ความสุข-วันสุข \\อัตตา- อนัตตา ตัวเรา ของใคร?//
เมื่อวันก่อน มีคนทักว่า ‘ทำไมไม่แต่งตัวให้ดีๆ น่ารักๆ ละ’
ก็ทำหน้าประมาณ - -* เอิ่มมมม... คิดในใจ นี่มันก็ดีแล้วนะ
เสื้อยืด กางเกงขาสั้นพอดีเข่า เสื้อก็ตัวใหญ่มากๆ
คนนั้นก็บอกว่า ‘ดูเพื่อนคนอื่นดิ แฟชั่นเลิศๆ แต่แกแบบนี้มาประมาณยุคหินเก่าแล้ว’
อิฉันก็ - -* เอิ่มมมม... ก็ฉันชอบ ฉันพอใจแบบนี้ ใส่ได้ตลอด
แฟชั่น ตามไป บางทีก็ตามแทบมาทัน ซื้อมาใหม่วันนี้
อีก 2 วัน ออกคอลเลคชั่นใหม่อีกแล้ว ไม่ต้องซื้อตามๆ กันหมดเรอะ?
กลายเป็น ที่ซื้อมาได้ 2 วัน เก่าไปแล้ว เอาท์เทรนไปแล้ว
ใส่ของเราแบบนี้ เบสิค สุดๆแล้ว ใส่ของเราแบบนี้ เบสิค สุดๆแล้ว อีกอย่างก็ไม่ต้องซื้อเปลี่ยนใหม่ทุกสัปดาห์
อิฉันดูแลของดีซะอย่าง อยู่ได้เป็นปีๆ >o<
พอออกจากที่ตรงนั้นมา เป็นช่วงเวลาของการปั่นจักรยานกลับบ้าน เลยทำให้เกิดความคิดบางอย่างขึ้น
เออเนอะ คนเราที่คุยๆ ที่รู้จักกัน ที่บังเอิญเดินผ่าน พอปะ พวกเขามองกันแค่เสื้อผ้าที่สวมใส่ เอ๊กเซสที่ประดับ
แค่นี้หรอ? มองหน้าตา ที่ถ้าเกิดเป็นผู้หญิงก็ต้องปัดแก้มนิดๆ ปากให้เรื่อๆ หน่อยๆ
ยิ่งเพื่อนเราบางคน ใส่คอนแทคสีๆ ให้ตาโตๆ มีแต่คนกรี๊ดกร๊าดดด~
ข้าวของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน จำเป็นไหม ที่ต้องเป็นแบรนเนมยี่ห้อดังๆ
คนเรา... ตัดสินว่าคนดี-ไม่ดี ด้วยวัตถุภายนอก... แค่นี้หนะหรอ?
จริงอยู่ว่านาฬิกาที่เราใส่อยู่ทุกวันนี้ แบรนดัง แต่อิฉันก็ใส่มันเพื่อดูเวลามาหลายปีแล้ว
นาฬิกา... เห็นเพื่อนๆ เปลี่ยนกันบ่อยมาก สีนู้นสีนี้ อิฉันเห็นแล้ว... โห เจ๋งมากเลย สวย
แต่ใส่นาฬิกากันเพื่ออะไร ดูเวลา หรือ ใส่ไว้โชว์นาฬิกา? สังเกตได้จาก คนใส่นาฬิกาส่วนใหญ่
ไม่เคยเห็นลงไปเข้าแถวได้ตรงเวลาสักคน... เหอะๆ มันก็พูดยากอะนะ เข้าใคร ตรงกับใคร ก็จะเคืองกัน...
ถามตัวเองว่า เราจำเป็นไหม ที่จะต้องเอา ตัวเรา ไปผูกติดกับสิ่งเหล่านั้น
เราใส่เสื้อผ้าเพื่อให้คนชม ให้คนเขายอมรับเราเหรอ? สำหรับคนอื่น อิฉันไม่รู้
แต่สำหรับอิฉันแล้ว เสื้อผ้าก็ทำหน้าที่เป็นเสื้อผ้า นาฬิกาก็ทำหน้าที่บอกเวลา กระเป๋าทำหน้าที่ใส่ของ
รองเท้าทำหน้าที่ห่อหุ้มเท้า มิใช่ไว้เพื่ออวดโชว์ใครๆ
อิฉันยอมรับว่ายังไม่สามารถ ปฏิบัติตาม หลักอนัตตา ได้เป๊ะๆ
อนัตตา คือความไม่ถือว่านี่เองคือตัวตนของเรา อิฉันทำไม่ได้
เพียงแต่อิฉันรู้สึกว่า พักๆนี้ ความเป็นอัตตาในตัวอิฉัน มันลดลงไปมากกว่า
เรามักพกเอา อัตตา ของเราไปทุกๆ ที เมื่อมีอัตตา ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้แก่เรา
แต่เสริมเพิ่มเติมกันเข้าไป ให้มัน บูมๆ กันเข้าไป
ลองสมมุติดู หากมีใครสักคนเดินเข้ามาบอกว่า ที่เธอใส่อยู่เนี่ย มันดูไม่เหมาะกับตัวเธอเลย
เราจะต้องแบบ จี๊ดเลย ขึ้นเลยใช่ไหม? ในกรณีนี้ ลองอีกสักครั้ง ลองตั้งคำถามว่า เราโกรธเขาใช่ไหม?
แล้วเราโกรธเขาทำไมละ? เราควรจะขอบคุณเขาเสียมากๆ จะถูกกว่า เพราะเขาเป็นคนหนึ่ง
ที่ห่วงใย และมีความกล้าพอที่จะเข้ามาบอกเรา เตือนเรา
คนส่วนใหญ่ไม่เป็นอย่างนี้สิ โกรธเขา ไม่พอใจเขา พาให้ใจขุ่นหมองไปใหญ่ นี่เป็นเพราอะไร
เพราะเรายึดกับอัตตาของเรามากไปใช่ไหม? ถามตัวเองสิ ว่าตัวเราของเรา หรือตัวเราของใคร?
อิฉัน... ไม่เคยทำอะไรตามแบบใคร ไม่ตามใจใคร
ไม่ใช่คนขวางโลก หรือเอาใจใครไม่เป็นนะคะ เพียงแต่เห็นแล้วว่า มันไม่ใช่ทางของความสุขของอิฉันเลย
คำถามที่เพื่อนถามว่า ทำไมอิฉันไม่แต่งตังแบบพวกเขา
คำตอบของอิฉันจะขอบตอบตอนนี้ก็คือ แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ^^

