❤++++++❤ สาวไกด์ฯ ตะลุยสิงคโปร์ ตอน ๔ – ไชน่าทาวน์,เซ็นโตซ่า,คล้ากคีย์ ❤++++++❤

คำเตือน : บล็อกวันนี้ยาวมากกกกกกกก ควรมีเวลาพอสมควรในการอ่านนะคะ









สวัสดีค่า

จากตอนที่หนึ่ง ว่าด้วยการเดินทางจากสนามบินไปออร์ชาร์ดและกบหม้อดิน

ตอนที่สอง สวนนกจูร่ง


ตอนที่๒/๒ สวนจีนและผู้เฒ่าเต่า


ตอนที่๒/๒ อาหารอินเดียและไนท์ซาฟารี

ตอนที่ ๓ ไซเอนซ์เซนเตอร์ เอสกิบาร์และซันเทคแล้ว



วันนี้จะเปลี่ยนไปเที่ยวไชน่าทาวน์ เซ็นโตซ่าและคล้ากคีย์ค่ะ


สำหรับรายละเอียดการเดินทางไปแต่ละที่ ดูรายละเอียดด้านล่างนะคะ





เช้าวันนี้ตื่นมาเป็นปกติค่ะ (สายเป็นปกติ ) ตื่นซะแปดโมงครึ่ง จากนั้นก็เดินทางโดย MRT เจ้าประจำไปที่ไชน่าทาวน์ค่ะ


โดยไม่ลืมที่จะหยิบคู่มือการเดินไชน่าทาวน์ไปด้วย (มีอยู่ที่ Tourist Information ที่แอร์พอร์ตเทอร์มินัล ๑ นะคะ) แล้วก็ตั้งใจว่าจะพยายามเดินตามรอยให้มากที่สุด (แต่ท้ายสุดแล้วก็ต้องตัดโปรแกรมออกบ้างค่ะ )


เมื่อลงที่สถานี China Town เรียบร้อยปุ๊บ ก็เลือกขึ้นประตูที่โผล่ไปยังจุดเริ่มต้นของการเดินเท้าตามคู่มือ ก็ถ่ายรูปเป็นที่ระทึกก่อนเลยค่ะ หนึ่งรูป




(ถ้าใครอ่านบล็อกเที่ยวสิงคโปร์มาตั้งแต่แรก จะพบว่า หน้าสาวไกด์ฯ จะกลมขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนวันที่เดินทาง ทั้งที่เดินออกจะเยอะ เพื่อทดแทนการกินนะ ทำไมมันอ้วนขึ้นหว่า? )



จากนั้นก็เดินผ่านร้านหมูแผ่นเจ้าอร่อย ซึ่งเราอยากซื้อมาก แต่คนไปด้วยไม่อนุมัติ บอกบ้านเราก็มี ก็อยากกินนี่หว่า ที่ว่าอร่อยนักหนาน่ะเป็นไง งือออออ แต่อ้อนไม่สำเร็จค่ะ
(จริงๆ ร้านหมูแผ่นมีสองร้านนะคะ มีร้านเล็กๆ ที่อยู่ริมถนน กับร้านใหญ่ที่อยู่ในตลาดไชน่าทาวน์เลย ดูจากรูปข้างล่างนี่จะเป็นร้านสีออกเหลืองๆ ส้มๆ ที่อยู่ไกลๆ น่ะค่ะ)



มุมนี้เป็นมุมยอดฮิตค่ะ ในมือที่จขบ.โชว์นั่นคือคู่มือการเดินไชน่าทาวน์




ขอบอกว่าบรรดาของที่ระลึกทั้งหลายนี่ ที่นี่ถูกสุดๆ แล้วนะคะ ถ้ามีเวลามากพอ ให้เดินดูหลายๆ ร้านค่ะ เพราะยิ่งลึกบางทียิ่งถูก (แต่บางทีไอ้ที่ถูกๆ มันดั๊นนนนนไม่มีแบบที่เราต้องการก็มีค่ะ) พวกพวงกุญแจเอย อะไรเอย ซื้อที่นี่ได้เลยค่ะ



พอเดินจนสุดตลาด (จริงๆ ตรงก่อนสุดตลาดจะผ่านด้านข้างของศาสนสถานนี้อยู่แล้วค่ะ) เลี้ยวขวาปุ๊บก็เจอทางเข้าวัดแขก แต่เนื่องด้วยเวลาที่จำกัด (เพราะมัวแต่นอนกันอยู่) ก็เลยแค่ถ่ายรูปด้านหน้า ไม่ได้เข้าชมด้านในค่ะ





