น้ำเอนไชด์ ชีวภาพ..ช่วยโลกและตัวเราเอง(คลิป) ทำไม่ยากเพียงแต่อาศัยเวลา ประโยชน์ *ดื่มแล้วสดชื่น ผิวดีไม่ผุผองเป็นตุ่มก็จะหายแก่ช้าผิวพรรณเปล่งปลั่ง หินปูนไม่เกาะตามกระดูก ปรับสมดุลร่างกาย ไม่เป็นหวัดและสุขภาพดี *ลดไข้ ป้องกันการติดเชื้อ จะเพิ่มภูมิคุ้มกันในต่อมน้ำเหลือง แก้ภมูแพ้ *ใช้ล้างตา 1หยดเหมือนน้ำหยอดตา รักษาตาแดง ตาอักเสบจะสมานเนื้อเยื่อ *ถนอมอาหาร อาหารหมัดดองจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ใช้หมักอาหารไม่บูด หรือฉีดพ่นของแห้งเช่นมะขามไม่ขึ้นรา *ทำน้ำหอม แชมพูผมจะดีและหนังศรีษะไม่แห้งไม่เป็นตุ่ม ทำสบู่ผิวดีไม่เป็นผื่นคัน *หมักในห้องจะสดชื่นเพราะเพิ่มออกซิเจนและไม่มีแมลง *ใส่น้ำเครื่องรถหม้อน้ำ จะไม่เป็นสนิมล้างสนิมและถนอมเครื่องยนต์รถ *ล้างพื้นคราบไขมันคราบสนิมสิ่งสกปรกทั้งหลาย *เพิ่มผลผลิตการเกษตรทั้งผลและดอกและกำจัดสศัตรูพืชพวกแมลงที่ทำลายต้นไม้ *ทำสีช่วยย่อยกระดาษ *ช่วยให้สภาพแวดล้อมอากาศและน้ำดินดีขึ้น วิธีทำ สูตรและประโยชน์เหล่านี้ ได้มาจากการคิดค้นทำวิจัยเผยแพร่โดย คุณหมอ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์ ก่อนอื่นเตรีมผักผลไม้แล้วแต่เราอยากใช้อะไร แครอท ลูกยอ แอปเปิล องุ่น มะนาวฯลฯได้ทั้งนั้น มีประโยชน์ทำได้หมด แต่วันนี้ทำจากลูกสมอ(จัดเป็นผลไม้อายุวัฒนะคือลูกยอ สมอและมะขามป้อม) ขั้นที่1 ทำทานเลยใช้ น้ำผึ้งใส่ขวด 2 ช้อน(1ส่วน) (ถ้าใช้น้ำตาลแบบทำไวน์จะอันตรายเพราะทำลายเนื้อเยื่อกระเพาะนะคะ) สมอ(ผลไม้)กะเอา 3 ส่วน น้ำ 10 ส่วนคือเกือบเต็มขวด แต่เหลือที่ให้มีอากาศในขวดบ้างนะคะ หมัก 3 เดือน แต่ที่เขาทำขายที่ฮิตๆ เช่น น้ำลูกยอบางทีก็ 1 เดือนแล้วเขย่าขวดหรือถังเพื่อเร่งปฎิกิริยากาย่อยเอนไซด์ ขั้นที่2 หลังจากถ้าเราหมัก3เดือนถ้าอยากเพิ่มปริมาณขยายจากขวดเดียวขยายได้อัลลิมิเตดเลยคะ ถ้าคิดจะทำขายนะคือขวดที่ 1 หมัก 3 เดือนนะขยายต่อ คือ น้ำจากขวดหมัก 1 ส่วนก็ประมาณแก้วเล็ก 1 แก้วคะ +น้ำผั้ง1ส่วน+น้ำ10ส่วน กากผลไม้ก็ใช้ขยายได้ไม่ต้องทิ้งเน่า