- - - - -


หลังจากผ่านเรื่องประมาณว่า กระทบต่อจิตใจ มาตอนนี้ ก็ดีขึ้นแล้ว ดีขึ้นมากเลยละเจ้าคะ
เราไม่จำเป็นต้องโกรธ ต้องเกลียด ใครที่มาทำให้เราขุ่นข้องหมองใจ ก็อีกนั่นแหละ
เราควรจะขอบคุณเขาให้มากๆ ที่ได้สอนเราให้รู้จักกับคำว่าเสียใจ เศร้าใจ และจะดีมาก
ถ้าเราได้เอาช่วงเวลาแห่งความทุกข์นั้น ให้เรากลับมาอยู่กับตัวเอง ทบทวนตัวเอง กำหนดให้รู้ว่าทุกข์นะ
แล้วเราทุกข์เพราะอะไรละ? เพราะเรายังยึด ยังถืออยู่หรอป่าว?
ถ้าอย่างนั้น ทำไมเราไม่มาปล่อยมันไปพร้อมๆ กันละคะ (^^)
ถ้าเราไม่รู้จักกับความผิดหวัง เราก็จะไม่มีทางได้รับรู้ช่วงเวลาแห่งความสุขที่จะมาเยือนหลังความผิดหวังหรอก
ว่าช่วงเวลานั้น มันมีค่า และเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ แค่ไหน

- - - - -


ขอบคุณช่วงเวลาไม่ดีๆ ที่ผ่านมา เพราะทุกอย่างได้ทำให้อิฉัน เริ่มฉุกคิด หาความสุข ความสงบอย่างแท้จริง
ทุกอย่างรอบตัวเราสอนเราได้หมดเลย ธรรมชาตินั่นแหละ คือธรรมะ
ปฏิบัติธรรมะ ให้เป็นธรรมชาติ น้อมนำมาใช้ให้เรามีความสุข เรียนรู้เท่าทันทุกข์ที่เกิดขึ้น
และอย่าได้คล้อยตามทุกข์นั้นไป ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต มีแต่ตอนนี้ ปัจจุบันนี้… ปัจจุบันที่เราควรทำให้ดีที่สุด
ลองคิดดูนะคะ เราเตรียมการล่วงหน้ามากมายว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ พอถึงวันพรุ่งนี้ มันก็คือวันนี้ ถูกไหมคะ?
แล้วอีกอย่าง บางสิ่งที่เราเตรียมไว้อย่างดี บางที อาจจะไม่ได้ทำเลยก็ได้สักอย่าง... ใช่ไหมคะ?

