ทางสายใหม่ ~ ม. มธุการี (รีวิวตามรีเควสท์)



ทางสายใหม่
ม.มธุการี / เขียน
(ปกนี้)พิมพ์โดย คลังวิทยา



เรื่องย่อ (แบบยาว ๆ จขบ.ย่อเอง) :

ฉายดนัย ฉัตรพันธุ์ อาจารย์สาวแห่งมหาวิทยาลัยมีชื่อ ถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่สามของชีวิตคู่ระหว่างดร.เอกจักรกับทติยา ทั้งนี้เพราะดร.เอกจักรเป็นผู้มีพระคุณต่อเธอที่ทำให้เธอต้องเกี่ยวข้องกับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...

ความจริงใจที่เธอมีให้ดร.เอกจักรเพื่อตอบแทนน้ำใจที่เขามีให้เธอนั้นส่งผลให้ภาพลักษณ์ของเธอถูกจับจ้องอย่างไม่เข้าใจจากใครต่อใครที่แวดล้อมเธออยู่ ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัวของเธอเอง...

และที่สำคัญที่สุด...จาก"ทิฐิ" เด็กหนุ่มผู้เป็นทั้งรุ่นน้องและลูกศิษย์ของเธอ...ที่นอกจากจะไม่เข้าใจแล้วยังมีความหมิ่นแคลนปนอยู่ด้วย เพราะเธอกลายเป็นชนวนสำคัญที่สร้างความร้าวฉานให้กับชีวิตคู่ของพี่สาวคนเดียวของเขา... ทติยา

เมื่อถูกกดดันหนักเข้าฉายดนัยตัดสินใจลาออกจากการเป็นอาจารย์ แต่เธอก็หนีไม่พ้นวังวนของคนเหล่านี้เมื่อเธอได้งานใหม่ในบริษัทที่เป็นของภาคี...พี่ชายต่างมารดาของทิฐิ...

ภาคีเป็นชายหนุ่มใหญ่ที่ใช้ชีวิตอิสระ .เขามีความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยกับผู้หญิงหลายคน รวมทั้งฉัตรแก้ว น้องสาววัยรุ่นของฉายดนัย...เขาไม่เคยคิดถึงการแต่งงานจนกระทั่งได้พบกับฉายดนัย...เธอมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกอยากผูกพันด้วย

ฉายดนัยตอบตกลงแต่งงานกับเขาเพียงเพื่อหวังว่านั่นจะเป็นเส้นทางสายใหม่ที่จะทำให้เธอเดินไปข้างหน้าได้อย่างไม่เดียวดายนัก...

ทิฐิเรียนจบและปฏิเสธที่จะไปเรียนต่อเมืองนอกตามข้อเสนอของพี่ชาย เขาเลือกที่จะไปสอบเป็นปลัดอำเภออยู่ต่างจังหวัดแสนไกล...
หากความเงียบเหงาของชนบทและความรู้สึกล้ำลึกในใจทำให้เขาเขียนจดหมายถึงฉายดนัย...และเธอก็ตอบกลับเขาอย่างอบอุ่น...
ซึ่งนั่นคงเป็นก้าวแรกบน "ทางสายใหม่" ของฉายดนัย ที่เธอได้พบว่ามีอุปสรรคมากมายกีดขวางอยู่

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...กำแพงแห่งจริยธรรม...
ที่เธอก่อไว้ล้อมรอบหัวใจตัวเอง






นวนิยายรุ่นเก่าที่หยิบมาอ่านใหม่ กี่ครั้งกี่ทีก็ยังได้อารมณ์อุ่น ๆ กรุ่น ๆ อวลอายอ้อยอิ่งอยู่ในหัวใจ...

เป็นนิยายรักที่สะท้อนปัญหาสังคมอันชวนเครียด หากด้วยสำนวนภาษาอันละเมียดละไมกับเรื่องราวที่ผู้เขียนตั้งใจบอกเล่าทำให้นิยายเรื่องนี้ไม่หนักหน่วงจนเกินไปนัก
ถ้าดูจากบริบททางสังคมของเนื้อหาในเรื่อง ก็นับว่าท้าทายพอสมควรที่ผู้เขียนสร้างให้ตัวเอกมีความแตกต่างกันทั้งวัยที่สูงกว่าของนางเอก...ซึ่งนั่นก็มีโอกาสเป็นไปได้ และมีตัวอย่างให้เห็นอยู่มากมายในสังคมทั่วไป...

แต่ม่านอีกชั้นหนึ่งที่ผู้เขียนได้คลี่กางกั้นทางสายใหม่ของตัวละครของเธอคือ...สถานะทางสังคมที่แตกต่าง...อาจารย์สาวกับลูกศิษย์หนุ่ม (ซึ่งถ้ากลับกัน เป็นอาจารย์หนุ่มกับลูกศิษย์สาว เรื่องราวก็คงไม่ซับซ้อนยุ่งยากก่อให้เกิดความกระอักกระอ่วนได้ถึงเพียงนี้)

ซึ่งก็ด้วยความสามารถในเชิงวรรณศิลป์ของผู้เขียนที่ทำให้นวนิยายดำเนินไปอย่างเรียบลื่น...
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลแก่กัน
ทำให้ผู้อ่านอ่านแล้ว "อิน"และเอาใจช่วยให้นางเอกสามารถก้าวข้ามกำแพงประเพณี...
พบ "ทางสายใหม่" ที่หัวใจปรารถนา...

