ภาพวาดงดงามฝีมือ คุณประภาส ชลศรานนท์ (๒)



”พระผู้สถิตในดวงใจนิรันดร์พระผู้สถิตในดวงใจนิรันดร์”




ประมาณกลางปีที่แล้วอัพภาพวาดผลงานของ คุณประภาศ ชลศรานนท์ คราวนี้มีภาพวาดใหม่มาให้ชมค่ะ เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาคุณจิกโพสภาพวาดและประพันธ์ “นิราศอยู่เหย้า” ประกอบภาพ และอัญเชิญพระบรมสาทิสลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และ สมเด็จพระพันปีหลวง ในวันเสด็จออก ณ สีหบัญชร ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม (๕ ธันวาคม ๒๕๕๕) มาประดับไว้ที่หัวบล็อก ยังมีภาพวาดงาม ๆ ประกอบคำบรรยายทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองอันไพเราะเพราะพริ้ง เพื่อน ๆ ต้องประทับใจเหมือนเราแน่นอน เลื่อนเม้าส์ลงไปชมได้เลยค่ะ


บล็อกภาคแรกที่เคยอัพไว้
ภาพวาดงดงามฝีมือ คุณประภาส ชลศรานนท์












นิราศอยู่เหย้า

นิราศร้างห่างเพื่อนไม่เหมือนห่าง
ยังไถ่ถามทุกข์สุขในทุกทาง
ไม่เว้นว่างกลางคืนหรือตื่นนอน

อยู่กับบ้านนานเนาแต่เนิ่นนัก
เริ่มรู้จักผักหญ้ากว่าแต่ก่อน
ได้ดูหนังคั่งค้างอยู่บางตอน
ปีนซ่อมกลอนเปลี่ยนไฟอยู่หลายดวง

เช้ารื้อแผ่นเล่นเพลงเราเคยหู
สายเปิดดูรูปเก่าเราเคยหวง
บ่ายจับค้อนเจียวไข่ถือไขควง
เย็นมีช่วงชมฟ้าเวลาดี

เปิดมือถือไถจอว่ารอช้อป
เมื่อถึงรอบลดราคาใช่มาถี่
เห็นนกน้อยเกาะไม้ถ่ายทันที
ส่งรูปอวดน้องพี่ทุกวี่วัน

ได้ปลุกตื่นฟื้นงานเรื่องการวาด
กางกระดาษปาดสีขมีขมัน
เขียนตลาดวาดคนปะปนกัน
แล้วแบ่งฝันกันชมนิยมจริง

เลยแต่งตัวมู่มู่ชุดอยู่บ้าน
ดูผ่านผ่านแยกไม่ออกหรอกชายหญิง
ไม่ขัดเขินเดินเลาะได้เหยาะวิ่ง
เหนื่อยก็พิงพาดเข่าเขย่าพุง

ค่ำสวดมนต์บทน้อยตามรอยสงฆ์
ทั้งโพชฌงค์มหากาอีกพาหุง
ได้ฟังธรรมคำพระให้ละยุ่ง
สมาธิสติมุ่งไม่มัวเมา

ครั้นฟังข่าวใครขาดแคลนจึงแทนจิต
ด้วยความคิดช่วยกันแบ่งปันเขา
บริจาคตามกำลังประทังเศร้า
บ้านเมืองเราขัดสนมีคนคอย

เห็นหมอเล็กหมอใหญ่ล้วนใจพระ
เสียสละทั้งกายใจไม่มีถอย
อุปกรณ์ช่วยชีวีถึงมีน้อย
เราอย่าปล่อยให้หมอสู้อยู่ลำพัง

จำเคยจดอดเปรี้ยวไว้กินหวาน
คำโบราณกานท์กลอนท่านสอนสั่ง
หยุดไปมาหาสู่ดูสักตั้ง
แล้วรอหลังพายุร้ายมลายไป

แม้นรักใครให้อยู่ห่างระวังเขา
คือของขวัญจากเราเล่าจริงไหม
เมื่อเชื้อหยุดเดินทางจนจางไป
โรคย่อมไร้คนเล่นเป็นตัวกลาง

ถึงไม่พบสบตาคณาญาติ
ก็ใช่ขาดความสัมพันธ์ในวันห่าง
ถึงตัวไกลใช่เรานิราศร้าง
ยังห่วงใยไม่สร่างทางออนไลน์

