การล่มสลายของสถาบันครอบครัวที่ความรักไม่อาจเยียวยา ~ อรุณวดี อรุณมาศ





การล่มสลายของสถาบันครอบครัวที่ความรักไม่อาจเยียวยา
:นวนิยายเชิงจิตวิเคราะห์มนุษย์ในสถานการณ์อันตีบตัน
โดย อรุณวดี อรุณมาศ
(เล่มนี้)พิมพ์ครั้งที่ ๓ เมื่อ สิงหาคม ๒๕๔๐
โดย สนพ.ดอกหญ้า






นิยายที่ชื่อยาวที่สุด...(มั๊ง ?)ในจำนวนนวนิยายทั้งหมดที่เคยอ่านมา
อ่านแล้วก็อ่อนอกอ่อนใจ หนักหน่วงในใจจนยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดใด ๆ ได้
ทั้ง ๆ ที่เป็นนิยายขนาดสั้น ๆ แต่อ่านจนจบแล้วสะท้อนสะเทือนใจ คับข้องอยู่ในใจอีกเนิ่นนานทีเดียว


เรื่องย่อ : เป็นเรื่องเล่าเชิงบันทึก(ไม่)ประจำวันของเด็กสาวผู้หนึ่ง...
ผ่าน "ฉัน" ซึ่งไม่ปรากฏว่า...ชื่อเรียงเสียงไร...
(และถือเป็นนิยายที่แปลกและเก๋มาก ตรงที่ตัวละคร(สำคัญ ๆ )ในเรื่องไม่มีชื่อเลย...
คนเขียนเขียนได้เก่งมาก ๆ ไม่ต้องเสียเวลาประดิดประดอยตั้งชื่อตัวละครให้ยุ่งยาก...
คนอ่านก็สามารถอ่านได้รู้เรื่อง เข้าใจและก็อินได้ไม่ยาก)

"ฉัน" เปิดเรื่องของเธอด้วยความฝันอันชวนหลอน เป็นฝันร้ายที่เธอฝันซ้ำ ๆ กันอยู่หลายคืน - -
โดยเฉพาะในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา อันเป็นช่วงเวลาที่เธอพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง
จากนั้นเธอก็เล่าถึงความเป็นมาของตัวเอง - - โดยย้อนเวลาไปนับตั้งแต่ปฏิสนธินั่นทีเดียว
เธอเป็นลูกที่พ่อไม่ยอบรับ และแม่ก็พยายามขับไส
แต่เธอก็หัวแข็งเกินกว่าที่แม่จะสามารถกำจัดเธอให้พ้นจากครรภ์ได้
เมื่อจำใจต้องคลอดเธอออกมา แม่ก็จำยอมต้องเลี้ยงเธอ...
อย่างดี...เท่าที่จะทำได้

ในวัยเด็ก...เธอต้องระเหเร่ร่อนไปอาศัยอยู่กับญาติคนนั้นคนนี้ ในขณะที่แม่ต้องไปทำงานต่างแดน
ถึงแม้พวกเขาไม่ได้ทำร้ายหรือรังแก แต่เธอก็ขาดความรักความอบอุ่นและการเอาใจใส่อย่างรุนแรง

ความรู้สึกถูกปฏิเสธ ถูกละเลย อ้างว้างและว่างเปล่าคงสั่งสมในตัวเธอมานับแต่วัยทารก
และถูกกดเก็บจนกรุ่นระอุได้ที่เมื่อเธอเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กสาว...

