'ขุนหอคำ' นิยายอิงประว้ติศาสตร์ล้านนา โดย "กฤษณา อโศกสิน"




ขุนหอคำ
ผู้แต่ง: กฤษณา อโศกสิน
สนพ.เพื่อนดี
(พิมพ์ครั้งที่ ๑ /ธ.ค. ๒๕๔๗)


จากเว็บเพิ่อนดี:



'ขุนหอคำ' นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ล้านนาที่สืบเนื่องจาก 'เวียงแว่นฟ้า' และ 'หนึ่งฟ้าดินเดียว'
ซึ่งผู้เขียนผสานเหตุการณ์จริงกับจินตนาการอย่างกลมกลืน บอกเล่าเรื่องอย่างมีวรรณศิลป์
ให้ทั้งสาระความรู้ ความเพลิดเพลิน ประเทืองทั้งสติปัญญา และอารมณ์ มีคุณค่าแก่อ่านอย่างยิ่ง

…

บางส่วนจากคำนำ

เรื่องราวของขุนหอคำ นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ล้านนาบอกเล่าวิถีชีวิต
และการปกครองแว่นแคว้นใหญ่น้อยของล้านนา ในช่วงพ.ศ. ๒๔๓๑ – ๒๔๓๓

.......

ภูเออหรือเจ้ามาวฟ้าลูกชายของเจ้าม่อนฟ้ากับบัวบุรี(จาก’เวียงแว่นฟ้า’)
อาบองค์ บุตรีของพญาเมืองรามรักษาเขตกับเจ้าระยับเนตร(จาก ‘หนึ่งฟ้าดินเดียว’)
คือผู้สานต่อเหตุการณ์สำคัญที่ทั้งตับขันและรื่นรมย์ใจใน ‘ขุนหอคำ’ …
ชะตากรรมนำพาให้คนทั้งสองได้พบกัน ได้พึงใจซึ่งกันและกัน ดุจประวัติศาสตร์จะย้อนรอย
ด้วยเหตุที่... ”เฮาเป็นครึ่งเจ้า ครึ่งไพร่เหมือนกัน...”







เรื่องย่อ(ย่อเอง)

ภูเออหรือเจ้ามาวฟ้ากับญาติผู้พี่คือเจ้าส่องฟ้า พร้อมด้วยบ่าวอีกหนึ่งคน ปลอมตัวเข้าไปดูลาดเลาเกี่ยวกับการรุกคืบเข้ามายังดินแดนไตโดยพม่าและอังกฤษ เมื่อไปถึงยองห้วยก็ได้พบกับเจ้านางแห่งยองห้วยกับหลานสาว (ธิดาเลี้ยง)สองคน...เจ้านางอี่กับเจ้านางอาม...ในขณะที่เจ้าส่องฟ้าพึงใจในเจ้านางคนพี่ ภูเออก็รู้สึกถูกชะตากับคนน้อง...
ถึงขั้นผูกสมัครรักใคร่ และเอ่ยปากหมั้นหมายด้วยวาจา

..........

แต่เมื่อพวกเขาเดินทางกลับเวียงนาย...ก็พบว่าเวียงนายกำลังระส่ำระสาย
ด้วยถูกพม่าบุกเข้ารุกรานโดยความร่วมมือของยองห้วย...
กระทั่งพ่อและแม่ของภูเออก็ต้องหนีภัยไปอยู่เจียงตุง

...........

ภูเออกับพวกสมัครเข้าทำงานกับชาวอังกฤษที่มาสำรวจป่าไม้ในทางตอนเหนือของล้านนา
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เมืองรามก็เดินทางไปสำรวจชายแดนร่วมกับสยาม โดยในการเดินทางครั้งนั้น
พญาเมืองรามฯ ได้พา”อาบองค์” ธิดาสาววัย ๑๓ ปี ซึ่งให้ปลอมตัวเป็นเด็กหนุ่มติดตามไปด้วย

ภูเออรู้ได้ในเวลาไม่นานนักว่าอาบองค์...ที่เขาเรียกอย่างยกย่องว่า”ไอ่นาย”นั้นเป็นเด็กหญิง...

จากการได้พบปะ พูดคุยกัน เขาก็รู้สึกผูกพันกับไอ่นายอย่างประหลาด...
โดยเฉพาะ เมื่อไอ่นายเล่าให้เขาฟังถึงความขมขื่นใจเมื่อเธอเห็นผู้เป็นพ่อได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ให้เกียรติ และไม่ได้รับการยอมรับจากญาติฝั่งมารดา...ซึ่งมีเชื้อเจ้า..

เพราะนั่นมันช่างพ้องกันกับชีวิตของเขา เพราะเขาเองก็เป็น... ”ครึ่งเจ้า ครึ่งไพร่”เช่นเดียวกัน

.................

แต่ภูเออจะทำอย่างไรกับความรักที่แทรกซึมเข้ามาในครั้งหลังนี้ ในเมื่อเขาได้ให้คำสัจจ์ไว้กับผู้หญิงอีกคนไว้แล้ว...เขาถูกสั่งสอนมาแต่เล็กแต่น้อยว่า... “ขุนอยู่ด้วยสัจจา ข้าอยู่ด้วยคติ”

ถึงกระนั้น...หากเขาสามารถปลดเปลื้องพันธะอันนั้นได้ โดยอาจอ้างการที่ยองห้วยร่วมมือกับพม่ารุกรานเวียงนายของเขา...เขาก็ไม่รู้เลยว่าพญาเมืองรามรักษาเขต บิดาของไอ่นายจะยอมให้เขาคบหากับเจ้าหล่อนหรือไม่...เพราะความแค้นที่ฝังอยู่ในใจของผู้ใหญ่นั้น ยากนักจะถ่ายถอนได้





หลังอ่าน...

เศร้าค่ะ... อ่านจบน้ำตาซึม...แต่ซาบซึ้งและประทับใจมากกกกก...

นิยายอิงประวัติศาสตร์เล่มนี้ เป็นนิยายที่อ่านแล้วอิ่มมาก สมดังคำนิยมที่สนพ.โปรยไว้ว่า
นวนิยายเรื่องนี้... ”ให้ทั้งสาระความรู้ ความเพลิดเพลิน ประเทืองทั้งสติปัญญา และอารมณ์ มีคุณค่าแก่อ่านอย่างยิ่ง”

หนังสือความหนา ๗๐๐ กว่าหน้า ย่อได้ไม่กี่ย่อหน้าข้างบนนี้...
ดูเหมือนตัวเองบั่นทอนเนื้อหาสาระที่ล้นเหลือของนิยายอย่างไรชอบกล
เพราะจริง ๆ แล้ว เรื่องราวไม่ได้เน้นเฉพาะความรักความใคร่ของหนุ่ม ๆ สาว ๆ หรอกค่ะ
มันมีสาระทางประวัติศาสตร์ที่น่ารู้อยู่ในนั้นมากมาย

นับถือท่านผู้ประพันธ์สุดใจ กับการร้อยเรียงเรื่องราวที่อิงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานานกว่าร้อยปี
ให้เป็นนิยายที่มีทั้งรัก โรแมนติก เศร้าซึ้ง สะท้อนใจ สะเทือนอารมณ์
แถมเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้ทางประวัติศาสตร์ได้เช่นนี้

ก่อนหน้านี้เคยอ่านนิยายในชุดนี้ สองเรื่องก่อนคือ “เวียงแว่นฟ้า” กับ “หนึ่งฟ้าดินเดียว”
ส่วนเรื่อง”ขุนหอคำ”นี้ อ่านที่ลงเป็นตอน ๆ ในนิตยสารสกุลไทยเมื่อหลายปีก่อน แบบไม่ปะติดปะต่อ...
แถมด้วยความงง ๆ ในเรื่องของภาษา ทำให้อ่านข้าม ๆ ไปเสียบ้าง

เมื่อได้หนังสือมา ด้วยความหนาของหนังสือจึงได้แต่ดองไว้ระยะหนึ่ง
เพิ่งได้ฤกษ์หยิบมาอ่านจริง ๆ จัง ๆ ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา...
(ด้วยแอบคิดว่า...ช่วง “ปีใหม่เมือง”อย่างนี้ ได้อ่านอะไรที่มันเกี่ยวข้องกับทางเหนือ ๆ อย่างนี้
มันช่างได้บรรยากาศ เข้ากั๊น-เข้ากัน ...)


แล้วก็พบว่า...ในเล่มนี้ค่อนข้างแตกต่างจากสองเรื่องแรกพอสมควร...แม้เนื้อหาและตัวละครจะต่อเนื่อง เชื่อมโยงกัน...
ใน'เวียงแว่นฟ้า'กับ'หนึ่งฟ้าดินเดียว'นั้น เป็นเรื่องราวของหัวเมืองล้านนาอย่างเชียงใหม่
ซึ่งกำลังจะถูกควบรวมให้เข้ากับสยาม...ในขณะอีกด้านก็ถูกอังกฤษรุกประชิด
ด้วยหวังยึดครองป่าไม้สักอันยิ่งใหญ่

ฉากและภาษาจึงเป็นอะไรที่คุ้นเคย สำหรับคนอ่านชาวเหนือ
(แม้จะเคยแอบบ่นว่าภาษาเหนือของผู้เขียนไม่เป็นธรรมชาติ
จนเรา-คนอ่านที่เป็นชาวเหนือแต๊ ๆ รู้สึกตงิด ๆ อยู่ไม่น้อย ก็ตามที)
อ่านแล้วรู้สึกคล้อยตาม นึกภาพออก ...

แต่มาถึงเล่มนี้ เรื่องราวในตอนแรก ๆ เป็นเรื่องของผู้คนในอาณาจักรไต
ซึ่งอยู่เหนืออาณาจักรล้านนาขึ้นไป...อย่างที่ผู้เขียนได้เกริ่นนำเรื่องว่า...

“เมืองไตเรานี้เป็นเมืองอันอุตุราสีดี ที่อยู่ที่เซาสบาย.......
รัศมีจากแก้วแสงลายคำพลันเปล่งระเรื่อขึ้นเหนือฟากภู ที่เมื่อครู่ยังมืดมิดเข้มคราม ชมพูก่ำแกมทอง ส่องผ่านช่องไม้ ทอเป็นสายทาบยาว อาบทะเลสาบอินเลยามฟ้าสาง แลดูขาวกระจ่างราวเนื้อเงิน ยามเมื่อลมพัดเหิน แลยามเรือล่องออกไป แพรเงินอันวาบไวก็กระเพื่อมระลอก กระฉอกละลิ่ว ริ้วเล็กเลื่อนไกลเป็นลูกเป็นลอนไหว ๆ แล้วหายลับ”


สำนวนภาษาที่ใช้ในการบรรยายก็ดี หรือที่เป็นบทสนทนาก็ดี ล้วนแต่เป็นภาษาโบราณของไต
ซึ่งมีศัพท์แสงที่แปลกแปร่ง แตกต่างจากล้านนาอยู่มิใช่น้อย
ทำให้เมื่อเริ่มอ่านต้น ๆ เรื่องจะรู้สึกไม่คุ้นเคย และไม่เข้าใจนัก

หากเมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ เริ่มทำความเข้าใจ และรู้สึกคุ้นเคยมากเข้า...
จากที่รู้สึกแปลกแยกในตอนแรก กลับกลายเป็นว่าชอบ ชอบมาก ๆ ด้วย
จนตอนปลาย ๆ เรื่อง ก็บอกตัวเองว่า...ชอบมากกว่าสองเรื่องแรกนั่นเสียอีก
(ในแง่ของสำนวนภาษานะคะ ส่วนในเรื่องของเนื้อในนิยายยังคงชอบ “หนึ่งฟ้าดินเดียว”มากที่สุดอยู่ดี)

อาจจะเป็นด้วยในเรื่องนี้ใช้ภาษาที่เราไม่รู้จัก แต่รู้สึกคุ้น ๆ อยู่เพราะใกล้เคียงกับภาษาถิ่นของเรา เราจึงไม่ได้คาดหวังในความเป็นธรรมชาติของการพูดจาสักเท่าไหร่ และยิ่งอ่าน ๆ ไป ก็กลับกลายเป็นว่าเราได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมโบราณที่แตกต่าง เพิ่มเติมจากที่เคยเรียนรู้มาอีกต่างหาก

…………..

ลองอ่านตัวอย่าง ตอนที่ภูเออครุ่นคิดคำนึงถึงนางที่เขาหมายปอง
แล้วตั้งใจเขียนเพลงยาวถึงเจ้าหล่อนดูนะคะ (ตอนนี้ชอบมาก...)

