ในอนาคตยางแต่ละรายการแข่งขันจะมี 3 ชนิด และจะเรียกง่ายๆ เพียง "ฮาร์ด" "มีเดียม" และ "ซอฟต์" โดยมีคุณลักษณะประจำแต่ละชนิด ได้แก่

- ยางฮาร์ด ประสิทธิภาพลดลง 2 วินาทีเมื่อถึง 22% ของระยะทางของการแข่งขัน ทำเวลาต่อรอบได้ตามพื้นฐาน
- ยางมีเดียม ประสิทธิภาพลดลง 2 วินาทีเมื่อถึง 18% ของระยะทางของการแข่งขัน ทำเวลาต่อรอบได้เร็วกว่ายางฮาร์ดรอบละ 1.2 วินาที
- ยางซอฟต์ ประสิทธิภาพลดลง 2 วินาทีเมื่อถึง 10% ของระยะทางของการแข่งขัน ทำเวลาต่อรอบได้เร็วกว่ายางฮาร์ดรอบละ 2.2 วินาที

การปรับเปลี่ยนครั้งนี้เอฟไอเอหวังว่าทีมจะวางกลยุทธ์ยางได้อย่างหลากหลายขึ้น อย่างเช่น เข้าพิตได้หลายครั้ง เพื่อให้การแข่งขันน่าติดตามยิ่งขึ้น โดยสำหรับสนามทั่วไป เอฟไอเอต้องการให้กลยุทธ์ยางออกมาดังนี้

- 1x ยางมีเดียม + 1x ยางฮาร์ด = เข้าพิต 1 ครั้ง
- 1x ยางซอฟต์ + 2x ยางมีเดียม = เข้าพิต 2 ครั้ง
- 3x ยางซอฟต์ + 1x ยางมีเดียม = เข้าพิต 3 ครั้ง

โดยอัตราการสึกหรอของยางควรให้ส่งผลต่อกลยุทธ์ยาง แต่ไม่ถึงขั้นสึกเร็วจนเกินไป และมีการฟื้นตัวเองได้อย่างรวดเร็วเมื่ออัตราการสึกช้าลงจากการใช้ยางอย่างนุ่มนวลขึ้น ในส่วนของประสิทธิภาพนั้น ยางสำหรับล้อ 18 นิ้วเมื่อถึงอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการใช้งานควรทำเวลาต่อรอบได้ดีเท่ากับยางปี 2019 เป็นอย่างน้อย

สำหรับผู้ผลิตยางที่สนใจเสนอราคามีเวลาถึง 31 สิงหาคมนี้ โดยผลการตัดสินเกี่ยวกับด้านเทคนิคและความปลอดภัยจะมีขึ้นในวันที่ 14 กันยายน และหลังจากนั้นจะมีการพิจารณาในรายละเอียดด้านการตลาด ซึ่งลิเบอร์ตี้มีเดียจะเป็นผู้คัดเลือก ก่อนจะนำเสนอชื่อซัพพลายเออร์ที่คัดเลือกส่งให้เอฟไอเอรับรองเป็นขั้นตอนสุดท้าย









*ข้อมูลและภาพจาก motorsport.com