ความว่างเปล่านั้นมันยิ่งใหญ่เสียจนเธอรู้สึกชืดชาต่อการมีชีวิตอยู่
เธอจึงต้องกระตุ้น หรือปลุกเร้าความรู้สึกตัวของตัวเองด้วยการทำร้ายตัวเอง
ด้วยวิธีอันน่าสยดสยองปนสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่ง - -
เป็นทั้งปลุกเร้าตัวเองให้ตื่นตัวและเป็นทั้งการเรียกร้องความสนใจจากผู้เป็นแม่ - -
ฯลฯ

คนเขียนใช้วิธีเล่าเรื่องราวสลับกันไปมาระหว่างชีวิต ความคิดของ "ฉัน" ในช่วงเวลาปัจจุบัน
ที่ต้องเทียวไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการทางจิตเวช
แล้วแฟลชแบ็คไปถึงเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปในอดีต...บทเว้นบท...
แล้วเรื่องราวก็วนมาบรรจบกันในบทท้าย ๆ

โดยทิ้งค้างไว้กลางคันระหว่างการรักษาตัวของเธอกับการพยายามทำร้ายตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน...





ถ้าอ่านในวัยที่น้อยกว่านี้คงหยุดอ่านเสียกลางเล่มไปแล้ว ด้วยความพะอืดพะอมแกมเสียวสยองในความคิดพิลึกพิเรนทร์ของคนเล่า...

แต่...ในวัยวันที่ผ่านโลกมา ร่วม ๆ สองเท่าของอายุผู้เขียน - - (หรือ"ฉัน" ในเรื่องนั่นเอง)
ก็อ่านได้เรื่อย ๆ แบบใจหนึ่งก็ สงสาร เอาใจช่วย ถ้าอยู่ใกล้ ๆ จะไปกอดเขาหรือไม่ก็ไปอยู่เป็นเพื่อน...
อีกใจหนึ่งก็เห็นใจคนเป็นแม่นะ...ก็เขาเป็นได้แค่นั้น ทำได้แค่นั้น

ยังมีเด็กอีกมากมายหลายร้อยหลายพันคนที่เกิดมาไม่รู้จักหน้าผู้ให้กำเนิดเลยด้วยซ้ำ...

แต่ก็นั่นแหละนะ ถ้าเขาคิดได้เขาก็คงไม่เป็นแบบนี้


ขออนุญาตคัดลอกคำโปรยปกหลังที่คิดว่า...ย่อเรื่องราวได้สั้น กระชับมาแปะไว้ตรงนี้ด้วยก็แล้วกันค่ะ

แม่บอกว่าเธอทำให้แม่เป็นทุกข์
และต้องดิ้นรนเพิ่อความอยู่รอด
พ่อและญาติๆ ของพ่อต่างก็เกลียดเธอ
และผลักไสเธอสู่วิถีแห่งความเจ็บปวด
ไม่มีสิทธิ์ร้องขอสิ่งใด

ไม่มีอ้อมแขนแข็งแรงของพ่อ
ไม่มีอ้อมอกอบอุ่นของแม่
ไม่มีบ้านพักพิงยามว้าเหว่
มีแต่ผันร้ายตลอดคืน
แล้วเธอจะโหยหาสิ่งใด
การมีชีวิตอยู่ หรือ ความตาย





* จริง ๆ มีเรื่องราวอยากเล่า อยากพูดมากมาย เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ แต่...
อ่านจบก็รู้สึกเหนื่อยและหดหู่มาก ๆ
**หนังสือเล่มนี้เข้ารอบห้าเล่มสุดท้ายชิงรางวัลซีไรต์ ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ด้วยค่ะ


**เชิญเลือกอ่านหนังสือเล่มอื่น ๆ ในบล็อกนี้ได้ที่... ~ สารบัญหนังสือในบล็อก ~ค่ะ






Create Date : 07 กรกฎาคม 2552
Last Update : 7 กรกฎาคม 2552 14:09:57 น.
Counter : 4574 Pageviews.

9 comments
  
ฮุฮุ อ่านเรื่องนี้เมื่อตอน ม. ปลายค่ะ
สยองและอึดอัดมากๆๆ
โดย: ปณาลี วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:57:26 น.
  
อ่านคำโปรยก็ชวนหดหู่และอึดอัดแว้ว...

น่าลอง นาลอง
โดย: marukoman วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:51:16 น.
  