- - - - -


ถ้าไม่มีปัญหาให้คิดแล้ว ปัญญาจะพัฒนาได้อย่างไร
ถ้าไม่มีโจทย์เลขแล้ว เราจะคิดเลขเก่งได้อย่างไร
ถ้าไม่ทำแบบฝึกหัด จะเกิดความชำนาญได้อย่างไร
>พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต)<



Create Date : 20 ธันวาคม 2552
Last Update : 20 ธันวาคม 2552 12:58:17 น.
Counter : 873 Pageviews.

7 comments
ขนอมยอมเธอ..หาดสงบ ห้องพักสวย อาหารอร่อยทริปที่แสนคุ้มค่าในเวลาสั้น ๆ sawkitty
(18 ก.ค. 2567 12:30:37 น.)
ตุ๊บตั๊บ เด็กชายของเพื่อนบ้าน ตะลีกีปัส
(17 ก.ค. 2567 14:18:27 น.)
ผ่าตัดหมอนรองกระดูกปลิ้น ตอนที่ 5 - ครบหนึ่งเดือนแล้ว สุขใจพริ้ว
(14 ก.ค. 2567 09:06:05 น.)
เอ๊ะ?! จันทราน็อคเทิร์น
(12 ก.ค. 2567 16:49:34 น.)
  
เสื้อยืด 'เกงขาสั้น เท่านั้นที่ครองโลกงับ

แฟชั่นจ๋ามา ท้ายที่สุดคร้านจะมาง้อเสื้อยืดกางเกงขาสั้น เอิกๆ

เราก็เป็นคนนึงที่แต่งตัวไม่เก่ง แต่ชอบมองคนแต่งตัวเก่งมากกว่า แต่งเก่งในที่นี้คือ สวยสมวัย ดูดีตามสถานการณ์และสถานที่ มันจะน่ามองมากๆเลย > <

เห็นเด็กบางคนสมัยนี้แล้วละเหี่ยใจ - -
ตังค์พ่อแม่แท้ๆ ซื้อเอาๆ

(อ้าว!? กลายเป็นมาบ่นในบล็อกคุณเลย ฮ่าๆ)
โดย: เด็กหัวส้ม วันที่: 20 ธันวาคม 2552 เวลา:13:56:42 น.
  
ขอบคุณมากมายที่แวะมาเยี่ยม เข้ามาทักทายเหมือนกันค่ะ
อิอิ
โดย: noina (love post-card ) วันที่: 20 ธันวาคม 2552 เวลา:14:27:12 น.
  
เห็นด้วยทุกอย่างเลยครับ คุณน้อง
แล้วก็คุณน้องยิ้มสวยจริงๆนะครับ
โดย: กลิ่นดอย วันที่: 20 ธันวาคม 2552 เวลา:18:29:59 น.
  
เข้ามาเยี่ยมคะ

นิสัยคุณน้อง เหมือนคุณพี่เลยอ่ะ 555
โดย: sukie_moo วันที่: 21 ธันวาคม 2552 เวลา:10:23:19 น.
  
สาธุ...
โดย: กรรไกรรัตนะ IP: 118.173.197.101 วันที่: 21 ธันวาคม 2552 เวลา:14:56:49 น.
  


เป็นตัวของตัวเอง
ดีที่สุดแล้วค่ะ

ดี.ก็ไม่สนใจเลย
แต่งตามความพอใจ





โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:8:25:56 น.
  
จบแล้วสินะ กำลังจะก้าวสู่การเป็นเด็กม ปลายแล้วอะดิ แล้วตกลงจะเรียนที่ใหนเหรอ เอ.... เรากลับมากทมแล้วเหรอ
Take Care ตัวเองนะครับ ว่าแตที่อยู่อะ ยังไม่ทันได้แลกกันเลยอ่ะ
โดย: กลิ่นดอย วันที่: 23 ธันวาคม 2552 เวลา:19:48:11 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Evermore.BlogGang.com

onedermore
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด