จดหมายจากอีสตันบูล (ฉบับสุดท้าย)
สวัสดีจ๊ะฝ้าย
คำว่า "ไม่มีงานเลี้ยงไดไม่เลิกรา" นั้นเป็นจริงเสมอเลยนะ นี่ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เราจะเที่ยวเมืองอีสตันบูลอันน่าประทับใจนี้ รู้สึกหวิวๆเหมือนกันนะที่จะจากไป เอาหละ ไม่เป็นไร มันก็เป็นแบบนี้แหละ มีพบก็ต้องมีจาก มีเริ่มก็ต้องมีจบ เรามาเที่ยวกันต่อเลยดีกว่านะ
วันนี้เราไปเที่ยวพระราชวัง Topkapi Palace/Museum (อ่านว่า ท๊อป - กา - ปิ) ฝ้ายจำได้ไหมใน จม ฉบับก่อนหน้านี้ที่พาไปเที่ยวพระราชวัง Dolmabahce ที่ตกแต่งแบบตะวันตก แต่วันนี้ พระราชวัง Topkapi นั้นจะตกแต่งแบบตุรกีเลยหละ เข้าไปทางประตูด้านหน้าก่อนเลยนะจ๊ะ
ไปเที่ยวเช้าๆแบบนี้ แถมเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ไม่มีคนดีเนอะ ชอบจังเลย พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับขององค์สุลต่านหลายพระองค์เลยนะ เกร็ดเล่าว่าบางพระองค์ก็ทรงวิกลจริตขังองค์เองในห้องเก็บของใต้ดินเป็นเวลานาน 4 ปี บางองค์ก็ทรงจมน้ำสิ้นพระชนม์ พระราชวังแห่งนี้จึงมีเรื่องราวมากมายเลยเนอะว่าไหม
ปัจจุบันนี้เขาเลยนำมาทำเป็นมิวเซียมเก็บข้าวของต่างๆมากมาย อยากบอกว่ายอดเยี่ยมมากๆเลยจ๊ะ แต่น่าเสีนดายที่เขาไม่ให้ถ่ายรูปข้างใน หากฝ้ายมาเที่ยวที่นี่นะ จะต้องไม่พลาดชมส่วนที่แสดงเครื่องเพชรนิลจินดาต่างๆของสุลต่าน ที่เด็ดสุดๆก็คือ "โคตรเพชร" จ๊ะ ไม่ต้องตกกะใจ มันคือโคตรเพชรจริงๆ ใหญ่ยิ่งกว่าไข่ห่านอีกนะจะบอกให้ เห็นแล้วก็ได้แต่อึ้งตะลึง
วังสุลต่านก็ต้องมีฮาเร็มใช่ไหม ห้ามพลาดเลยจ๊ะ อันนี้ต้องซื้อตั๋วแยกต่างหากอีกนะ อย่าไปงกเสียดายตังค์ ไหนๆมาแล้วเที่ยวให้ทะลุไปเลย ไม่นิยมเที่ยวแบบ "ชะโงกทัวร์" เนอะ ฮาเร็มนั้นสวยจริงๆ เป็นที่ประทับส่วนพระองค์กับครอบครัว คนภายนอกเข้าไม่ได้ ดูที่เพดานสิ ตกแต่งงดงามมากเลยนะ
เนี่ย จะเล่าอะไรให้ฟังนะจ๊ะ คือว่าตอนที่เราเข้าไปเที่ยวฮาเร็มนั้น ปรากฏว่าเป็นคนแรกเลยที่ได้เข้าไป แบบว่าตอนนั้นเหมือนว่า จนท เขาเปิดฮาเร็มให้เราเข้าไปเที่ยวคนเดียวเลยนะ เหมือนนักท่องเที่ยว VIP เลยหละ อย่างว่าไง เที่ยวช่วงโลว์ซีซั่นก็ดีแบบนี้เอง เพราะหนังสือไกด์บอกว่าหน้าร้อน คนรอคิวเข้าไปชมฮาเร็มยาวเหยียด
ในฮาเร็มก็มีห้องหับต่างๆมากมาย แหม เดินเที่ยวคนเดียว เกร็งๆยังไงไม่รู้ กลัวผีแขกหลอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า ในรูปนี้เป็น Hamman สวยดีเนอะ ทำจากหินอ่อน ลวดลายขลิบด้วยทองคำ
การตกแต่งในวังสวยมากนะ เราชอบโมเสกลายนี้จังเลย สีฟ้าสดใสเลยเนอะ