สนใจหนังสือเล่มนี้ก็จากคุณแม่ไก่แหล่ะค่ะ อ่านรีวิวแล้วนึกถึงหนังสือภาษาอังกฤษเรื่อง The Bell Jar เลยค่ะ รู้สึกทางบลิสเคยเอามาแปลด้วยนะคะ
โดย: TaMaChaN (narumol_tama ) วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:24:05 น.
  
อ่านรีวิวแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่หนักหน่วงจริงๆ นะคะ
รู้สึกว่าเคยได้ยินเกี่ยวกับโรคจิตที่ชอบทำร้ายตนเองแต่เป็นเรื่องของฝรั่ง

เด็กที่เกิดมาด้วยความไม่พร้อม ไม่ยอมรับของพ่อแม่ และขาดการเลี้ยงดูที่ดี จำนวนมากได้เกิดปัญหากับจิตใจในแบบต่างๆ และบ้างก็เป็นปัญหาสังคมตามมาด้วย
แก้ไขยาก เพราะต้องช่วยแก้ตรงความคิดของเขานี่ละ
ว่าต้องไม่หมกมุ่นอยู่กับความทุกข์และปมปัญหาของตัวเองมากเกินไป
เพราะคนที่เขาแย่กว่าก็มีอีกมากมาย

แล้วก็เห็นด้วยมากๆ กับประโยคที่คุณว่า

"แต่ก็นั่นแหละนะ ถ้าเขาคิดได้เขาก็คงไม่เป็นแบบนี้"

จริงๆ เลยค่ะ
โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:09:54 น.
  
ท่าทางเป็นเรื่องที่หนักนะคะเนี่ย คิดว่าถ้าได้อ่านต้องเครียดแน่เลยค่ะ
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:27:43 น.
  
เป็นเรื่องหนักๆ ที่ไม่คิดอ่านตั้งแต่แรกรู้ว่าเข้ารอบซีไรต์เลยล่ะ
ดูเหมือนว่าเรามักจะเลือกอ่านหนังสือที่จบด้วยความสุขอยู่เสมอ
ทำตัวเหมือนไม่ยอมรับความจริงในสังคมเอาซะเลยนะ
เรื่องเศร้าๆ เรื่องแนวอึดอัดใจ ที่ได้อ่านมักเป็นเรื่องแปลมากกว่าเรื่องของนักเขียนไทย
โดย: นัทธ์ วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:32:03 น.
  
สวัสดียามเช้าครับปี้แม่ไก่

เล่มนี้ผมได้อ่านตอนเฮียนมหาวิทยาลัยครับ
เป๋นเรื่องตี้แฮงแต๊ๆเลยเน้อครับ

บ่าเด่วคนเขียนก่บ่าได้เขียนงานแนวนี้แห๋มแล้ว
หนักไปทางกลอนเปล่ามากกว่า












โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:22:28 น.
  
เป็นหนังสือที่อ่านแล้วประทับใจในกลวิธีการนำเสนอของผู้เขียนมากๆ (อ่านตอนเรียนมหาลัยปี2) อ่านไปเห็นเลือดหยดแหมะๆ เหมาะสำหรับอายุ 15 ปีขึ้นไปที่มีวิจารณญาณแล้ว
โดย: เรียวจันทร์ IP: 171.7.17.209 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2555 เวลา:15:26:32 น.
  
อ่านแล้วค่ะ นวนิยายที่อ่านแล้วสะท้อนสังคมมากๆ เลย มีทั้งอารมณ์ที่รู้สึกสยดสยอง หมดเรี่ยวแรงไปเลย แต่ก็นึกสงสารตัวละครมากนะคะ ผู้เขียนเขียนออกมาได้ดีมากๆ ค่ะ
โดย: euei IP: 171.6.76.162 วันที่: 15 กันยายน 2556 เวลา:22:45:19 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Maekai.BlogGang.com

แม่ไก่
Location :
ลำปาง  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]

บทความทั้งหมด