จากนั้นก็เดินไปตาม routing มีผ่านโรงละครเก่าแก่ แล้วก็ผ่านวิธีการเที่ยวอันหนึ่งที่น่าสนใจ (แต่คงต้องเอาไว้คราวหน้า) ก็คือการนั่งสามล้อชมเมืองค่ะ (อยู่ตรงใกล้ๆ สวนน่ะค่ะ) ซึ่งน่าสนุกและน่าจะได้บรรยากาศอย่างหนึ่งเลยค่ะ (ตอนกลางคืนที่ไปคล้ากคีย์ก็เห็นขบวนฝรั่งนั่งกันมาเป็นแถวเลยค่ะ แต่ถ่ายรูปไม่ทัน)





จากนั้นเราก็เดินลัดเลาะทางลัด (แต่มีในคู่มือค่ะ) ผ่านสวนหย่อมเล็กๆ ไปก็จะไปเจอถนนด้านหลังวัดจีน เดินเลาะกำแพงผ่านสวนเล็กๆ อีกอัน ก็จะเจอวัดนี้เลยค่ะ





วัดนี้เป็นวัดของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลค่ะ ส่วนใหญ่จะมาขอพรเรื่องการคุ้มครองให้ปลอดภัยค่ะสำหรับเราไปก็ไม่ได้จุดธูปไหว้นะคะ แต่ซื้อเทียนที่เป็นรูปดอกบัวอันเล็กๆ จุดถวายท่านและขอพรแทน (ดอกเล็กขายดอกละ ๒ เหรียญค่ะ)





หลังจากที่ถ่ายรูปกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาหาอะไรใส่ท้องกัน ก็เลยเดินไปที่ Lauprasat กันค่ะ เพราะจำได้เลาๆ ว่า มีคนบอกให้ไปทานสะเต๊ะที่นี่

ที่ Lauprasat นี่ก็เหมือนกับศูนย์รวมอาหารการกินน่ะค่ะ แต่เป็นศูนย์อาหารอิสระ ไม่ได้ขึ้นตรงต่อห้างใดๆ ทั้งสิ้น ลักษณะอาคารคล้ายๆ พวกขนมปังขิงอะค่ะ (ช่วยด้วย – เรียกไม่ถูก ) เป็นฉลุๆ เหมือนลูกไม้ – สวยดีค่ะ


เมื่อไปถึงก็จับจองที่นั่งก่อนได้เลย





จากนั้นก็เดินหาร้านหมูสะเต๊ะ (คือมันเป็นศูนย์อาหารที่มีศูนย์กลางอยู่ แต่จะมีร้านต่างๆ แยกออกไปเป็นแฉกๆ อีกอะค่ะ (อธิบายแล้วพอจะนึกภาพตามได้มั้ยคะ? )) ปรากฏว่าไม่เจอซักร้านค่ะ มีแต่อาหารต่างๆ นานาชนิดมากมาย ท้ายที่สุดก็เลยตัดสินใจถามร้านอาหารแขก เค้าบอกว่า “ถ้าจะกินสะเต๊ะต้องมาตอนเย็นนะจ๊ะนายจ๋า”



แงงงงงงงง....พลาดอีกแล้วตรู


ในใจก็คิดว่า...เอาวะไม่เป็นไร ค่อยไปกินที่สะเต๊ะคลับที่คล้ากคีย์ก็ได้ฟะ




ก็เลยตัดสินใจสั่งเจ้านี่มาหม่ำแทนค่ะ




โดยการเลือกร้านก็ใช้เซ้นส์ปกติที่เค้าว่าๆ กันก็คือ ร้านไหนคนเยอะ ร้านนั้นอร่อย ซึ่งก็ใช้ได้เลยค่ะสำหรับร้านนี้ ลูกชิ้นปลาไม่คาวเลย อร่อยดีค่ะ




หลังอิ่มอร่อยเรียบโร้ยยยยยย เราก็ตัดสินใจอำลาถิ่นไชน่าทาวน์ ไปใช้บริการ MRT แต่คราวนี้ไม่ได้ไปที่สถานีไชน่าทาวน์เดิมนะคะ ไปลงที่ Raffle Place แทน (เพราะใกล้กว่า) ซึ่งก็ได้พบว่า อ้าว..ที่นี่มันมีร้านให้แลกเงินไทยได้ด้วยค่ะ (แต่เราเอาดอลล่าห์ไปแลกหนะ) อยู่ตรงหน้าตึก Arcade ใกล้ๆ ทางลงสถานีเลยอะค่ะ ซึ่งถ้าหันหน้าเข้าตึกจะมีทั้งร้านฝั่งซ้ายและขวา แต่เราดูเรทแล้วฝั่งซ้ายเรทดีกว่า ก็เลยแลกที่ร้านนี้เอาค่ะ







