เตรียมลูกรู้ทันภัย ก่อนตกเป็นเหยื่อ มิจฉาชีพ
| | ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต | | | | ทุกวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ภัยจากมิจฉาชีพยังคงมีความรุนแรงและเพิ่มจำนวนมากขึ้น ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ มีการแฝงตัวเข้ามาอย่างแนบเนียบขึ้น ไม่ว่าจะในโรงเรียน ห้างสรรพสินค้า หรือในรถยนต์ และพาหนะอื่นๆ แม้จะมีผู้ปกครอง หรือเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยของเด็กๆ แล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับภัยจากผู้ไม่หวังดีที่มีอยู่รอบตัวซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้น การเตรียมลูกให้พร้อมรับมือกับภัยมิจฉาชีพ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม เพราะการอยู่ในสังคมที่มีคนจำนวนมากนั้น เราคงต้องยอมรับว่า บางคนอาจมีเจตนาที่ดี ในขณะที่บางคนอาจแฝงตัวเข้ามาในคราบมิจฉาชีพ ว่าแต่เราๆ ท่านๆ ในฐานะพ่อแม่จะเตรียมลูกให้ปลอดภัยจากคนประเภทหลังนี้ได้อย่างไร วันนี้ทีมงาน Life & Family มีแนวทางดีๆ จากมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กมาฝากกัน เริ่มจาก ความปลอดภัยที่บ้าน - เวลามีคนมาหา ควรบอกให้ลูกดูและถามให้รู้ก่อนว่า เขาเป็นใคร และไม่ควรให้เขาเข้ามาในบ้าน - เมื่ออยู่บ้านเพียงลำพัง ควรให้ลูกล็อกประตูบ้าน และอย่าให้ใครรู้ ยกเว้นเพื่อนบ้านที่สนิทจริงๆ - ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาใช้โทรศัพท์ภายในบ้าน หากว่าพ่อแม่ไม่อยู่ ความปลอดภัยบนท้องถนน - เน้นย้ำกับลูกเสมอๆ ว่า อย่าเดินใจลอย หรือเล่นกันข้างถนน ควรเดินกลางทางเท้า เพื่อความปลอดภัยจากรถ ผู้ขับขี่ และคนที่อยู่ข้างในร้าน - ถ้ามีคนมาถามทาง ช่วยเขาได้แต่อย่าเข้าใกล้เขา ถ้ารู้สึกไม่ชอบมาพากล ให้วิ่งสวนกับรถของเขา และจำสีของรถ ทะเบียน และลักษณ์ของคนขับไว้ ความปลอดภัยในรถยนต์และพาหนะอื่นๆ - เมื่อถึงวัยที่ลูกเริ่มไปโรงเรียน หรือไปไหนมาไหนเองได้แล้ว พยายามบอก และเตือนลูกเสมอว่า อย่าพูดเรื่องส่วนตัวกับคนที่ไม่รู้จักบนรถ โดยเฉพาะคนขับแท็กซี่ - เมื่อนั่งรถเมล์ ไม่ควรนั่งเบาะหลัง ควรนั่งใกล้ๆ คนขับดีที่สุด และอย่านั่งรถเมล์ในตอนดึกคนเดียว ส่วนแท็กซี่นั้น ควรเลือกนั่งเบาะหลังที่นั่งคนขับ ซึ่งเป็นการยากที่คนขับจะใช้อาวุธหรือสารเคมี ยาสลบต่างๆ แต่ถ้าเห็นท่าทางไม่ดี เช่น ถูกจ้องมอง หรือพูดจาแทะโลม เมื่อสบโอกาส เช่น รถติดไฟแดง ควรบอกให้ชะลอรถพร้อมกับจ่ายเงินและรีบลงจากรถทันที - ห้ามโบกรถ ห้ามนั่งรถคนอื่น นอกจากคนที่พ่อแม่อนุญาต และอย่าขึ้นรถไปกับใคร แม้จะอ้างว่าพ่อแม่ให้มารับแทนก็ตาม ความปลอดภัยในการใช้โทรศัพท์ - ขอเบอร์โทรศัพท์พ่อแม่ไว้ หากพ่อแม่ไม่อยู่บ้าน เพื่อที่จะติดต่อได้หากมีเหตุฉุกเฉิน - อย่าบอกให้คนที่โทรศัพท์มารู้ว่าเราอยู่คนเดียว - หากรับโทรศัพท์ลามกให้รีบวางสายทันที ความปลอดภัยในลิฟต์ - หลีกเลี่ยงการอยู่ในลิฟต์สองต่อสองกับคนแปลกหน้า - ควรยืนใกล้ปุ่มควบคุมลิฟต์ - สังเกตท่าทีของคนที่ขึ้นลิฟต์มาด้วยกัน ถ้ารู้สึกไม่ดีให้ออกมาจากลิฟต์โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ ในกรณีที่มีใครมาขอความช่วยเหลือ วิธีป้องกันตัวที่ง่ายที่สุด คือ ให้ลูกตั้งคำถามกับตัวเอง 3 ข้อเพื่อการตัดสินใจว่า เราควรจะไปกับคนๆ นั้นหรือไม่ เริ่มจาก 1.เรารู้สึกดีหรือไม่ดี 2.ผู้ใหญ่ที่เราไว้ใจจะรู้หรือไม่ว่าเราไปอยู่ไหน และ 3.หากเกิดเหตุอันตรายขึ้นจะมีใครมาช่วยเราได้ทันหรือไม่ ถ้าคำตอบว่า ไม่ เพียงขอใดข้อหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นข้อที่ 1 ข้อที่ 2 หรือข้อที่ 3 ก็ไม่ควรไปกับคนๆ นั้น พร้อมกับบอกปฏิเสธไปด้วยคำพูดที่นุ่มนวล เช่น อ้างว่าพ่อแม่ให้รีบกลับบ้าน หรืออ้างว่าต้องรับกลับไปทำงานบ้าน แต่ถ้าจำเป็นต้องไปกับคนๆ นั้น ก็ชวนเพื่อนไปด้วยกันเยอะๆ หรือชวนผู้ใหญ่ที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้ไปด้วย นอกจากนี้ สื่อบนโลกออนไลน์ คือ สังคมเปิดกว้าง และไม่มีการตรวจสอบการป้องกันที่ชัดเจน ซึ่งเด็กๆ อาจตกเป็นเหยื่อได้ง่ายหากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยเฉพาะกับคนไม่ดีที่แฝงตัวเข้ามาโดยใช้สื่อชนิดนี้แสวงหาผลประโยชน์ ทางที่ดี พ่อแม่ต้องทำให้ลูกเชื่อใจ และไว้ใจที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง หรือถ้าเข้าไม่ถึงลูก ควรบอกให้เด็กรู้ว่า นอกเหนือจากพ่อแม่แล้ว เขาควรจะเข้าถึงใครได้บ้าง เช่น ครู หรือคนใกล้ตัวที่เชื่อใจได้ ดังนั้น การจะป้องกันภัยจากเหล่ามิจฉาชีพได้ดีที่สุด พ่อแม่ควรให้ความใกล้ชิด และเอาใจใส่ลูกกันเป็นพิเศษด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้เด็ดขาด | |
Create Date : 15 สิงหาคม 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 15 สิงหาคม 2555 7:25:24 น. |
Counter : 875 Pageviews. |
|
|
|