คิดนอกใจ.....จิ้นตนาการของเด็กๆ
หลายวันก่อน...
ผมนั่งอ่านเรื่องของเยาวชนคนเก่ง ในคอลัมน์ จุดประกาย ของหนังสือพิทพ์บางกองโพส
เป็นเรื่องของเยาวชนที่ไปนำเสนอผลงานวิจัยด้านดาราศาสตร์ที่ประเทศญี่ปุ่น
เป็นผลงานวิจัยที่แม้แต่สมาคมดาราศาสตร์แห่งประเทศญี่ปุ่นยังต้องเอ่ยปากชม
รวีวัฒน์ ถวัลย์เถลิงฤทธิ์ นักเรียนชั้น ม 2 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เป็นตัวแทนประเทศไทยในการนำเสนอผลงานวิจัยในครั้งนี้
เขาบอกว่า เด็กญี่ปุ่นเอง แม้จะมีความสนใจในด้านดาราศาสตร์อย่างกว้างขวาง แต่ในเรื่องของการทำวิจัยนั้น
เด็กไทยสามารถทำวิจัยในเชิงลึกได้มากกว่าเด็กญี่ปุ่น
เชิงลึกในที่นี้หมายถึงเป็นการทำวิจัยโดยใช้ข้อมูลระดับเดียวกับนักวิทยาศาสตร์ระกับโลก
นอกเหนือจากการไปโชว์ผลงานวิจัย กลุ่มยุววิจัยในโครงการ LESA ยังได้ประโยชน์ในการเปิดโลกทัศน์ให้เด็กได้เห็นความหลากหลายของงานวิจัย
เพื่อให้สามารถคิดโจทย์ใหม่ๆ และคิดนอกกรอบได้มากขึ้น
....
อ่านเรื่องนี้จบ ทำให้นึกถึงสมัยเรียน ม4
ในชั้วโมงวิทยาศาสตร์
เพื่อนผมชื่อ "มนตรี" เป็นคนเรียนเก่ง และในชั่วโมงนั้นเขาก็บอกกับคุณครูสอนชีววิทยาว่าเขาคิดค้นทฤษฎีใหม่ขึ้นมา
เรียกว่า "ทฤษฎีแมลงสาบ"
เข้าใจว่าคุณครูคงงงและสงสัยอยู่ในทีว่าไอ้ทฤษฏีนี้มันเป็นอย่างไร
"ผมค้นพบว่า ประสาทการรับรู้ของแมลงสาปอยู่ที่ขา ไม่ใช่ที่หัวแต่อย่างใด" มนตรีอธิบายต่อ
คุณครูทำหน้าประมาณว่า แล้วไงต่อ มันยากที่จะเชื่อ
จริงๆ ในตลอดอาชีพความเป็นครูสอนชีวะมาอาจไม่เคยคิดว่าแมลงสาปมีประสาทรับรู้อยู่ที่ขากับเขาด้วย
"ถ้าครูไม่เชื่อ ชั่วโมงต่อไปผมจะพิสูจน์ให้ครูดู"
ครบสูตรนักวิทยาศาสตร์เลยครับ
ตั้งสมมติฐาน พิสูจน์สมมติฐาน สรุปสมมติฐานเป็นทฤษฎี
...โป๊ะเช๊ะ
แล้วชั่วโมงถัดไปก็มาถึง มนตรีเดินเข้าห้องมา ในมือถือถุงพลาสติกที่บรรจุแมลงสาบตัวเป็นๆ อยู่สองสามตัว
ก่อนเริ่มเรียน คุณครูจึงให้เวลามนตรีได้ทดสอบสมมติฐานของเขา ในขณะเดียวกันก็ให้เพื่อนๆ ในห้องร่วมทดสอบด้วยกัน
เป็นการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างเด็ก คุณครู และเพื่อนร่วมห้อง
เป็นไชน์เซ็นเต้อ ของแท้ แฮ่ม...