จนเมื่อวางหนังสือลงแล้ว ความอบอุ่นนั้นยังคงอบอวลอยู่ในหัวใจ...

โดยส่วนตัวแล้ว...ตอนที่ชอบมาก ๆ ในนิยายเรื่องนี้คือตอนที่ฉายดนัยกับทิฐิเขียนจดหมายโต้ตอบกัน เพราะทั้งคู่จะหยิบยกถ้อยคำปลอบประโลมทั้งให้กำลังใจแก่กัน ตลอดจนบทตัดพ้อต่อว่าผ่านเนื้อหาของจดหมาย...ได้อย่างลึกซึ้งและกินใจ





ยกตัวอย่างนิดหนึ่งแล้วกัน

...ตามที่คุณเขียนมาอุดมคติบางอย่างนำมาใช้ในชีวิตจริงไม่ได้เลยนั่นก็จริงอยู่ แต่อุดมคติก็คือสิ่งสูงส่ง ผู้เข้มแข็งย่อมรักษามันไว้ได้ตราบตัวตาย เช่นเดียวกับที่ผู้อ่อนแอย่อมทอดทิ้งมันได้ทุกเมื่อ ดิฉันเชื่อเสมอว่าคุณเป็นคนเข้มแข็ง คนเรามีชีวิตอย่างเป็นสุขและภาคภูมิได้ก็เมื่อมีความศรัทธาต่อตนเอง หากสิ้นศรัทธาเสียแล้วชีวิตย่อมสิ้นความหมาย...

......................


ผมว่ามันเกินความสามารถนะครับ.ดาวบางดวงอยู่สูงเกินไปกว่าที่เราจะคว้าเอาไว้ได้ในชีวิต มันคงเป็นเรื่องน่าเศร้า ผมอยากมีดาวประจำชีวิต แต่ดูเหมือนมันจะเป็นความฝันที่เป็นไปไม่ได้เอาเลย...

ผมเคยอ่านกวีนิพนธ์ของคาลิล ยิบราน
ในบทที่เรียกว่า 'ความรัก' ...............

ตอนหนึ่งที่ผมชอบที่สุด


ความรักไม่ให้สิ่งใดนอกจากตัวเอง
และไม่รับเอาสิ่งใดนอกจากตัวเอง
ความรักไม่ครอบครอง และก็ไม่ยอมถูกครอบครอง
เพราะความรักนั้นพอเพียงแล้วสำหรับตอบความรัก !


อาจารย์ว่าผมเพ้อเจ้อไหมครับที่พูดเรื่องนี้กับอาจารย์ ?

............................


....ดิฉันชอบที่คุณเขียนเกี่ยวกับผลงานของคาลิล ยิบราน ดิฉันเองก็สนใจเช่นกัน แต่คุณปลัดคงลืมไปท่อนหนึ่งกระมังคะ...ท่อนที่สำคัญที่สุด เขาเขียนเอาไว้ว่า....

แม้ขณะที่ความรักสวมมงกุฏให้แก่เธอ
มันก็จะตรึงกางเขนเธอ..
และขณะที่มันให้ความเติบโตแก่เธอนั้น
มันก็จะตัดรอนเธอด้วย !


น่ากลัวนะคะ .บางทีความรักก็เป็นสิ่งน่าขยาดหากเราไม่เข้มแข็งพอ...




ในสมัยหนึ่งเมื่อนานมากแล้ว ขณะอ่านนิยายเรื่องนี้ ในหูจะแว่วเสียงเพลงประจำสถาบันที่ผู้เขียนใช้ประกอบฉากในนิยายคลอคลองอยู่ตลอดเวลา...

ทั้ง... น้ำใจน้องพี่สีชมพู ทุกคนไม่รู้ลืมบูชา....

และ... ลาแล้วจามจุรีที่เคยเห็น มิตรดีที่เจ้าเป็น
ได้ร่มเย็นทุกเสมอหน้า
จากไปใจหายจากลา โอ้ใครจะมาปลอบใจ...


หากมาถึงตอนนี้ เมื่อกลับมาอ่านนิยายเรื่องนี้อีกครั้ง...
เผลอเอาตัวเองเข้าไปอินในนิยาย
เสียงเพลงประกอบนั้นกลับเปลี่ยนไป...
กลับกลายเป็นเพลง...

ลาลาแล้วลาฟ้าเชียงใหม่ หวิวในอุรา สุขเกินร่มฟ้าแดนใด ...............

และ......

โอ้เคยภิรมย์สุขสมจินต์...แดนฟ้าแผ่นดินเชียงใหม่
ขวัญข้าคือดอยสุเทพเด่นไกล ภูพิงค์นั่นไง ชีวิตแห่งเรา


แหะ ๆ .........


**หมายเหตุ เล่มที่จขบ.อ่านเป็นฉบับพิมพ์ครั้งแรกโดยสนพ. ณ บ้านวรรณกรรม เมษายน ๒๕๓๙ ค่ะ แต่ภาพปกข้างบนนั้นได้มาจากเว็บสยามโนเวลล่า พิมพ์โดยสนพ.คลังวิทยา










Create Date : 25 กรกฎาคม 2551
Last Update : 4 มิถุนายน 2552 20:31:26 น.
Counter : 5446 Pageviews.

7 comments
  
มาแล้วค่ะ..รีบมาอย่างด่วนจี๋
หน้าปกข้างบนไม่สวยเลย..แจงจำไม่ได้
ว่าตอนที่อ่านตอนเด็กๆนั้น..หน้าปกเป็นแบบนี้หรือเปล่า

มาอ่านรีวิวอีกที..ก็ยังซาบซึ้งเหมือนเดิมค่ะ
ชอบจังเลย..อ่านหนังสือที่มันกดดันหัวใจแบบนี้แหล่ะ
มันลุ้นดี..ว่าความรักที่มีม่านประเพณี
และกรอบที่ล้อมหัวใจตัวละครไว้..จะเป็นอย่างไร

เมื่อก่อน..ตอนเด็กๆ ไม่เคยอ่านนิยาย
ที่มีพล็อตแบบนี้เลยค่ะ..ที่เขียนให้นางเอกสูงวัยกว่าพระเอก
ตอนนั้นก็เลยแบบว่าอินมากมาก
ความจริง"พระเอก"ก็ออกแนวนิยมของนิยายนะคะ
ดิบๆ เถื่อนๆ รักแรงเกลียดแรง..แฮะ แฮะ..ช๊อบ..บ..บ..บ

พูดเรื่อง..อาจารย์สาวกับลูกศิษย์หนุ่ม
ที่โรงเรียนเก่าแจงเคยมีนะคะ...ครูสาวจบใหม่
กับเด็กนักเรียนชั้นม.สามเอง..รักกัน
เห็นเขาว่ากันว่า..แอบคบกัน..มีอะไรในห้องเรียน
แจงก็ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองหรอก

แต่สุดท้าย..ก็โดนไล่ออกทั้งสองคนค่ะ
สรุปว่า..มันคือเรื่องจริง..ที่แจงทราบ
ก็เพราะตอนหลัง..ตอนอยู่ม.หก
(เด็ก)ผู้ชายคนนั้น..ก็มาเป็นแฟนกับเพื่อนแจงค่ะ

ถ้ามองตามสังคมความเป็นจริง
..อาจมีความไม่เหมาะไม่ควรนะ
แต่แจงอ่านนิยายเรื่องนี้แล้ว..กลับเอาใจช่วยซะนี่
ผู้เขียนเขาเก่งนะคะ..ที่ทำให้เราอินไปด้วยขนาดนี้

ขอบคุณพี่แม่ไก่ค่ะ..ที่นำมารีวิวให้แจงอ่าน
โดย: nikanda วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:50:42 น.
  
ซอบคาริล ยิลราลกู้เล่มเลยครับ
ผมอ่านมาเมินแล้วครับ
หลายเล่มก่อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก
โดยเฉพาะ "ปรัชญาชีวิต" ซอบมากครับ

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:55:10 น.
  
อืม อ่านช่วงที่ยกมาเป็นการโต้ตอบจดหมาย อ่านแล้วร่วมสมัยมากๆเลยค่ะ เห็นคนที่บ้าน (คุณน้า) น่ะค่ะเค้าก็ชอบ ม.มธุการี เหมือนกันค่ะ
โดย: TaMachAN (narumol_tama ) วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:0:30:15 น.
  
สวัสดีคะแม่ไก่

แวะมาอ่านด้วยคน
หนูชอบมากๆคะ
ถ้อยคำสวยดี
ชอบอ่านคะ
แม่ไก่ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:23:10 น.
  
อ่านรีวิวแล้วรู้สึกว่าน่าอ่านแฮะ

รีวิวตามรีเควสท์ใครหรือคะ?
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 28 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:38:49 น.
  
^
^
แหะ ๆ ตามรีเควสท์คอมเมนต์ที่ 1 ไงคะ
โดย: แม่ไก่ วันที่: 28 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:02:45 น.
  
เซิร์ทหาชื่อนิยาย"ทางสายใหม่"มาอ่านเจอ

ชอบนิยายเรื่องนี้มากๆ ค่ะ
อยากให้ทำเป็นละคร

ให้เจมส์ มาร์เป็นทิฐิ
มิว นิษฐาเป็นฉายดนัย
โดย: มาซางวา วันที่: 12 กรกฎาคม 2561 เวลา:12:50:34 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Maekai.BlogGang.com

แม่ไก่
Location :
ลำปาง  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]

บทความทั้งหมด