ฝ้ายรู้ไหม ขณะที่เรากำลังชมห้องรับรองพระราชอาคันตุกีห้องนี้อยู่ ก็ได้ยินเสียงนักท่องเที่ยวคู่หนึ่งพูดเป็นภาษาอังกฤษ แต่ว่านะ สำเนียงไทยแลนด์มากๆเลยจ้า เราก็เลยคิดว่า คู่นี้ต้องเป็นนักท่องเที่ยวไทยแน่นอน ปรากฏว่าใช่จริงๆจ้า (แห๊ม ซื้อหวยทำไม่ไม่แม่นแบบนี้น๊า ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
ก็เลยคุยกันนิดหน่อย เขาเป็นคู่สามีภรรยา เขามาเที่ยวสเปนแล้วเลยต่อมาตุรกีเลยก่อนจะกลับเมืองไทย รู้สึกว่าคนไทยเริ่มมาเที่ยวตุรกีเยอะอยู่นะ จากนั้นก็แยกย้ายต่างคนต่างไปชมที่อื่นๆ เราก็เดินดูต่อไปเรื่อยๆ ฝ้ายรู้ไหมว่าเรามีไกด์นำเที่ยวด้วยนะ ไม่เสียตังค์ด้วยหละ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ก็ รปภ ในวังนี้แหละ คงสงสารเห็นเรามาคนเดียวมั๊ง เลยเป็นไกด์แนะนำประวัติ แต่ก็นะ ภาษาอังกฤษสำเนียงแขก ฟังยากมากๆเลย อย่างลายประตูนี้ก็สวยเนอะ
ที่นี่นะ จะมี รปภ ประจำทุกห้องเลย คงกลัวนักท่องเที่ยวมือบอนไงหละ รปภ ที่นี่ดีมากๆๆๆ nice จริงๆเลยจ๊ะ เขาคงเห็นเรามาคนเดียว ก็เลยช่วยถ่ายรูปให้เรา แถมเวลาเราเดินไปชมห้องอื่น เขายังไปบอกให้ รปภ เพื่อนเขาที่คอยดูแลห้องนั้นให้มาช่วยเทคแคร์เราอีก โห ประทับใจมากๆเลยหละ อย่างนี้หาไม่เจอที่ยุโรปหรอกจ้า
ในภาพนี้ก็คือห้องบรรทม ดูเตียงสิ เสาทำด้วยทองคำทั้งนั้นเลยนะ แห๊ม อยากได้มาสักเสาเนอะ ราคาทองคำขึ้นเอาทุกวันๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ที่น่าแปลกใจก็คือว่า ในหนังสือไกด์บอกว่า ในส่วนของฮาเร็มนี้นั้น ต้องมีไกด์นำเที่ยว เราเดินเที่ยวเองไม่ได้ และห้ามถ่ายรูปข้างใน แต่ทำไมเราไปไม่เห็นต้องมีไกด์เลย เที่ยวเองดุ่ยๆๆๆ (ยกเว้น รปภ ใจดีเป็นไกด์ให้เรานะ) และยังถ่ายรูปได้ตามใจเลย แถม รปภ เขายังถ่ายรูปให้เราอีกใช่ไหมหละ เออ แปลกจัง แต่ก็โชคดีไป อาจจะเป็นเพราะว่าโลว์ซีซั่นมั๊ง คนไม่เยอะ เขาเลยให้เราเที่ยวเอง นี่ไง บอกแล้ว เที่ยวตอนคนน้อยๆนี่ดีตรงนี้เอง
ฝ้ายรู้ไหมว่าในภาพนี้คือห้องอะไรเอ่ย ตกแต่งงดงามแบบนี้ เป็นห้องทรงอักษรของสุลต่านจ้า ฝ้ายดูดีๆนะ ในภาพจะมีที่เขาเจาะช่องใช่ไหม นั่นเองไว้วางหนังสือ งานนี้ต้องขอบคุณ รปภ ที่มาอธิบายให้เรา ประทับใจจริงๆกับความ friendly ของชาวตุรกี
เราชอบนะ เพราะเป็นวังที่ตกแต่งแบบศิลปะตุรกีจริงๆ อย่างนี้สิถึงยอมดั้นด้นมาไกลขนาดนี้ เพราะเราหาดูแบบนี้ที่อื่นไม่ได้นอกจากที่นี่ จริงไหมฝ้าย ดูที่เพดานสิ วิจิตรสวยงามมากเลยเนอะ
คือตามสเต็ปนะ การชมพระราชวัง Topkapi นั้น เขาแนะนำว่าให้เราชมส่วนที่เป็นฮาเร็มก่อน เมื่อเสร็จแล้วค่อยไปชมส่วนที่เป็นมิวเซียมเก็บโคตรเพชรและเพชรนิลจินดาอื่นๆหนะ เมื่อเราออกมาจากฮาเร็มนะ แล้วจะเข้าไปชมมิวเซียมเนี่ย เราจะผ่านประตูนี้ สวยมากๆเลยเนอะ