จากนั้นก็นั่ง MRT ไปที่ Harbour Front เพื่อต่อไปยังเซ็นโตซ่าค่ะ



เราเลือกที่จะออกไปตามป้ายที่จะไปเรียกแท็กซี่ เนื่องจากตั้งใจว่าจะไปขึ้นเคเบิ้ลคาร์ตั้งแต่จากสถานี Mount Faber ค่ะ (ซึ่งคนที่เดินทางเองส่วนใหญ่จะไม่เลือกเดินทางด้วยวิธีนี้กัน จะมีแต่คนที่ไปกับทัวร์ เพราะรถบัสจะสามารถขึ้นไปถึงได้น่ะค่ะ แล้วอีกอย่าง มันเป็นต้นทาง เพราะฉะนั้นกระเช้าจะค่อนข้างว่าง ลูกทัวร์จะสามารถมีที่นั่งได้ และได้นั่งยาวขึ้น) การนั่งแท็กซี่ก็หมดไป 3.2 เหรียญเท่านั้นเอง (สตาร์ทที่ 2.4 เหรียญค่ะ) ขึ้นไปปุ๊บก็จะเป็นอาคาร Jewel Box ค่ะ



(จะเห็นได้ว่าข้างหลังนี่รถบัสเต็มเลย)



พอเข้าไปในอาคารก็จะมีเค้าน์เตอร์ขายบัตรเซ็นโตซ่าค่ะ ซึ่งเราก็สามารถเลือกแพ็คเก็จได้ โดยเราเลือกนั่งกระเช้า ๑ ขา / Image of Singapore / Luge 1 ride / Merlion Tower ซึ่งจะได้เครื่องดื่มฟรี 1 drink ที่ Sky Bar (อยู่ตรงใกล้ๆ Carlsberg Sky Tower) ด้วยค่ะ




(บัตรที่เห็นโดนฉีกส่วนที่นั่งกระเช้าแล้วนะคะ)


จริงๆ ตรงนี้นอกจากจะมีร้านอาหารและห้องน้ำให้เข้า ก็จะมีเมอไลอ้อนอีกตัวด้วยนะคะ (ที่สิงคโปร์มีเมอไลอ้อน ๓ ตัว คือ ริมทะเล เม้าท์เฟเบอร์ และที่เกาะเซนโตซ่าค่ะ) แต่ข้าพเจ้าลืมไปถ่ายรูปง่ะ รวมทั้งวิวทิวทัศน์ก็สวยงาม ถ่ายรูปได้ด้วยค่ะ เพราะงั้นเชียร์ๆ ค่ะ ให้ไปขึ้นที่นี่ดีกว่า




แล้วก็ถ้าใครต้องการความแปลกใหม่โรแมนติก สามารถติดต่อดินเนอร์บนกระเช้าได้ด้วยนะคะเกร๋ซ้าค่ะ






หลังจากนั่งกระเช้าปุ๊บก็จะมีไปแวะจอดรับที่ตึกเวิลด์เทรด ๑ สถานีค่ะ(ซึ่งถ้าใครขึ้นจากฮาร์เบอร์ฟร้อนท์แล้วเดินตามป้ายเคเบิ้ลคาร์ ก็ต้องมาขึ้นที่นี่ค่ะ แต่ต้องรอกระเช้าว่าง หรือรอเติมกระเช้าที่คนยังไม่ครบ ซึ่งกระเช้าเราก็มีสองสามีภรรยาคู่หนึ่งขึ้นมานั่งด้วยค่ะ หลังจากตอนแรกนั่งกันมาสองคนพักหนึ่ง) แล้วก็ตรงเข้าไปยังเซ็นโตซ่า



พอไปถึงปุ๊บ เราก็ไปรับเครื่องดื่มฟรีที่ Sky Bar ก่อนเลยค่ะ (ไม่ค่อยเห็นแก่กินเลยตรู ) เป็นน้ำเขียวๆ คล้ายๆ เฮลซ์บลูบอยผสมมะนาว แล้วก็มีมาชเมลโลติดหลอดมาให้ด้วย (มันคงมีชื่อเรียกค่ะ แต่ข้าพเจ้าไม่รู้ชื่อ



