The Blonde Girl
บทที่หนึ่ง
พรุ่งนี้จะเป็นวันคล้ายวันเกิดปีที่ 13 ของผม แต่ผมก็ยังคิดไม่ออกว่าอยากจะได้อะไรเป็นของขวัญ ปีที่แล้วก็เป็นลูกม้าพันธุ์ดีจากอาหรับ ปีก่อนก็เป็นเรือใบจำลอง 5 ลำ แต่ปีนี้ ไม่สิ...ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเลยนี่นา
ในเมืองเล็ก ๆ ในหุบเขาแห่งนี้มันดีตรงไหนนะ ท่านพ่อถึงอยากมาอยู่ที่นี่มาก ถึงขั้นย้ายจากในเมืองหลวงมาตั้งหลักปักฐานที่นี่อย่างมั่นคง
แต่หลังจากใช้ชีวิตที่นี่มาได้ซักพัก ผมก็ยอมรับว่าผมเริ่มชอบเมืองนี้ขึ้นมาเล็กน้อยแล้วล่ะ ที่นี่อากาศดีมาก ๆ และผู้คนก็เป็นมิตรมากด้วยเช่นกัน
วันนี้อากาศกำลังดี ผมกำลังคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดกับแดน ลูกชายของแม่บ้านที่วัยไล่เลี่ยกับผม แดนเป็นเด็กที่หัวอ่อน และมักจะหลบอยู่ข้างหลังผมเสมอ แต่น่าสงสารทแดนพูดไม่ได้ ท่านแม่บอกว่าแดนเคยพูดได้ตอนเล็ก ๆ แต่เมื่อปีก่อน ไม่รู้ว่าแดนไปเจอเหตุการณ์เลวร้ายอะไรมา จากนั้นเค้าก็ไม่เคยพูดอีกเลย
เราเดินกันมาตามเส้นทางลัดที่ผมกับแดนค้นพบเมื่อสองวันก่อน มันเป็นถนนเส้นเล็ก ๆ แต่สามารถไปถึงตลาดได้ภายในเวลาไม่นานนัก ซึ่งถ้าใช้เส้นทางปกติก็จะใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากบ้านเราอยู่บนเนินไกลจากชุมชนออกไป ตลาดวันนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ อาจเพราะใกล้วันคริสมาสต์ด้วย
เราเดินดูของนิด ๆ หน่อย ๆ แวะเข้าไปทักอาน่าที่ร้านเบเกอรี่ของเธอซักหน่อย เราคุยกันถึงเรื่องเรียงความที่อาจารย์สั่งเมื่อวาน อาีน่าบอกว่าเธอเขียนมันเสร็จแล้ว แต่ผมสิ ยังไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไรเลย หัวข้อก็คือ “เรื่องที่ประทับใจ” มันเป็นอะไรที่ยากจริง ๆ พวกเราคุยกันได้ซักพัก อาีน่าก็บอกให้เรารอเธอ เธอบอกว่าขนมอบใหม่ใกล้เสร็จแล้ว จะเอามาให้พวกเราชิม
ผมยังไม่ทันได้ปฏิเสธ เธอก็วิ่งเข้าไปในครัวเสียแล้ว ขณะนั้นเอง จู่ๆผมก็รู้สึกประหลาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนเลือดในกายมันพุ่งพล่าน หัวใจผมเต้นแรงมากเหมือนมันจะหลุดออกมาจากในอก แล้วตอนนั้นเอง ประตูของร้านก็เปิดออก... “สวัสดีค่ะ” เสียงนั้นช่างกังวานและไพเราะยิ่งนัก และเมื่อผมหันไปตามต้นเสียง ก็ได้พบกับหญิงสาวผมบลอนด์เป็นลอนอ่อน ๆ นัยตาสีเขียวมรกต ปากสีแดงสด