ชะม้อย หอยเหล็ก ภาพที่ดูจากรายการคนค้นคน เรื่องราวของชีวิตที่เศร้าเคล้าเสียงหัวเราะของผู้คนที่ผ่านพบดูการแสดงของเขา เมื่อก่อนไม่มีแม้กระทั่งเงินจะเรียนต่อมหาลัยทั้งที่สอบได้ เพราะไม่มีเงินเสียค่าเทอม เลยอยากเปลี่ยนชีวิต จึงเดินทางเข้ากรุงเทพอยากทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น พอมีรายได้จากการแสดงจึงศึกษาต่อที่มหาลัยรามคำแหงและจันทร์เกษม อย่างน้อยคนก็ไม่ดูถูกว่าไม่มีการศึกษาและมีทางเลือกงานที่ดีขึ้นกว่าเป็นกรรมกร แรงบันดาลใจ...เห็นนักแสดงริมถนนชื่อ ไอดิน แดนอีสาน แต่งชุดลิเกเปิดการแสดง ี้จึงเกิดความสนใจคิดว่าอยากเปิดการแสดงแบบนี้บ้าง "ช่วงเวลาเป็นแม่ชะม้อยเป็นช่วงที่มีความสุขกว่าช่วงเป็นต้า" ภาพตลกขำๆโบกรถโดยสารตอนกลางวันให้ผู้คนได้หัวเราะ ช่างขัดแย้งความรู้สึกกับภาพที่เหงาเศร้าในยามค่ำคืนที่โบกรถให้กับตัวเองแล้วรถโดยสารไม่จอดรับ เพราะการแต่งหน้าแต่งตัวที่แปลกประหลาดพะรุงพะรัง เข้าใจคนขับนะเขาคงเป็นห่วงผู้โดยสารคนอื่นกลัวเราขึ้นไปจะไปทำร้าย เป็นมุมมองปลอบใจในแง่ดีที่มีในความคิดของชะม้อย วันธรรมดาจะเล่นทั่วไปตามใกล้ป้ายรถเมล์ กลางคืนบางวันเล่นกับคณะตลกดอกกระโดนตามคาเฟ่เพื่อหารายได้หล่อเลี้ยงชีวิตตัวเอง วันอาทิตย์เล่นที่ตลาดนัด จตุจักรเพื่อสังคม รายได้ที่ได้ทั้งหมดช่วยเหลือความทุกข์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะทำห้องสุขาให้กับวัด ไฟไหม้ น้ำท่วม สัตว์พิการ ช่วยคนเป็นเอดส์วัดพระบาทน้ำพุ เด็กกำพร้า "เงินที่ได้มาไม่ใช่เงินเรา แต่เป็นเงินเขาเราเป็นแค่สะพานที่เขาฝากมาทำบุญ เป็นเหมือนการฝากธนาคาร ชาติหน้าเรามองไม่เห็น ชาตินี้คือความสุขที่ใจที่ได้ทำ" "หลายคนหาว่าผมบ้า ผมคิดว่าการแสดงนี้ได้กำไร แต่ไม่ใช่กำไรที่เป็นเงินทอง กับเป็นกำไรที่มาจากรอยยิ้มของคนที่พบเห็นนั่นเอง "มีความสุขจะร้องจะรำ ไม่จำเป็นจะมีคนดูการแสดงคิดว่าเป็นการกล่อมใจให้คน ในร่างแม่ชม้อยไม่ทุกข์หรือซีเรียสเหมือนต้า" "ชะม้อยเป็นตัวระบาย ...ระบายออกเป็นความสนุกเป็นการปลดปล่อย เป็นการดีที่เอาส่วนนั้นออกมาบ้าง ความทุกข์คนเรา ใช่มีแต่อดีต มันมีเข้ามาเรื่อยๆ บางคนมีจุดมืดไม่แสดงออกมาได้รู้แต่เราคนเดียวเก็บเอาไว้ สิ่งที่ทำได้คือ ระบายออกมาเป็นแม่ชะม้อย" ทำให้คนมีความสุขดีกว่าถมทุกข์ให้ตนเองและถมทุกข์ให้คนอื่น ในวันที่มหานครเมืองใหญ่ ได้กลายเป็นสถานที่ ที่คนจำนวนมากใช้เป็นจุดหมายปลายทางของการตามหาความฝันให้กับตัวเอง ความฝันที่มีจุดหมายปลายทางที่กระจ่างชัดของบางคน ขณะที่ บางคนเลือกก็เอาพรมลิขิตเป็นตัวชี้นำทาง รัตนะ สุทธิประภา เด็กหนุ่มจากจังหวัดหนองคาย เป็นคนหนึ่งที่เข้ามาใช้ชีวิตในเมืองหลวง ด้วยความมุ่งหมายที่ว่า ไปตายเอาดาบหน้า น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ซึ่งการศึกษาไม่สูงนักกับชีวิตในเมืองใหญ่ที่ไม่รู้จักใครเลย เขาจะทำอะไรได้มากไปกว่างานรับจ้างทั่วๆ ไป แต่ความสามารถด้านการฟ้อนรำที่ติดตัวมาก็ทำให้ชีวิตมาจบลงที่การแสดงริมถนน ภาพของชายแต่งหน้าขาว แต่งแต้มแก้มสีแดง นุ่งผ้าซิ่นพื้นบ้านอีสาน ใส่วิกผมซึ่งประดับด้วยดอกไม้หลากสี มาพร้อมกับเสียงเพลงจากเครื่องขยายเสียงขนาดย่อม ในวันเสาร์และอาทิตย์เขามีฐานปฏิบัติการอยู่ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ส่วนวันอื่นๆ จะพบเห็นเขาได้ริมถนน บนสะพานลอยทั่วๆ ไป นักแสดงริมถนนคนนี้ แนะนำตัวเองกับผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาในชื่อ ชะม้อย หอยเหล็ก การแสดงเพื่อแลกเศษเงิน อาจเป็นวัตถุประสงค์แรกเริ่มก็จริงอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า การแสดงริมถนนและเศษเงินที่ได้ในแต่ละวันก็ถูกลดความสำคัญลง โดยมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวจากการออกแสดงของ แม่ชะม้อย ในแต่ละวันเข้ามาแทนที่ เมื่อวันหนึ่งเขาพบว่ารอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ รวมถึงสายตาที่ฉงนสนเท่ห์ ของผู้คนสองข้างทางที่เกิดขึ้น เมื่อพบเห็นการแสดงของเขานั่นต่างหากที่เขาต้องการเห็นในการแสดงของ แม่ชะม้อย แต่ละครั้ง การแสดงของ แม่ชะม้อย ในมุมหนึ่งเขาคือผู้สร้างรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะให้ผู้คนบนโลกใบนี้ แต่อีกมุมหนึ่ง นี่คือหนทางแห่งการปลดปล่อยความปวดร้าว รวมถึงเรื่องราวที่ขมขื่นในชีวิตของคนๆ หนึ่ง เด็กหนุ่มบ้านนอกที่เข้ามาผจญโลกในเมืองใหญ่ เขาเรียนรู้อะไรจากชีวิตริมถนน การแสดงในร่างของ แม่ชะม้อย ช่วยปลดปล่อยความทุกข์ที่มีของคนๆ หนึ่งได้อย่างไร พบกับเรื่องราวของ ชะม้อย หอยเหล็ก วณิพกผู้พิฆาตความเครียดได้ในรายการ คนค้นฅน วันอังคารที่ 27 พ.ค. 2551 เวลาสี่ทุ่ม ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ที่มา //www.tvburabha.com/ |
บทความทั้งหมด
|