หลังจากนั้นก็ไปชม Image of Singapore ซึ่งก็เป็นพิพิธภัณฑ์แบบอินเตอร์แอคทีฟค่ะ ทำให้รู้เรื่องราวความเป็นมาของสิงคโปร์จนเป็นปัจจุบัน – เวิร์คค่ะ สมควรแก่การชมนะคะ (พอดีเจ้าของบล็อกเป็นคนชอบพิพิธภัณฑ์อยู่แล้วด้วยอะค่ะ แหะๆ )



จากนั้นก็เดินข้ามไปอีกนิดก็ไปนั่ง Luge กันค่ะ โดยที่ของเราเป็นแบบ 1 ride ก็ต้องเดินตามสติ๊กเกอร์สีเขียวไป โดยต้องหยิบหมวกกันน็อกไปด้วย (มีสองไซส์คือ เล็กกับกลางค่ะ)


แล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่อธิบายว่านั่งแล้วดึงเข้าหาตัวคือไปนะ ดันออกไปคือเบรก (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) จากนั้นก็ปล่อยเราลงมาจากเนินค่ะ โดยพอใกล้จะถึงข้างล่างก็จะมีกล้องถ่าย เพื่อขายรูปเรา โดยจะมีจอให้ดู แต่เราจะยังไม่ซื้อก็ได้ แต่ต้องจำเบอร์รูปไว้ค่ะ เพราะพอขาขึ้นเราต้องนั่งกระเช้าขึ้นมา (ซึ่งอันนี้จะเวิร์คกว่าค่ะ เพราะวิวข้างหลังจะเป็นทะเล เกาะแก่งสวยดีค่ะ) ก็จะมีการถ่ายรูปอีกที ซึ่งเราจะเอาแค่รูปเดียวหรือสองรูปก็ได้ (รูปละ 10 เหรียญ)




จากนั้นตอนแรกเราก็ตั้งใจจะไปนั่งรถรางชมรอบเกาะเซนโตซ่า แต่ปรากฏว่าเราเชยมากค่ะ เพราะตอนนี้รถรางไม่มีแล้ว (คือเหมือนๆ กับว่าเค้าสร้างใหม่อยู่ค่ะ มีการเปลี่ยน routing การวิ่งด้วยน่ะค่ะ) เพราะฉะนั้นตอนนี้เราก็เลยต้องอาศัยรถบัสแต่เพียงอย่างเดียว



การนั่งรถบัสเพื่อไปที่ Merlion Tower สามารถนั่งจากตรงแถวทางที่จะเดินไป Butterfly Park แหละค่ะ (ฝั่งตรงข้ามกับ Luge) ใช้รถสายสีฟ้า ซึ่งจริงๆ เราจะลงที่ Artists Village ใกล้ๆ ตรงลานแสดงน้ำพุก็ได้ค่ะ แต่ต้องข้ามมาฝั่งตรงกันข้ามนิดหนึ่ง หรือจะรอรถไปวนที่ Visitor Departure Centre ก่อนก็ได้ค่ะ แล้วมันจะมาลงที่ป้าย Merlion อีกทีค่ะ


เราเดินต๊อกๆ ไปถ่ายรูปที่หน้าเมอไลอ้อนตรงถนนก่อน แล้วจึงค่อยเดินย้อนมาเข้าตรงทางเข้า แล้วถ่ายที่ด้านข้างๆ ของเมอไลอ้อนอีกทีหนึ่ง (ตรงนี้จะมีพวกน้ำพุด้วยค่ะ)



(ท่าคุ้นๆ มั้ยคะ? ท่าหากินง่ะ อิอิ )



ก่อนเข้าไปเมื่อโชว์ตั๋วแล้วเค้าจะให้เหรียญมา (เดี๋ยวจะบอกค่ะว่าเค้าให้ไปทำอะไร) ซึ่งเมื่อเข้าไปก็จะมีสไลด์มัลติวิชั่น (เรียกงี้ป่าวหว่า? ) ให้ชมเป็นการ์ตูนประมาณอธิบายการเกิดเกาะสิงคโปร์ อันเป็นที่มาของสัญลักษณ์ Merlion ด้วยค่ะ