“...ขุนเขางามสง่า ดอยสามสิบ ไตสามสิบ อันคืออาณาจักรของไตทั้งผอง ประดับประดาด้วยมวลเมฆฟ่องฟ้า บุหงาลดาวัลย์ ตามทุ่งหญ้าชูช่อ เชิดดอกบานไสว ทั้งราก ดอก แลใบล้วนเปี่ยมความหมายในชีวิต แลที่ยิ่งใหญ่ยามนี้ก็คือถ้วนถ้อยอันวิจิตรรจนาที่เขาปรารถนา จะเสกสรรปั้นปลูก จนจรวยจรุงฟุ้งหอม นำมากล่อมนางให้เคลิ้มฝัน...”

นอกจากนี้ ยังมีถ้อยสำนวน ที่คนเหนือเรียกกันว่า “คำบ่ะเก่า” อันเป็นประหนึ่งสุภาษิต
คติความคิดความเชื่อ และคำสอนที่คนโบราณกล่าวไว้เพื่อเตือนใจลูกหลาน
ที่มีความหมายดี ๆ แทรกแซมอยู่แทบทุกบททุกตอน

ยกตัวอย่างสักเล็กน้อย...

“มึนต๋าแอ่วหลายเมือง เตไล้เฮิงวันนึ่ง”
- เปิดตาเที่ยวหลายเมือง จักรุ่งเรืองในวันหนึ่ง

“โต๋หลุ จื้ออ่ำหาย โต๋ต๋าย ลายอ่ำเน่า”
– ร่างสูญชื่อไม่หาย ตัวตายลายไม่เน่า

“งาเม็ดหนึ่งอ่ำเป๋นมัน พันเม็ดหนึ่งอ่ำเป๋นสวน”
–งาหนึ่งเมล็ดกลั่นเป็นน้ำมันไม่ได้ เมล็ดพันธ์หนึ่งเม็ด ไม่อาจปลูกให้เป็นสวนได้

“คนฮ้ายฮ้ายกว่าผี คนดีผีลงไหว้”
- คนเลว น่ากลัวกว่าผี คนดีแม้แต่ผียังนับถือ

ฯลฯ

ให้พูดถึงนิยายเรื่องนี้ พูดยาวเท่าไหร่ก็ไม่จุใจในความอิ่มเอมใจที่ได้รับจากการอ่านค่ะ

แนะนำและชวนอ่านอย่างแรงค่ะ!












Create Date : 28 เมษายน 2554
Last Update : 4 กันยายน 2556 12:51:36 น.
Counter : 6602 Pageviews.

22 comments
  
ทักทายจ่ะ
โดย: ตะวันเจ้าเอย วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:21:34:19 น.
  
สรุปว่าคนบกพร่องทางภาษาพออ่านไหวใช่ไหมคะคุณแม่ไก่ อ่านคำบรรยายเมืองไตกับบทที่พูดถึงนางที่หมายปองแล้วพอเข้าใจค่ะ ใช้ภาษาสวยมากด้วย แต่พอมาถึงสุภาษิต แล้ว ไอ๊หยา! ไม่รู้เรื่องเลย

งานหนังสือเดือนตุลาตั้งใจจะซื้อทั้ง 3 เล่มน่ะค่ะ แต่สงสัยลองเล่มนี้ก่อน เผื่อไปไม่รอด
โดย: กุลธิดา (kdunagin ) วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:23:39:32 น.
  
คุณแม่ไก่ เขียน review จนรู้สึกว่าต้องรีบไปหยิบขุนหอคำมาอ่านเลยค่ะ จากที่เห็นภาษาไต ที่ยกตัวอย่างมา อ่านแล้ว งงเป็นไก่ตาแตกเลยค่ะ แต่คิดว่าผู้แต่งคงจะเขียนคำแปรไว้ให้ ตรงเชิงอรรถเหมือนสองเรืองที่ผ่านมาใช่ไหมคะ

คุณกุลธิดาคะ คิดว่าน่าจะพออ่านได้นะคะ แต่อาจช้าหน่อย เหมือนเราแหละค่ะ อ่านแล้วได้ความรู้ เรืองประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนียบประเพณีล้านนาดีค่ะ

ตัวเองยังตั้งใจว่าถ้าอ่านเรื่องนี้จบ อยากไปหาเรืองพม่าเสียเมืองมาอ่านด้วยอีกเล่มเลยค่ะ อยากทราบว่าช่วงนั้นพม่าเขามีปัญหาอะไร
โดย: จั๊กกะจุ่น วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:9:25:59 น.
  