พญาโศกโลกขื่นจนข้ามศก
อีกกี่ยกที่ต้องยันแม้หวั่นไหว
ปันหยูกยาอาหารเจือจานใจ
ไทยช่วยไทยเธอช่วยเขาเราช่วยกัน

นึกภาพไว้วันคืนอันชื่นจิต
วันรวมมิตรรวมญาติตลาดลั่น
แม้นไม่มีใครตอบได้เมื่อไรกัน
จะรอวันด้วยหัวใจไม่หม่นเอย ฯ










กล้วยน้ำว้าหวีเดียวกันบางทีมันก็สุกไม่พร้อมกัน

โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ชอบกินกล้วยน้ำว้าแบบที่สุกงอมมาก ๆ
และด้วยความที่นิยมกล้วยน้ำว้า ที่บ้านผมจึงมีกล้วยน้ำว้าแขวนไว้ในครัวหวีหนึ่งอยู่เสมอ

ครั้งหนึ่ง กล้วยผลหนึ่งในหวีเกิดสุกก่อนผลอื่น มันสุกนิ่มจนทำให้ปอกเปลือกยาก วันนั้นผมรีบกินผลนั้นก่อนเพราะเกรงจะงอมมากไปกว่านี้ พอวันรุ่งขึ้น กล้วยผลต่อมาในหวีก็สุกงอมจนเปลือกดำตามมาอีก ผมก็ทยอยไล่กินกล้วยงอม ๆ จนครบทุกผลหมดหวี บางวันสุกพร้อมกันสองสามผล ผมก็กินพร้อมกันในวันนั้น แต่ยอมรับว่าไม่อร่อยนักที่มันเละเกินไป

อีกครั้งหนึ่ง ผมได้เจอการสุกของกล้วยทีละผลเหมือนเดิม แต่คราวนี้ผมตัดสินใจข้ามผลที่สุกงอมไปเลย ไม่เอามากิน ผมเด็ดกล้วยที่สุกงอมออก แล้วผมก็เลือกกินกล้วยผลที่สุกพอดีๆผลอื่นแทน ส่วนกล้วยผลที่สุกงอมผลนั้นผมก็เอาไปเลี้ยงปลา ซึ่งด้วยวิธีนี้ทำให้ในคราวนั้นผมจึงกินกล้วยไม่ครบหวี นับแล้วผมได้ข้ามผลที่สุกงอมเกินไปถึงสี่ผล

แล้วผมก็ตั้งคำถามถามตัวเองว่า
ทั้งสองแบบที่ผมทำนั้น แบบไหนผิดแบบไหนถูก

นอกจากกล้วยน้ำว้าแล้ว กล้วยไข่ก็เป็นกล้วยอีกชนิดหนึ่งที่ผมชอบมาก เหตุผลก็คือ เพราะมันไม่มีกระดูก







ชื่อภาพ "เนื้อเดียวกัน"
ภาพสีน้ำบนกระดาษ ๒๘ x ๔๐ ซม.





คนกรุงเรียกฉันว่า นายช่าง
คนแถวกาดเรียกฉันว่า สล่า
เด็กน้อยที่วิ่งเล่นแถวนี้ ชอบตะโกนเรียก พ่ออุ้ย
เมียฉันบางทีก็หยอกฉันว่า ตาเฒ่า

ฉันตื่นเช้า เดินดูกล้วยไม้ที่แขวนไว้ตรงระเบียงสักแป๊บ
แล้วก็มากินข้าวจี่กับกาแฟขม ๆ ของแม่เอียด
แล้วก็มาเตรียมค้อน เตรียมแท่น เตรียมหมอนรองนั่ง เตรียมทองเหลืองแผ่น
จากนั้นฉันก็ฉลุของฉันไป ตอกไปเรื่อยๆ บางทีก็เป็นจังหวะเบา ๆ บางทีก็ตอกแรง ๆ

ครึ้มนักก็เอากล้องยามาสูบให้สบายอกสบายใจ บางทีก็คาบไว้ไม่ให้เหงาปาก ไม่จุดไฟเสียด้วย
เที่ยงวัน ก็หยิบข้าวเหนียวมากินกับไก่ย่างสับ บางวันโชคดีก็ได้เป็นข้าวเงี้ยวสักห่อกินกับหอมซอยพริกแห้ง
แล้วก็งีบสักนิด
บ่ายถึงเย็นก็ตอกลายไปเรื่อย ๆ เพื่อรอไปนั่งหน้าสำรับที่จะมีแกงที่ฉันโปรดปราน