จากนั้นก็จะมีเจ้าหัวเมอไลอ้อนประมาณสามกลุ่มรออยู่ เอาเหรียญที่เค้าให้มาหยอดแล้วก็จะได้ตั๋วประมาณนี้ค่ะ (จะมี gift ชุด A หรือ B) แต่เราต้องเก็บไว้กะตัวก่อน เพราะยังไม่ถึงเวลาแลก ต้องขึ้นลิฟท์ไปก่อนค่ะ




ขึ้นลิฟท์ไปชั่วมดหาว (แปลว่าแป๊บเดียว) ก็จะถึง โดยที่ถ้าเราเดินลงข้างล่างจะไปโผล่ที่ปากเมอไลอ้อนค่ะ ซึ่งก็จะมีช่างภาพมาถ่ายรูปให้เราด้วย (แต่เราไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้ค่ะ เค้าแค่ต้องทำหน้าที่ของเค้าเท่านั้นเอง)



(รูปนี้ช่างภาพเค้าใช้กล้องเราถ่ายให้ค่ะ)


จากนั้นเราก็เดินขึ้นผ่านหน้าลิฟท์ขึ้นไปที่หัวเมอไลอ้อน เพื่อชมวิวและถ่ายรูปค่ะ (ซึ่งไปคราวนี้ถือว่าโชคดีมากๆ ตลอด เพราะเราจะได้ไปจังหวะที่คนไม่ค่อยเยอะ ทำให้ถ่ายรูปได้สะดวกมากๆ ค่ะ)




หลังจากถ่ายรูปจนจุใจแล้ว เราสองคนก็ลงลิฟท์มาที่ชั้นขายของที่ระลึก เราก็เอาไอ้ตั๋วที่ใช้เหรียญแลกนี่แหละค่ะไปแลกของที่ระลึกที่เค้าน์เตอร์ ก็ได้เป็นพวงกุญแจหนึ่งอันและพัดหนึ่งอันค่ะ





กว่าจะเสร็จสรรพเรียบร้อยก็หกโมงครึ่งแล้วก็เดินไปที่ลานแสดงน้ำพุกัน (จะดูรอบทุ่มครึ่งค่ะ) ปรากฏว่าที่กลางๆ โดนนั่งไปหมดแล้ว (ตอนอยู่บนหัวเมอไลอ้อนก็เห็นแล้วล่ะค่ะว่ามีคนมานั่งตั้งแต่ห้าโมงเย็นได้) ก็เลยต้องเลือกนั่งเยื้องๆ หน่อย พอได้ที่นั่งปุ๊บ คนที่มาด้วยก็เลยไปหาซื้อน้ำเพื่อมากินกับขนมปังของ Bread Talk (ที่บอกว่ากะจะเอามากินมื้อกลางวันน่ะค่ะ) โดยใช้บัตร Ezylink ซื้อจากเซเว่นแถวนั้นค่ะ



จากนั้นก็ชมโชว์อันตระการตาของเซนโตซ่า (ชอบเจ้ากีกี้ ที่เป็นมัสคอตของที่นี่มาก เป็นลิงน่าร้ากกกกค่ะ แต่ว่าถ่ายรูปออกมาไม่สวยง่ะ ดูรูปนี้ไปแทนนะคะ)



ไม่น่าเชื่อนะคะว่าจะเป็นภาพที่ยิงไปบนน้ำพุ สวยยังกะฉายขึ้นจอแหนะ






ชมจบเราก็ยังไม่ออกทันทีค่ะ (เพราะคนหลายพันคนน่ะ ไม่อยากไปเบียดแย่งขึ้นรถกัน) ถ่ายรูปถ่วงเวลาอยู่แป๊บหนึ่งก็ค่อยเดินไปขึ้นรถเมล์สายเดิม (สีฟ้า) เพื่อไปที่ Visitor Departure Centre เพราะที่นี่จะมีรถไปส่งที่ MRT ให้ค่ะ


พอไปถึง MRT ก็เดินทางไปคล้ากคีย์กันค่ะ โอ้..ร้านน่านั่งมากมาย (แต่ได้ข่าวว่าแพงเอาการเหมือนกัน) แต่จุดหมายของเราคือจะไปที่สะเต๊ะคลับค่ะ โดยระหว่างทางก็มีการถ่ายรูปบ้าง




ที่คล้ากคีย์นี่จะมีท่าเรือที่สามารถซื้อทัวร์ล่องเรือไปชมเมอไลอ้อนพ่นน้ำได้ (เค้าว่ากันว่าประมาณคนละ ๑๒ เหรียญค่ะ) แต่เท่าที่เราทราบมา ณ วันนั้นเมอไลอ้อนจะยังซ่อมอยู่ จะเปิดพรุ่งนี้ ก็เลยข้ามโปรแกรมนี้ไปค่ะ


แต่เมื่อเดินไปถึงตรงที่ควรมีสะเต๊ะคลับ ปรากฏว่า โอ้..ไม่..ไม่..ม่ายจริงงงงงงงง มันซ่อมอยู่อ้ะ (ข้าพเจ้าไม่มีวาสนากินสะเต๊ะสิงคโปร์จริงๆ หรือนี่? ) ก็เลยคอตก เดินกลับมาโดยตอนแรกตั้งใจว่าจะนั่งรถเมล์ ทว่าเมื่อดูที่ป้าย รถเมล์ที่จะไปออร์ชาร์ดได้นี่มันไม่มีแย้ว (พอดีที่ไปเป็นวันจันทร์อะค่ะ ถ้าเป็นศุกร์เสาร์เค้าจะมีรถวิ่งถึงตีสองตีสามโน่น)


ก็เลยคอตกมาขึ้น MRT เหมือนเดิม (เฮ้อ..มีแต่เรื่องผิดหวังง่ะ งืออออ) ดีนะที่ยังมีรถไฟอยู่ค่ะ (เพราะไปนั่งราวๆ ห้าทุ่มครึ่งได้) ก็เลยได้กลับสู่ที่พักโดยสวัสดิภาพค่ะ




สำหรับตอนหน้าจะเป็นเมอไลอ้อนพ่นน้ำและอาหรับสตรีทนะคะ







การเดินทางไปไชน่าทาวน์ เซ็นโตซ่า และคล้ากคีย์

ไชน่าทาวน์
นั่ง MRT ลงที่สถานี China Town ได้เลยค่ะ ส่วนประตูที่ออกเราออกตามแผนที่ที่มีที่สถานีอะค่ะ ถึงจะได้มุมถ่ายรูปอย่างที่เห็น


เซ็นโตซ่า
นั่ง MRT ลงที่สถานี Harbour Front

เมื่อถึงสถานี Harbour Front แล้ว สามารถที่จะเดินตามป้าย (ซึ่งมีบอกตลอดเลยค่ะ) เพื่อไปขึ้นรถบัสทรานสเฟอร์ไปยังเซ็นโตซ่าได้เลยนะคะ (Shuttle Bus Exit A) หรือจะเดินไปตามป้ายที่ไปขึ้น cable เพื่อไปเซ็นโตซ่าก็ได้ เพราะคนส่วนใหญ่ก็เดินทางด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งในสองวิธีนี้

หรือถ้าเอาตามวิธีสาวไกด์ก็ออกทาง exit Taxi ค่ะ แล้วเรียกขึ้นไปที่เม้าท์เฟเบอร์ได้เลย


คล้ากคีย์
นั่ง MRT ลงที่สถานี Clarke Quay ค่ะ



ค่าเข้าชม
เซ็นโตซ่า แล้วแต่แพ็คเก็จที่เลือก แต่แนะนำให้ซื้อเป็นแพ็คเก็จไปเลยจะคุ้มกว่าไปซื้อแยกค่ะ




ข้อแนะนำอื่นๆ
สำหรับที่เซนโตซ่า ควรดูโชว์น้ำพุรอบ 19.30 น.เท่านั้น ไม่ควรดูรอบเย็นที่มันจะไม่มีแสงสีค่ะ และควรมาจองแต่เนิ่นๆ พร้อมกับเช็คสภาพอากาศล่วงหน้าให้ดี เพราะถ้าฝนตกเค้าจะไม่แสดงนะคะ






ขอบคุณทุกท่านสำหรับการแวะมาอ่านนะคะ





สำหรับท่านใดที่แวะมาบ้านสาวไกด์เป็นครั้งแรก
(หรือเคยมาแล้วแต่มีหนังสือกับหนังที่อยากแนะนำเพิ่มเติม)

เรียนเชิญ ที่นี่ค่ะ

Create Date : 01 สิงหาคม 2549 Last Update : 3 สิงหาคม 2549 13:13:29 น. Counter : 2784 Pageviews.		75 comments
Share Tweet

	สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา (2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)		ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันสวัสดีปีใหม่ 2567 - กุหลาบพวงสีชมพู - ขาว ทนายอ้วน (2 ม.ค. 2567 15:16:32 น.)
	สวัสดีปีใหม่ Rain_sk (1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)		สวัสดีปีใหม่ Rain_sk (1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)