หน้าตาสวยงามเหมือนกับนางฟ้าในโบสถ์ ผมสีบลอนด์ของเธอเมื่อสะท้อนกับแดดอ่อน ๆของฤดูหนาวที่ทะลุผ่านหน้าต่างเข้ามา ดูสดใสราวกับทุ่งทานตะวันในฤดูร้อน เธอน่าจะอยู่ในวัย 18-20 ปี เธอสวมชุดสีขาว ประดับประดาไปด้วยลูกไม้ ช่างดูเหมาะกับเธอยิ่งนัก “จ้า แล้ววันนี้วิคเตอร์ไม่มาด้วยเหรอ” “อ๋อ เค้าอยู่ที่ร้านน่ะค่ะ กำลังวุ่นกับการแต่งร้านอยู่เลย แต่ก็ฝากมาสวัสดีคุณน้าด้วยค่ะ” “อ้อ นั่นสินะ แล้ววันไหนจะเปิดร้านล่ะ” “คาดว่า น่าจะอีกซัก 3-4 วันค่ะ” “แหม วิคเตอร์นี่โชคดีจังเลยน้า ไปร่ำเรียนในเมืองจนได้ปริญญา ซ้ำยังได้ภรรยาที่น่ารักกลับมาฝากพ่อแม่ด้วย” เธอยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย “อ้าว สวัสดีจ้าหนุ่มน้อย มีอะไรติดที่หน้าพี่รึเปล่า? ว่าแต่เธอชื่ออะไรน่ะ พี่ชื่อเอเวอลีน จ้ะ” แย่มาก ผมเสียมารยาทกับเธอจริง ๆ ที่ไปจ้องหน้าสุภาพสตรีเช่นนั้น แต่เธอสวยจนไม่อาจละสายตาได้นี่นา “เอ่อ...ผมชื่ออาเบลครับ” “แล้วอีกคนล่ะ” “อ๋อ เค้าชื่อแดนครับ แต่เค้าพูดไม่ได้” “งั้นเหรอจ้ะ...น่าสงสารจัง ยินดีที่ได้รู้จักเธอทั้งสองนะ” เธอยิ้มพลางจับมือผมและแดน “พี่พึ่งมาอยู่ที่เมืองนี้ได้ไม่นาน ขอฝากตัวด้วยนะ ร้านของพี่อยู่ที่ถนนโมรีน่ะ” “ของที่สั่งได้แล้วจ้า” “ค่า นี่ค่ะ” เธอหันไปจ่ายเงินกับแม่ของอาน่า “เดี๋ยวพี่ต้องรีบไปช่วยวิคเตอร์เค้าจัดของ ต้องขอตัวก่อน ยังไงก็แวะมาที่ร้านพี่ด้วยนะจ๊ะ อาเบล, แดน” “เอ่อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” “เช่นกันจ้า คราวหน้าเราคงได้คุยกันนานกว่านี้เนอะ” เธอยิ้มอีกเช่นเคย พร้อมเดินออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว
“มองพี่เค้าไม่ละสายตาเลยนะ ผู้ชายก็เงี้ย เอ้านี่ ขนมเนี่ยเป็นเมนูใหม่ของร้านเลยนะ ชิมแล้วก็คอมเม้นท์ซะ” อาน่า โผล่มาตอนไหนไม่รู้ พร้อมกับยื่นขนมชิ้นเล็กๆ หน้าตาน่าทานให้กับพวกเรา “ที่จริงไม่ต้องก็ได้นะอาน่า ผมเกรงใจ” “น่า ไม่ต้องเกรงใจอะไรหรอก คนกันเอง” ผมรับขนมมาแล้วก็จัดการมันหมดในหนึ่งคำ แต่แดนดูเหมือนจะพยายามละเลียดทีละนิด พร้อมทำหน้าเคลิบเคลิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้ลิ้มรส “หืม นี่อร่อยดีนี่นา” “ฮิฮิ เห็นม้า ขนมร้านเราอร่อยที่สุดในเมืองนี้เลยล่ะ ชั้นว่าเจ้านี่ต้องขายดีแน่ ๆ” แดนพยักหน้าเห็นด้วยอย่างแรง “อืม ว่าแต่ พี่สาวที่ชื่อเอเวอลีนนั่น เค้าเป็นใครน่ะ ไม่เคยเห็นหน้าเลย” “อ้อ พี่สาวคนสวยนั่นเอง เค้าเป็นแฟนพี่วิคเตอร์ ร้านขายยาน่ะ พี่วิคเตอร์เค้าไปเรียนวิทยาลัยในคลุจ นาโปกา เมื่อสามวันก่อนพี่วิคเตอร์กลับมาที่นี่แล้วก็พาพี่เอเวอลีนมาด้วย พร้อมแนะนำให้รู้จักกับพ่อแม่ในฐานะภรรยา” “แล้วพี่เอเวอลีนเค้าเป็นคนยังไง เธอพอจะรู้มั้ย” “เท่าที่เห็นก็เป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดีนะ ว่าแต่เธอถามทำไมเหรอ” “เปล่า ไม่มีอะไร...งั้นผมกลับก่อนนะ วันนี้มีนัดเรียนเปียโนตอนบ่ายน่ะ ถ้าไม่เข้าเดี๋ยวท่านแม่จะดุเอา” “จ้า ตามสบายจ้า อ้อ แล้วงานวันเกิดเธอพรุ่งนี้เริ่มกี่โมงน่ะ” “สิบเอ็ดโมง อย่าลืมเอาของขวัญมาด้วยล่ะ” “อื้ม ไม่ลืมหรอกน่า เจอกันพรุ่งนี้” “เจอกันพรุ่งนี้ ขอบคุณสำหรับขนมนะ” ...ขากลับแทนที่ผมจะใช้เส้นทางลัดทางเดิม แต่ผมกลับใช้เส้นทางปกติ และแวะไปดูเธอที่ร้านก่อนค่อยกลับ ผมยิ้มพลางฮัมเพลงไปตามทาง แดนดูแปลกใจกับพฤติกรรมของผม และแล้ว...ในที่สุด ผมก็รู้แล้วว่าปีนี้ ผมต้องการอะไร บทที่สาม
“ผม...อยากได้เจ้าสาวฮะ” “หา ลูกว่ายังไงนะ” ท่านพ่อถึงกับวางหนังสือที่อ่านอยู่ลง “ครับ ผมอยากได้เจ้าสาว” “โฮะๆ ลูกเราโตเป็นหนุ่มแล้วนะคะคุณ” “นี่ลูกพูดจริงเหรอ ลูกเพิ่งจะ 13 เองนะ แล้วเธอคนนั้นเป็นใคร เรารู้จักเธอมั้ย” “คุณอย่าลืมสิคะว่าฉันแต่งกับคุณตอน 16 นะ” “นี่มันเรื่องของอนาคตเลยนะคุณ ลูกยังเรียนไม่จบเลย” “แหม ก็หมั้นไว้ก่อนก็ได้นี่คะ แม่สาวคนนั้นสวยมั้ยอาเบลของแม่” “ครับ สวยมาก สวยจนผมไม่คิดว่าเธออยู่บนโลกนี้” “นี่คุณอย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่องสิ เอ่อ แล้ววันนี้เธอมางานด้วยรึเปล่า” “ครับ มาแน่” “พ่อว่า เรื่องนี้เอาไว้คุยกันหลังจากงานวันเกิดลูกก็แล้วกันนะอาเบล” “ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” “ตามสบายลูก” “ร้านยังไม่เปิดค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ” “ผมอาเบลเองฮะ เราเจอกันที่ร้านเบเกอรี่เมื่อวาน” “อ้าว อาเบลเองหรอกเหรอจ้ะ งั้นเดี๋ยวพี่เปิดประตูให้นะ” “มีอะไรเหรอ มาหาพี่แต่เช้าเชียว” เธออยู่ในชุดนอนสีชมพู ผมปล่อยๆ ดูสบายๆ มันประหลาดมาก เมื่อกี้ผมยังรู้สึกอึดอัดอยู่เลย แต่พอเจอหน้าเธอ มันก็สงบอย่างบอกไม่ถูก “ผมมาชวนพี่เอเวอลีนกับพี่วิคเตอร์ ไปงานวันเกิดผมน่ะครับ วันนี้สิบเอ็ดโมง ที่บ้านบนเนินเขา” “อ้าว สุขสันต์วันเกิดนะจ้ะ เอ...