มนตรีควักถุงพลาสติกเปล่าๆ ออกมาถุงนึง แล้วจับแมลงสาบหนึ่งตัวไส่ไว้ในถุง เปิดปากถุงไว้..
"แมลงสาบ เจ้าจงออกมา" เขาสั่งพร้อมกับเคาะก้นถุงเบาๆ..สักพัก แมลงสาบก็เดินออกจากถุง
สาวๆ ก็วิ๊ดว้ายกระตู้หู้ กัวๆๆ
"เอาล่ะ นั่นคือแมลงสาปปกติ ทีนี้ ผมจะตัดประสาทการรับรู้ของมันออก"
ว่าแล้วก็มนตรีก็จัดการเด็ดขาแมลงสาบออกจนหมด แล้วยัดแมลงสาปใส่ถุงไว้ดังเดิม
"เจ้าแมลงสาปจงออกมา" มนตรีเอ่ยอีกครั้ง..
เงียบครับ... แมลงสาปนิ่งสนิท หันมองหน้าคุณครู
นิ่งสนิทยิ่งกว่าแมลงสาบอีก
ผมเข้าใจว่าคุณครูคงอึ้งน่ะครับ...
เพื่อนๆ ต่างส่งเสียงอื้ออึง...
บ้างก็ทำหน้าทึ่งเหลือคณา ช่างกล้า มันคิดได้ไง(วะ) บ้างก็ทำหน้าเหวอ...
แต่มนตรียืดอก ใบหน้ายิ้มกริ่ม...
"พอเราตัดขาออก ประสาทการรับรู้ของแมลงสาปก็ถูกตัดขาด เป็นเหตุให้แมลงสาปไม่ได้ยินที่เราบอก"
เขาอธิบายเพิ่มเติม
เวลานั้นคุณครูทำหน้าเหมือนโดนผีหลอก
โบกมือให้เก็บๆ อุปกรณ์
"ขอบใจนะมนตรี ที่ให้ความรู้แก่พวกเรา...แต่ครูว่า เริ่มเรียนกันเถอะ"
....
จากวันนั้น ทฤษฎีแมลงสาบ ก็เป็นที่โจษจันไปทั้งโรงเรียน และต่อมา มนตรี เจ้าของทฤษฎีก็เอ็นติดคณะแพษย์
ตอนนี้ต้องเรียกว่าคุณหมอมนตรี
....รับรักษาฝ้าทั่วราชอาณาจักร
ไม่ใช่ ไม่ใช่
เห็นพลังของจินตนาการมั๊ยครับ
โลกของการเรียนรู้ ถ้าให้เด็กๆ ได้ฝึกฝนจินตนาการ และประกอบกับการได้เรียนรู้เพื่อจะทดลอง ทดสอบจินตนาการของตัวเองอย่างถูกต้องถูกวิธี
ผมเชื่อว่า ไม่มีอะไรที่เด็กไทยทำไม่ได้
ยกเว้นเพื่อนผมบางคนที่จินตนาการมักจะล้ำลึก ลึกล้ำ ไม่ว่าจะพูดเรื่องอะไร
ก็มักจะจิ้นตนาการไปลึกล้ำเข้าเรื่องอย่างว่าไปซะหมด
เขาเคยบอกว่าเขาเคยพยายามที่จะโผล่ขึ้นเหนือเข็มขัดบ้างในบางครั้ง
แต่พยายามมากแค่ไหน ก็วนเวียนอยู่ใต้เข็มขัด จึงทำใจยอมรับมันแต่โดยดี
"กูเป็นคนชายขอบว่ะ" มันว่างั้น
"ขอบอะไร" ผมถาม
เพื่อนผมมันทำหน้าเรียบๆ ก่อนตอบ
"ขอบกางเกงใน"
...
Create Date : 24 เมษายน 2551 |
|
20 comments |
Last Update : 24 เมษายน 2551 9:55:03 น. |
Counter : 608 Pageviews. |
|
|
|