ฉันมีความสุขหรือเปล่าไม่รู้
ภูมิใจในตัวเองหรือเปล่าไม่รู้
คนรุ่นหลานที่เรียนหนังสือสูง ๆ ชอบพูดว่าอิจฉาที่ฉันได้ทำงานที่ฉันรัก

อย่างไรก็ไม่รู้ คนรุ่นฉันไม่เคยพูดภาษาอะไรอย่างนี้หรอก
รักงานที่ตัวเองทำ
รักอย่างไร นึกไม่ออก ฉันรักแม่เอียดของฉัน กับเจ้าหลานตัวน้อย ๆ ที่มานั่งตักทุกวัน
ฉันชอบกินข้าวจี่ ชอบสูบกล้อง ชอบลิ้นจี่สวนเจ้าวิทยา

ทุกวันของฉันก็เหมือนๆกันเช้าจรดเย็น
คนกรุงชอบถามฉันว่าฉันมีความสุขดีหรือ
ฉันว่า ฉันสบายดีนะ







ภาพสีน้ำ
สถานที่ แคนเทอเบอรี่ สหราชอาณาจักร




ในวันที่เราเดินทางไปในที่ที่ไม่คุ้นเคย

บางคนสนใจจับจ่ายของที่ระลึกแปลกตาที่ไม่เคยเห็น
บางคนสนใจสินค้าชื่อดังที่ตัวเองอยากได้ แต่สนนราคาถูกกว่า
บางคนสนใจตึกรามบ้านช่อง
บางคนสนใจต้นไม้และภูเขา
บางคนสนใจวิถีชีวิตของผู้คน
บางคนสนใจรสชาติของอาหารท้องถิ่น
บางคนสนใจแม้กระทั่งแสงแดดและร่มเงา

ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงชอบเดินทาง







ชื่อภาพ "อีกทะเล ทั้งเห่ทั้งกล่อมทั้งยอมเป็นเพื่อนใจ"




ตอนที่ศุ บุญเลี้ยง มาขอเพลงเที่ยวละไมไปร้อง ตอนนั้นเฉลียงยังไม่ได้รวมตัวที่จะทำอัลบั้มอื่น ๆ อีกมากมายเลย

ประโยคหนึ่งในบทสนทนาอันหลากหลายในวันที่พบเจอกันครั้งแรกคือ "เพลงเที่ยวละไมกับหาดละไมที่เกาะสมุย มีอะไรเกี่ยวข้องกันหรือไม่"

คำตอบของผมก็คือ ไม่เกี่ยวกัน ณ วันนั้นผมยังไม่เคยไปสมุย จึงยังไม่รู้จักชื่อของหาดละไมเลยด้วยซ้ำ

คำว่าเที่ยวละไม เป็นคำที่ไม่มีอยู่ในเนื้อเพลง เป็นคำที่ผมผสมมันขึ้นมาเอง โดยคิดเล่น ๆ ว่า ก็ในเมื่อกิริยายิ้มยัง "ละไม" ได้ ถ้าเราจะให้กิริยาเที่ยวแบบซึมซับกับธรรมชาติก็คง "ละไม" ได้เช่นกัน

หลังจากร่วมกันทำเฉลียงไปชุดสองชุดจนรักใคร่เป็นพี่เป็นน้องกันแล้ว วันหนึ่งผมก็ได้ไปสมุย ได้ไปนอนที่บ้านจุ้ยอยู่หลายวัน ได้ตั้งวงกินข้าวไข่เจียวและแกงรสจัด ๆ ฝีมือแม่ของจุ้ย วงกินข้าวนั้นนอกจากจุ้ยแล้วก็มีพี่ดี้ น้องเกี๊ยง และนักเขียนเพื่อนรักอย่างปินดา โพสยะ ที่ร่วมทริปไปล่องใต้ด้วยกัน

ประสบการณ์การเที่ยวละไมครั้งนั้นยังคงเป็นความประทับใจมาถึงทุกวันนี้ และจะนึกถึงในทุกครั้งที่คิดถึงทะเล