วันนี้เหรอ ไปได้รึเปล่าน้า” “นะฮะ ไปเถอะนะฮะ ผมอยากให้พี่ไปร่วมงานด้วยมากๆเลย รับรองว่าสนุกแน่ๆ” “อืม ไม่รู้สินะ เกรงว่าอาจจะไม่ได้น่ะสิ” “ใครมาเหรอ เอลี่” เสียงทุ้มๆของผู้ชายทักมาจากด้านใน “น้องอาเบลที่อยู่บ้านบนเนินน่ะค่ะ เค้ามาชวนไปงานวันเกิด” “เดี๋ยวขอพี่เข้าไปคุยกับวิคเตอร์แป๊ปนะจ๊ะ” แล้วเธอก็กลับเข้าไปในบ้าน ....ผมภาวนาขอให้เธอได้ไปทีเถิด “อืม วิคเตอร์เค้าติดงานน่ะ แต่เค้าบอกให้พี่ไปแทนน่ะจ่ะ” เธอบอกพร้อมกับยิ้มกว้างให้เห็นฟันขาวที่เรียงสวยงามเป็นระเบียบ “ว้าว ดีใจจังฮะ อย่าลืมนะฮะ 11 โมง ผมจะรอฮะ” “จ้า แล้วเจอกัน” “ครับ” บทที่สี่ “จะเป็นคนแบบไหนกันน้า ชักอยากเจอซะแล้วสิ โฮะๆๆๆ” บทส่งท้าย “นี่ มิเรล่า เกินไปแล้วนะ แม่อุตส่าห์ได้ของเล่นใหม่แก้เบื่อ กะจะเลี้ยงไว้ให้โตกว่านี้อีกซักหน่อยแล้วค่อยกิน” “นั่นสิ พ่อก็กำลังสนุกกับการเล่นบทบาทนี้อยู่พอดี ก็เราน่ะ หายไปไหนมาอยู่ไหนมาตั้งหลายสิบปี” “โธ่ พ่อคะแม่คะ หนูก็ออกไปหาอะไรสนุก ๆ ทำบ้างนี่นา” “ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอพ่อกับแม่ที่เมืองนี้ สบายดีมั้ยคะ” “เราสองคนสบายดี ว่าแต่ลูกเถอะ เป็นยังไงมายังไงเนี่ย” “อ๋อ ตอนนี้หนูกำลังเล่นบทบาทเป็นภรรยาที่น่ารักอยู่น่ะค่ะ กะไว้ว่าอีกสักพักค่อยกิน การได้เห็นหน้าตาที่สิ้นหวังของมนุษย์ก่อนตายเนี่ย มันสุดยอดเลยนะคะแม่” มิเรล่ายิ้มให้กับผู้ที่เป็นมารดาอย่างไร้เดียงสา “เฮ้อ ลูกเรานี่ก็มีรสนิยมแปลก ๆ นะคะคุณ” “ก็ได้ใครมาล่ะ เฮอะ เธอก็เหมือนกันนั่นแหละ อย่าไปว่าแต่ลูกเลย” “ฮ่าๆๆๆ” ทั้งสามคนหัวเราะอย่างสนุกสนาน “แม่ว่า ไปจัดการกับแขกในงานกันดีกว่านะ” “อุ๊ย แม่คะ ค่อย ๆ กินก็ได้ หนูอยากอยู่เมืองนี้ต่ออีกซักพัก” “จ้า จ้า เอางั้นก็ได้” “แล้วอิออนล่ะคะแม่” “อ่อ เค้าอยู่ที่ห้องน่ะ เด็กคนนี้ก็ใช่ย่อยนะ คราวนี้เค้าแสดงบทบาทเป็นเด็กใบ้ล่ะ ไปทักทายน้องเค้าหน่อยสิ เค้าคงคิดถึงแกจะแย่” .... ................... ................................ !!!!!!!!!!!!!
|
อาโฮเฮะ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?] ... สวัสดีค่ะ ยินดีที่แวะมานะคะ ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า 3.0 ประเทศไทย Group Blog Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |