|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
เ ห็ น ต า ม จ ริ ง
คนที่คิดอะไรในแง่ดี..มองโลกในด้านบวก กับคนที่คิดอะไรในแง่ร้าย..มองโลกในด้านลบ บางทีก็ทำให้ตัวเองเจ็บปวดได้ไม่ต่างกัน คนส่วนใหญ่อาจคิดว่าการมองโลกในด้านดี น่าจะมีความสุข มันอาจจะเป็นจริงในบางกรณี แต่การต้องข้องเกี่ยวกับบุคคล ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าหลีกเลี่ยงได้ยากตามระบบสังคม การคิดอะไรด้านดีหรือร้ายเกินไป ย่อมนำความผิดหวังหรือความผิดพลาดมาให้ไม่น้อย ดีไม่ดี พวกที่ชอบคิดดีเหล่านี้นี่เอง ที่จะกลายมาเป็นคนคิดร้ายหรือมองโลกในด้านลบภายหลัง จากประสบการณ์พลาดหวังที่ตัวเองได้รับอยู่บ่อยๆ
เราอาจจะเคยดูหนังที่ผู้ร้ายในเรื่อง เคยเป็นคนดี แต่มาทำผิดเพราะหมดศรัทธาต่อความดีงาม รับผลของการทำความดีที่มีแต่ความผิดหวัง พ่ายแพ้คนชั่ว สู้มาเป็นคนชั่วเสียเอง ภายใต้สังคมที่มีแต่ความอยุติธรรม มันน่าจะคุ้มค่ากว่า
ความผิดหวังกับผลที่ได้รับจากการทำดีเกิดขึ้นกับคนจำนวนมาก ถ้าไม่กลายเป็นคนเฉื่อยชา ไม่อยากเข้าไปหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว ก็จะทำดีด้วยวิธีง่ายขึ้น เช่นให้เงิน ให้ทาน แต่ไม่อยากเข้าไปพัวพันมากกว่านั้น หรือไม่ก็ลุกขึ้นทำไม่ดีเองเสียเลย จะได้ไม่ต้องเสียเปรียบกันรอบตัว นี่เป็นเพราะไม่เห็นอะไรตามจริงหรือเปล่า..
แต่ถ้าเราจะมองอะไรตามความเป็นจริงหละ มันจะดีกว่าไหม? ทำแล้วไม่ต้องหวังผล เพราะผลมันได้กับตัวอยู่แล้ว กรรมนั้นย่อมไม่สูญหาย แม้ไม่ต้องการรับผล ผลก็ย่อมเกิดกับผู้ทำอยู่แล้ว เพียงแต่การคาดหวังผลไปตามคิดอาจทำให้ผิดหวังเปล่าๆ
การเข้าใจถึงภาวะมนุษย์ซึ่งเป็นปุถุชนผู้หนาไปด้วยกิเลส จะทำให้มีความเข้าใจในตัวเองและคนอื่นมากขึ้น การมองเห็นว่าอะไรดีเท่าที่มันดี อะไรเลวเท่าที่มันเลว หรือมองเข้าไปให้เห็นถึงด้านดีและด้านเสียของคนๆ หนึ่ง เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย จิตต้องเป็นกลางและไร้อคติชอบชังพอสมควร
และการเห็นอะไรตามจริงนี้ ไม่ว่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับคน หรือเรื่องราวต่างๆ จะช่วยให้เกิดความผิดหวังภายหลังน้อยลง อีกทั้งสามารถคลี่คลายปัญหาและรอบคอบกับสิ่งต่างๆ ขึ้น นอกจากจะพบว่าคนเราเอง..ก็แปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่ต่างกัน เวลาที่ต่างกัน บางคนไปดีตอนแก่ บางคนกลับไปเลวตอนแก่ก็ได้ ไม่มีอะไรแน่นอน.. ยังอาจค้นพบ ความจริงที่ซ่อนอยู่ในแต่ละระดับ ที่ทำให้เข้าใจสัจธรรมได้มากขึ้น
การมีจิตที่นิ่ง มีสติหรือมีการกำหนด (ภาวนาสมาธิ-ปัญญา) หมายถึงการเห็นอะไรตามธรรมชาติ ตามที่มันเป็นอยู่เช่นนั้น หากภาวนาให้จิตนิ่งจนมีพลังมากพอที่จะทันจับความคิดความจำของการปรุงมายาภาพให้หลงไป .. กระทั่งสามารถให้การฟุ้งไปในความคิดน้อยลงได้ เมื่อน้อยลง การเห็นจริงหรือเข้าใจความจริงย่อมแจ่มชัดขึ้น มีการพิจารณาสาวไปถึงเหตุและผลของเรื่องราวต่างๆ ได้ถูกทางมากขึ้น เช่น.. การถูกใครทำร้าย หากพิจารณาสาวไปให้ลึก ไม่พาลโกรธตอบเสียก่อน อาจพบสาเหตุและเข้าใจปัญหาจริงๆ รู้ว่าจะแก้ได้ขนาดไหนหรือควรทำอะไรให้ดีที่สุด การปรับความเข้าใจผิดกับคนดี นอกจากจะไม่พาลโกรธกันอาจยังได้เพื่อนใหม่เพิ่ม หรือการดันทุรังทำดีกับคนเลว บางครั้งก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมานอกจากจะเป็นผลเสีย
และหากจิตมีพลังมากขึ้นๆ การเข้าใจในความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ย่อมปรากฏขึ้น ทางสมมุติก็รู้ว่าใครช่วยชาติใครโกงชาติ รู้ว่าใครพูดถูกพูดควร..ใครพูดไม่ถูกไม่ควร คนส่วนใหญ่ทำไมถึงเชื่อคนที่พูดหลอก (ตัวคนพูดก็อาจคิดว่าจริง) อาจเพราะเป็นเรื่องน่าสนใจ เป็นเรื่องผลประโยชน์ เป็นเรื่องน่าสนุกท้าทาย เห็นว่าเป็นเรื่องกล้าเรื่องแปลกใหม่ทันสมัย ฯลฯ มีอคติไม่รู้ตัว แต่คนมีปัญญาย่อมเท่าทัน เห็นไปถึงทางปรมัตถ์ด้วย เช่นเห็นว่าสรรพสิ่งล้วนอยู่ในกฎไตรลักษณ์ อะไรที่ยังอยู่ในกฎไตรลักษณ์ย่อมเป็นทุกข์ เห็นการเกิดแก่เจ็บตายและความทุกข์ในสังสารวัฏ วิบากกรรมที่กระทบและการมาเกิดตามเหตุปัจจัย อริสัจสี่คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ฯลฯ และการเห็นที่ดีทีสุด ก็คือเห็นทางดับทุกข์ และดำเนินไปตามเส้นทางนี้ได้..
Create Date : 17 กันยายน 2548 |
|
13 comments |
Last Update : 17 กันยายน 2548 20:04:33 น. |
Counter : 946 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Bluejade 17 กันยายน 2548 20:22:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: รักดี 17 กันยายน 2548 20:34:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: rebel 17 กันยายน 2548 21:05:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 17 กันยายน 2548 22:44:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 18 กันยายน 2548 1:15:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: สุภาฯ IP: 210.246.64.5 18 กันยายน 2548 17:20:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: Bluejade 19 กันยายน 2548 6:47:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป่ามืด 19 กันยายน 2548 16:25:32 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
|