และในคราวนั้นก็เลยได้ไปเยี่ยมหาดละไม ที่จุ้ยถามถึง

ภาพเขียนภาพนี้เขียนจากรูปถ่ายและความทรงจำเมื่อครั้งไปเยี่ยมสมุยบ่อย ๆ
แต่ไม่ใช่ภาพของหาดละไม แต่เป็นชายทะเลที่อยู่หลังบ้านจุ้ย ซึ่งมันอยู่ใกล้แค่เดินลงมาจากเรือนนอนไม่ถึงยี่สิบก้าวก็ถึงเก้าอี้ไม้ใต้ต้นจิกทะเลแล้ว

ภาพนี้มองจากมุมที่พวกผมนั่งเอกเขนกชมทะเลทุกวัน
จะเห็นต้นมะพร้าวและใบของต้นจิกทะเลเป็นโฟรกราวด์
มีท่าเรืออยู่ไกล ๆ แสงจะย้อนเข้าตาหน่อย แต่ก็นับว่าเป็นมุมที่งามที่ได้เห็นแสงระยิบระยับบนหาดดินดำ ๆ ที่มีกองดินเป็นกอง ๆ ที่ชาวประมงมาขุดหอยขุดกั้งอยู่เป็นภาพคุ้นตา

ภาพนี้ผมหยิบกระดาษที่เหลืออยู่กับสีที่ติดจานสีนิดหน่อยขึ้นมาเขียน ด้วยวิธีปาดพู่กันเร็วๆไม่กี่ทีอย่างไม่พิถีพิถันนัก แต่ทำด้วยความสุขและความทรงจำแท้ ๆ แม้ฝีมือจะมีแค่นี้

ต้นไม้ทรายคลองพี่น้องกัน จริง ๆ ครับ







เรามีความทุกข์ เราจึงคิดเตลิดเปิดเปิง
หรือ
เราคิดเตลิดเปิดเปิง เราจึงมีความทุกข์





นักเขียน นักดนตรี นักแต่งเพลง นักบริหาร นักพูด นักร้อง ครู สถาปนิก ผู้กำกับ นักแสดง นักวาด





การ์ตูน ๑๔ ช่อง ที่เคยเขียนเล่น ๆ เมื่อยี่สิบปีก่อน





“ฝนตกแดดออก”
ความหมายของวันนี้





ชื่อภาพ
"เที่ยวไปตามตะวัน
บุกบั่นไปตามลม"

สีน้ำ พาหนะอีกอย่างที่จะพาเรากลับไปท่องเที่ยวอีกครั้ง





"น้ำ เขา หมอก แมกไม้ เรือถ่อ"










ภาพและบทกวีจาก เพจ Prapas Cholsaranon





บีจีจากคุณเนยสีฟ้า กรอบจากคุณ ebaemi และคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 06 ตุลาคม 2564
Last Update : 6 ตุลาคม 2564 23:57:09 น.
Counter : 2224 Pageviews.

0 comments
가고파 (Hope to go) by KIM Dong-jin (김동진) ปรศุราม
(20 มิ.ย. 2568 10:45:44 น.)
แจกภาพปฏิทินประจำวัน ครั้งที่ 4 (22-30 มิถุนายน 2568) ทองกาญจนา
(21 มิ.ย. 2568 08:29:32 น.)
Cuando esta tan hondo from El Barquillero by Ruperto Chapí ปรศุราม
(15 มิ.ย. 2568 10:53:08 น.)
편지 (Pyeonji) Letter by 윤이상 (Isang Yun) ปรศุราม
(13 มิ.ย. 2568 11:07:06 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณ**mp5**, คุณtoor36, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณnewyorknurse, คุณกะว่าก๋า, คุณSweet_pills, คุณปรศุราม, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณมยุรธุชบูรพา, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณmariabamboo, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณเริงฤดีนะ, คุณTui Laksi, คุณkatoy, คุณทนายอ้วน, คุณชีริว, คุณสองแผ่นดิน, คุณหอมกร, คุณtuk-tuk@korat, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณนกสีเทา, คุณเจ้าการะเกด, คุณNoppamas Bee, คุณThe Kop Civil


Haiku.BlogGang.com

haiku
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 166 คน [?]

บทความทั้งหมด