ๆ อย่างนั้นแหละ กาก1ส่วน+น้ำผึ้ง1ส่วน+น้ำ10ส่วน ถ้าขั้นนี้เราไม่อยากขยายต่อก็หมักต่อแต่ถ้าประสิทธิภาพดีสุดจะหมัก 6 ปีแนะคะ 2 ปีก็พอใช้ได้ แต่ต้องเติมน้ำผึ้งทุก 2 เดือน 2 ปีก็เท่ากับ 14 ครั้ง แล้วหลังจาก 2 ปี ไม่ต้องทำอะไรปล่อยทิ้งไว้ 4 ปีจะได้น้ำเอนไซด์ที่ดีที่สุดเพราะเข้มข้น ชนิดที่เติมน้ำเปล่าแค่ฝาเดียวก็เป็นน้ำเอนไซด์ทั้งขวดเลยคะ แต่ถ้าใครอยากได้มากๆๆก็ขยายเพิ่มวนแบบเดิมขั้นที่2นะแหละคะแต่จะเปลืองน้ำผึ้งนะขอบอก รูปขั้นตอนสุดท้ายทำ สังเกตน้ำจะไม่เต็มขวดนะเหลือที่ให้อากาศไว้ด้วยนะ แล้วจดกันลืมเติมน้ำผึ้งแต่ละเดือน น้ำมากไปน้ำผึ้งจะเป็นแอลกอฮอล์ น้ำผึ้งเข้มข้นไปจะไม่เปรี้ยว แล้วตั้งทิ้งไว้ในห้องอย่าให้โดนแดด ถ้าอุณหภูมิทั่วไปถ้าอากาศเย็นก็เป็นช้านิดนึง เอนไซด์กระตุ้นการย่อยสลายทำให้เกิดออกซิเจน จากจุลินทรีแปลงมาเป็นเอนไซด์ ทดสอบน้ำที่เน่าพอเติมหรือทำน้ำเอนไซด์เอากระดาษลิสมัสที่ทดลองกรดด่างวัดจะได้เป็นน้ำดีมีออกซิเจนมาก การนำมาประยุกต์ใช้ *ดื่มวันละช้อน ถ้าเป็นไข้ใช้ที่หมักอายุมากสุดแต่ปริมาณน้อยที่สุด อ่อนเพลียใช้แบบที่สารอาหารมากที่สุด *ถ้าไม่อยากให้อาหารหมักดองเป็นอันตรายให้เอาเอนไซด์ 6 ปีใส่ 1 ช้อน *น้ำยาล้างตาเอาที่มีแก็สอ่อน ๆ ไมใช่กรดผลไม้กรดไม่เปรี้ยว เช่น แครอท ดีที่สุดเอาที่อายุเกิน 2 ปี นำน้ำหมัก 1 หยดผสมน้ำอุ่นล้างตาได้ หยอดตาแดง ตาอักเสบ จะเย็นๆ ถ้าแสบแสดงว่าตาอักเสบจะช่วยสมานเนื้อเยื่อ *ทำกระดาษ น้ำเอ็นไซด์หมักกระดาษจะยุ่ย >ปั่น>จะทำกาวแป้งมันผสมด้วยก็ได้ >เอาตะแกรงแบบมุ้งลวดร่อนให้ทั่วแผ่น>ตากแดด>แห้งพอแกะได้มีดแซะขอบเบาๆ แกะ กระดาษจะทน *ทำน้ำหอม ดอกไม้ 1 ส่วน+น้ำเอนไซด์ 6 ปี 1 ส่วน หมักทิ้งไว้ 10-20 ปียิ่งนานยิ่งหอม จะได้หัวน้ำหอม เช่น ดอกมะลิ 10 กล.น้ำเอ็นไซด์ 6 ปีครึ่งถัง จะเติมน้ำหอมเพิ่มก็ได้ *ทำแชมพู น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า เพียงแค่ผสมกับด่าง *ทำเต้าเจี้ยว ตักคราบที่เป็นฝ้าขาวนวดกับแป้งสาลีจะได้ก้อนแป้งห่อถุงพลาสติกเก็บไว้ใช้ก็ได้เป็นแป้งหมัก ก้อนแป้ง 2 ช้อน ( 1 กรัม) หมักกับถั่วเขียวดิบ 2 กล.