สามเล่มหนา ๆ เลยนะคะเนี่ยสำหรับชุดนี้ หวานเย็นก็เลยต้องขอแปะโป้งไว้ก่อนอะค่ะ
โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:9:44:05 น.
  
ซื้อทั้งสามเล่มแล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มอ่านเลย // เข้ามาอ่านรีวิวของคุณแม่ไก่แล้วมีกำลังใจในการหยิบหนังสือเล่มหนาๆ ทั้งสามเล่มมาอ่านซะที // ขอบคุณค่ะคุณแม่ไก่
โดย: เอิงเอย IP: 101.109.13.56 วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:23:10:04 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับพี่แม่ไก่







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 พฤษภาคม 2554 เวลา:5:29:59 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับพี่แม่ไก่








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 พฤษภาคม 2554 เวลา:6:21:53 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับพี่แม่ไก่







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 พฤษภาคม 2554 เวลา:6:46:43 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับพี่แม่ไก่







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 พฤษภาคม 2554 เวลา:5:55:19 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับพี่








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 พฤษภาคม 2554 เวลา:6:31:00 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับพี่แม่ไก่







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 พฤษภาคม 2554 เวลา:5:35:21 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับพี่แม่ไก่








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 พฤษภาคม 2554 เวลา:6:22:11 น.
  
เน็ตมีปัญหาเหมือนกั๋นครับปี้แม่ไก่
ของผมก่ติดๆดับๆเน้อครับ
บ่าฮู้ว่าเกี่ยกวับฟ้าฝนก่น่ะครับ


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 พฤษภาคม 2554 เวลา:21:43:31 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับพี่แม่ไก่








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 พฤษภาคม 2554 เวลา:6:01:02 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับพี่แม่ไก่






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 พฤษภาคม 2554 เวลา:5:56:35 น.
  
หมิงหมิงยังบ่าได้ฝึกอ่านเลยครับปี้แม่ไก่ 555
ผมปล่อยแกเล่นๆๆๆแล้วก่เล่นครับ
อ่านยังอ่านบ่าได้
แต่ฮู้นั๊กครับ
อู้เก่งครับ 555

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 พฤษภาคม 2554 เวลา:11:37:21 น.
  
อ่านแล้วมีความสุขมากค่ะอยากซื้อมาเก็บไว้ไม่รู้ว่ายังจะมีขายรู้หรือเปล่า
โดย: สตางค์ IP: 124.121.56.47 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:46:10 น.
  
รักนักเขียนท่านนี้ที่สุด
โดย: pompom IP: 182.53.42.78 วันที่: 5 มีนาคม 2555 เวลา:19:04:22 น.
  
ทำไมถึงตั้งชื่อว่า ขุนหอคำ คะ
โดย: pa IP: 183.89.80.92 วันที่: 23 สิงหาคม 2555 เวลา:19:07:17 น.
  
^
^

ขุนหอคำเป็นตำแหน่งเจ้าผู้ปกครองเมืองของเวียงนาย อาณาจักรไตค่ะ

พระเอกเป็นลูกของเจ้าม่อนฟ้าซึ่งมีตำแหน่งเป็นขุนหอคำ จึงจะได้สืบทอดตำแหน่งนี้จากผู้เป็นพ่อในอนาคต
โดย: แม่ไก่ วันที่: 23 สิงหาคม 2555 เวลา:22:27:44 น.
  
ขอบคุณมากค่ะ
โดย: Pair IP: 183.89.82.86 วันที่: 31 สิงหาคม 2555 เวลา:12:44:08 น.
  
ขอบคุณมากๆๆนะคะ
คืออ่านเองแล้วสนุกคะ แต่บางตอนก็งงมากๆๆ
โดย: ควายน้อย IP: 180.183.173.165 วันที่: 22 ธันวาคม 2556 เวลา:19:02:18 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Maekai.BlogGang.com

แม่ไก่
Location :
ลำปาง  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]

บทความทั้งหมด