใจอารมณ์ของแม่ เขาอาจจะเคยชินกับการอยู่คนเดียว รักลูกก็รักแบบห่าง ๆ แต่ก็ชอบที่จะอยู่คนเดียว แม่ติดเพื่อน ติดที่อยู่และความคุ้นเคยเก่า ๆ จนยากที่จะปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ มาบ้านฉันก็มีความสุขดี แต่ก็ห่วงบ้านตัวเอง สำคัญที่สุดคือห่วงแมวจร ทั้งที่ไม่มีแม่ มันก็หากินที่อื่นได้ แม่อยู่กับแมวจรจนไม่ไปเที่ยวบ้านลูกคนไหนมาเกือบสิบปีแล้ว ยามแม่ป่วย ไปหาหมอก็ลำบาก การอยู่คนเดียวมันอาจจะดีตอนที่ยังแข็งแรง แต่แม่ลืมตัวเองหรือเปล่าว่าตอนนี้อายุมากขึ้น กำลังวังชาไม่เหมือนเดิม เหมือนยายแก่เฝ้าบ้านที่คร่ำครวญอยู่กับแมวทั้งวัน ทั้งที่แม่ก็สามารถออนไลน์ ใช้คอมพ์ฯ เล่นเกมและถ่ายรูปส่งในไลน์ได้ทั้งวัน แม่อยู่ที่ไหนก็ได้ เราก็คิดแบบเรา ว่าแม่น่าจะอยู่กับเราได้ ไม่ใครก็ใครสักคน แต่เขาปฏิเสธทั้งหมด ตอนแม่ป่วยนี่แหละที่เราทุกข์ที่สุด เราเปลี่ยนแม่ไม่ได้และต้องสลับกันไปดูแล เหมือนกับพ่อที่เราต้องจัดเวลาไปเยี่ยมให้ได้ทุกเดือน พ่อก็แย่เหมือนกัน เพราะพ่อสื่อสารไม่ค่อยได้ แต่พ่อมีคนอยู่เป็นเพื่อน จะห่วงพ่อก็ยังน้อยกว่าแม่ ฉันเข้าใจอูเว เมื่อโลกมันเปลี่ยนไป แต่เขาสามารถมองหาวิถีเดิมที่ดีกว่าได้จริง ๆ แต่ฉันเหมือนไม่เข้าใจแม่ ขณะที่แม่รับสิ่งใหม่ ๆ ได้หลายอย่าง แต่ก็ติดยึดในบางสิ่งบางอย่างที่เราบอกก็ไม่เชื่อ ฉันก็ไม่รู้จะกลายเป็นคนแก่แบบไหน จะเป็นแบบอูเว หรือเป็นแบบแม่ อูเวไม่มีเพื่อน แต่ไม่มีศัตรู ส่วนแม่มีเพื่อนและมีคนที่ไม่ชอบแมวของแม่ จนกระทั่ง พาลไม่ชอบแม่ไปด้วยจนน่าเป็นห่วง ไม่อยากคิดอะไรไม่ดีกับคนสมัยนี้จริง ๆ บางอย่างน่ากลัวมาก คนที่ไม่ชอบแมว ไม่น่าไว้ใจและไม่น่าดูแลใครได้ อย่างที่พ่อของซอนยากล่าวหาอูเว และแม่ของฟุนซู กล่าวหาเคมาล (ในพิพิธภัณฑ์แห่งความไร้เดียงสา) จะยังไง ฉันก็อยากให้มันไม่เป็นความจริง ขอบคุณค่ะ ภูพเยีย แวะมาอ่านก่อนนอนค่ะ
โดย: อุ้มสี
![]() ![]() ![]() โดย: สมาชิกหมายเลข 4507140
![]() |
บทความทั้งหมด
|