ใส่เกลือถุงพลาสติกคลุมปิดหมัก 2 อาทิตย์ ถ้าใช้ก้อนแป้งมากจะเป็นเร็ว จะได้เต้าเจี้ยวแต่เป็นสีนวลๆ นะไม่ใช่สีน้ำตาลแบบขวดขายทั่วไปแต่ปลอดภัยต่อสุขภาพ *น้ำซีอิ้ว ถั่วเหลืองดิบบดใส่ก้อนแป้ง ถ้าจะทำซอสเปรี้ยว เช่น คิคุเมนก็ใส่เกลือเล็กน้อย หมัก 3 เดือน ถ้าซีอิ้วก็ใส่เกลือมากๆๆหมัก 6 เดือนเอาไปผสมน้ำก็จะเป็นซีอิ้วเลย แต่ไม่เป็นสีดำนะ *เต้าหู้ยี่ เต้าหู้ยี่ น้ำมะเขือเทศปั่น พริกแดงเอาเม็ดออก มะเขือเทศหั่น เอ็นไซด์ 1ช้อน หมักในกระปุก 1 ปี *อาหารไม่มีเชื้อรา เช่น มะขามหวาน เอาไปคลุกหรือพ่นน้ำเอนไซด์ 1 ช้อน รสจะคงสภาพเดิม และทานไม่ท้องอืดด้วย *แก้โรคตับอักเสบ แกะเอาเนื้อระกำคลุกเอนไซด์ 6 ปีเป็นหัวเชื้อ ใส่น้ำ 1ลิตร กาก 1 ช้อนทานได้เลย *น้ำมันทาตัว เช่น ยูคาลิปตัส เอาใบมาปั่นกับน้ำเอนไซด์ 6 ปี *ดับกลิ่นปากจากใบส้ม ทำเหมือนน้มันทาตัว *ดับกลิ่นเท้า ดับกลิ่นรักแร้ พ่นแบบสเปร์ *ฉีดผมถ้าไม่มีเวลาสระเช่นเดินทางไกล ดอกไม้หอมปั่นกับน้ำเอ็นไซด์ *เอ็นไซด์ 1 ส่วนต่อน้ำ 10 ส่วน เอาไปล้างผัก ล้างเนื้อ ทำลายสารเคมีที่ตกค้าง *สบู่เหลว แชมพูผสม อามาสระสเก็ตจะหายไม่คัน *น้ายาล้างจาน ใส่น้ำด่างกับน้ำเอ็นไซด์ เล็บจะไม่เป็นเชื้อราบำรุงผิว *ล้างกระจก *ล้างพื้น น้ำมันเครื่อง คราบปูน เอาเอนไซด์อายุมากๆ ราด *ทำสีธรรมชาติแล้วแต่หาสีธรรมชาติจากพืชผัก ใช้เอนไซด์อายุมาก เช่น เปลือกมังคุดปั่นกับเอนไซด์ 2 ปี ย้อมผ้าใส่ขนม ดอกจำปีปั่นกับน้ำเอนไซด์ ได้สีส้ม *ใส่หม้อน้ำรถยนต์ ถนอมเครื่องยนต์จะดีไม่เป็นสนิม ที่เป็นสนิมจะหาย ใส่หม้อน้ำทิ้งซักพัก วิ่งซัก 2 ครั้ง ก็ถ่ายล้างซัก 2 ครั้ง น้ำจะสีแดงทำจนหายน้ำแดง ก็ค่อยใส่น้ำสะอาด เครื่องรถจะเย็นตลอด ยังไม่หมดนะคะเขายังนำสูตรน้ำเอนไซด์มาประยุกต์ประหยัดใช้กับน้ำตาลทำประโยชน์ได้ด้วย เพื่อใช้ช่วยสิ่งแวดล้อม แม้แต่ถ้าเราเอามาใช้ล้างจาน อาบ ซักผ้า ก็ช่วยทำให้น้ำเสียกลายเป็นน้ำดีได้ เพราะไปเปลี่ยนเพิ่มออกซิเจนให้น้ำสัตว์น้ำก็มีชีวิตอยู่ได้และน้ำไม่เน่าจากเน่ากลายเป็นน้ำดี ตอนแม่ไปซื้อน้ำผึ้งมาให้มีคนแก่บอก ให้เอาบอระเพ็ดแช่ แกแก่ 70 กว่าปีทานทุกวันไม่เคยป่วยเลย เจอเวบคุณหมอดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์เอามาอัพเพิ่มเติมข้อมูล //friutenzyme.blogspot.com/2009/10/blog-post_08.html คลิป ประโยชน์ช่วยบำบัดโรค เบาหวาน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง มาต่อสูตรหมักน้ำตาล ปุ๋ยชีวภาพ - ขยะพืชผักผลไม้ใบไม้ใส่ถัง หรือพวกขยะเปียก - กากน้ำตาล หรือน้ำตาลทรายแดง ใส่สัก 4-5 ช้อนต่อถัง ไม่ต้องใส่น้ำนะ ปิดฝาถังหมักเกิน 10 วัน หรือจะถึง 3 เดือนก็ได้ แล้วแต่อยากนำมาใช้ เพราะ 1 เดือนก็ใช้ได้แล้ว อาจเทหัวเชื้อที่เคยทำมาก่อนช่วยเร่งการทำงานได้ ยิ่งถ้าใส่น้ำเอนไซด์จะเป็นขยะหอมและไม่มีแมลง ถ้าถังมีกลิ่นเป็นเพราะน้ำตาลน้อยแก้โดยเติมน้ำตาลใส่ลงไปอีก ใช้ของหนักพวกหินกดทับด้วยก็ได้จะได้อ่อนตัวดีจมน้ำ จะได้ไม่มีหนอน วางในที่ร่มไม่ให้โดนแดด จะหมักไปเรื่อยๆ เติมขยะใหม่ทุกวันก็ได้ จนปริมาญ 3 ส่วน 4 ของถังให้หยุดเติมปิดฝาทิ้งไว้ 2 เดือนเลยทีนี้ แต่อย่านานเป็นปีกลิ่นจะเหม็น เมื่อได้ผล น้ำและกากจะเป็นสีน้ำตาลหรือเป็นยางมะตูม ให้กรอกใส่ขวด ถ้าหมดอายุเกิน 3 เดือนทิ้งราดท่อระบายน้ำจะช่วยให้น้ำท่อดีไม่เหม็น หรือเป็นปุ๋ยรดต้นไม้ น่าดื่มไหม ขวดพวกนี้หมักน้ำตาลแทนน้ำผึ้งจากสูตรน้ำเอนไซด์ เป็นทั้งปุ๋ยชีวภาพรดน้ำต้นไม้และเอาไว้ล้างแช่ผัก ใส่ทีละฝาสองฝาต่อน้ำหนึ่งกะละมังเล็ก ล้างยาฆ่าแมลง อีกทั้งช่วยให้ผักผลไม้สดชื่นสดกรอบอร่อยขึ้น สูตรนี้สะดวกทำไมยาก พอใส่เศษผลไม้แล้วก็ใส่น้ำตาล สักประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะถ้าผลไม้เปรี้ยวก็ใส่น้ำตาลเพิ่มก็ได้ แล้วก็เติมน้ำ ตั้งทิ้งไว้ในห้องไม่ให้โดนแสงแดดหนึ่งเดือนก็ใช้ประโยชน์ได้แล้วจ้า สีสรรน่าดื่มเหมือนไวน์เลย ขวดสีขาวสับประรด สีน้ำตาลทับทิม(จากทับทิมสุกมากเกินจนเน่าจะทิ้งก็เสียดายเลยเอามาทำ) สีเขียวลิ้นจี่ (ใกล้เน่าเหมือนกันเลยเอามาทำ) แหะ ถ้าดูแค่รูป นึกว่าจาชวนเราทำเหล้าดองยาซะนี่ฮิๆๆ ขวดเหมือนๆ ที่แม่เคยเอาลิ้นจี่ ไม่ก็ลำไย ใส่ในขวดเหล้า ทำเป็นเหล่ายาดอง ให้ลุงคนทำสวน ก๊งวันละเป๊กเลยค่ะ อ๋อ อ่านรายละเอียดก็ออกแนวเพื่อนสุขภาพนิ ฮิๆๆ โดย: นกเอี้ยงโมง [23 ก.ย. 47 15:33] ใช่ แล้วเอี้ยงเหล้าดองยาก็ประยุกต์ทำคล้ายกัน ตอนแม่ซื้อน้ำผึ้งมีคนแก่บอก ให้เอาบอระเพ็ดแช่นะแกแก่ 70 กว่าปีทานทุกวันไม่เคยป่วยเลย โดย: เจ้าบ้าน [23 ก.ย. 47 17:27] เพิ่มเติม *ถ้าทำแบบบ่อเขละใส่ขยะกลบด้วยดินทำสลับสัก 3 ชั้นปิดฝาหมัก 2-3เดือน จะได้ดินดีและปุ๋ยมาใส่ต้นไม้ *เวลาปลูกต้นไม้เอาหมักใส่ลงหลุมครึ่งเมตร โรยน้ำตาล 3-4 ลิตรกลบฝัง ต้นไม้จะอวบมากขึ้น *ถ้าใช้แบบเข้มข้นราดตามท่อระบายน้ำที่กลิ่นไม่ดี บำบัดน้ำเสีย พวกโรงงานอุตสหกรรมเดี๋ยวนี้ก็หันมาทำบำบัดแบบนี้กันแล้วคะ *กากที่หมักแล้ว เอาไปหมักพวกขยะแห้ง เช่นหญ้าแห้ง ใบไม้แห้ง จะหมักแบบเปิดหรือปิดก็ได้ หรือขุดหลุมฝังปลูกผักต้นไม้จะงอกงาม *ปลูกเห็ด เอาเคล้าขี้เลื่อย เขี่ยเชื้อเห็ดใส่ จะออกดอกสูงขึ้นเท่าตัว ออกดอกนาน 6 เดือน โดย: เจ้าบ้าน [23 ก.ย. 47 18:04] ทำเพื่อสุขภาพจริงๆ ถ้าพี่ทำต้องเอาไปซ่อน เพราะบ้านนี้เห็นเราทำไรแปลกประหลาดไปหมด ครั้ง ก่อนทำไข่เค็ม เจ้าลูกคนเล็กของแฟนจะมาเอาทิ้งบอกทำไปได้ไง มันกินไม่ได้ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก แหม..พวกนี้ไม่รู้วิธีถนอมอาหารของคนไทยซะแล้ว มีหลายวิธีด้วยกัน ไม่รู้ซะแล้ว ฝาหรั่งเนี่ย แล้วก็บอกว่าตัวเองฉลาดกว่าเรา จะบ้าตาย โดย: แพท(เบลฟาสต์) [24 ก.ย. 47 4:55] โอ้วันนี้ได้วีธี ถนอมอาหาร ได้สูตรทำปุ๋ย ชีวภาพอีก จริงๆ ภูมิปัญญาไทย ของเราเนีย ไม่แพ้ ประเทศไหนๆ ในโลกนี้ เหมือนกันเน้อ โดย: ป้าพร Stockholm [24 ก.ย. 47 17:08] อ้าวพี่แพทฝารั่งเขาไม่ทำไข่เค็มเหรอ เห็นเมืองหนาวแหมคิดว่าจะถนอมอาหารเก่งกว่าไทยเราอีก ไทยเราละประยุกต์ไปหมดเลยเนอะ โดย: เจ้าบ้าน [24 ก.ย. 47 19:52] |
บทความทั้งหมด
|