ก็บอกฝ้ายแต่ต้นเนอะว่าภายในมิวเซียมเขาห้ามถ่ายรูป น่าเสียดายมากๆ อยากให้ฝ้ายเห็นโคตรเพชรหนะ และที่อยากให้ฝ้ายเห็นอีกอย่างนะ ก็คือส่วนที่เป็นมิวเซียมของอิสลาม โห สุดยอดดดดดดดด ยกนิ้วโป้งให้เลย ภายในเก็บของมีค่ามากมายเลย อย่างไม้เท้าโมเสส ที่ใช้ยกเสกแยกน้ำทะเล พาคนหนีตายไง ฝ้ายจำได้ไหม เคยดูหนังการ์ตูน เดอะ พรินซ์ ออฟ อียิปต์ ใช่ไหมหละ โห เราเห็นไม้เท้านี้นะ ขนลุกเลย ไม่อยากเชื่อว่าจะมาเห็นด้วยตาตนเอง
ที่จริงมันก็เป็นไม้เท้าธรรมดาๆนะ แต่ประวัติของมันนี่สิเนอะ โมเสสเสกน้ำให้แยกจากกัน ถ่ายรูปภายในไม่ได้ ก็เลยเอาแต่รูปภายนอกวังมาให้ดูนะ สวยดีเหมือนกัน
ขนาดลูกกรงยังเป็นทองคำ หากมาอยู่บ้านเรานะ มีหวังตอนเช้าหายแน่นอน ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขนาดแค่อัลลอย์มันยังงัดออกไปได้เลย นับประสาอะไรกับทองคำเนอะ
รูปนี้เป็นน้ำพุ สวยดี ชอบจังเลย
การเที่ยวชม Topkapi นั้น รวมถึงฮาเร็มด้วยนะ ต้องใช้เวลาราวๆ 4 ชม เลยหละ ฝ้ายก็รู้ว่าเราไม่ชอบเที่ยวแบบฉาบฉวย เร่งตัวเองเปล่าๆ เหนื่อยด้วย แถมดูอะไรก็แบบผ่านๆ คือที่นี่ยังมีสวนด้วยนะ สวนนี้จะอยู่ด้านท้ายวังเลย ตอนแรกเราก็หาไม่เจอหรอก วังนี้ใหญ่มากๆ แต่ก็มี รปภ ใจดีมาเป็นไกด์นำชมให้อีกแหละ
แหมนะ รปภ นำชมขนาดนี้ จะพลาดตรงใหนบ้างหละ ไม่มีหรอก เขาก็พาเดินไปที่สวน เพราะตรงนั้นมีร้านกาแฟซึ่งเราสามารถนั่งจิบชากาแฟ นั่งมองวิวทะเลมาร์มาร่าได้เลย แถมยังมีศาลาแบบตุรกีด้วยนะ ฝ้ายมองไปเห็นทะเลไหมหละ วิวสวยเนอะ งานนี้ต้องขอบใจ รปภ อีกแล้ว ไม่งั้นคงไม่ได้มาเห็นหรอก
เที่ยวเสร็จดูนาฬิกา ปาไปบ่ายแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะอยู่ที่ Topkapi นานขนาดนี้ ก็อย่างว่านะ น่าสนใจทุกมุมเลย สวยมากด้วยหละ ต่อจากนั้นเราไปชมตลาดอีก แต่ไม่ใช่ Grand Bazar ที่เราไปเมื่อวันก่อนนะ นี่เป็นตลาดที่ชื่อว่า Spice Market หรือเรียกอีกอย่างว่า ตลาดอียิปต์ ฮั่นแน่ งงใช่ไหมหละว่าทำไมตลาดอยู่อีสตันบูล ตุรกี แต่ทำไมชื่อว่า ตลาดอียิปต์
เขาเล่าว่า ที่มาของชื่อนี้นั้นก็เพราะว่า สมัยก่อนโน้น อ้อ ลืมบอกว่าไปว่าตลาดนี้สร้างมาตั้งแต่ปี คศ 1660 เลยนะ คือตอนนั้นของที่ขายกันนั้นนำเข้ามาจากกรุงไคโร ก็เลยมีชื่อแบบนี้แหละจ้า
อย่างในรูปนี้นะฝ้าย มีชาแห้งชนิดต่างๆมากมายเลย เราเองอยากซื้อมาฝากญาติๆที่เมืองไทยนะ มีชากุหลาบด้วย อยากได้มากๆเลย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อเพราะขนไม่ไหวจ้า กระเป๋าแน่นแล้ว
ส่วนชื่ออีกชื่อที่ว่า Spice Market หรือตลาดเครื่องเทศนั้น ก็เพราะว่าจะมีเครื่องเทศขายมากมายเลย มีผลไม้แห้งด้วยนะ เดินเข้าไปในตลาดเนี่ย ได้กลิ่นเครื่องเทศตลบอบอวนเลยนะ มันได้บรรยากาศดีมากเลย เราประทับใจที่นี่มากนะ เพราะที่นี่ยังไม่ออกแนว "tourist" มากเหมือนแกรนด์ บาซาร์ไงหละ ดูสิ เครื่องเทศตรึมเลย สีสวยๆทั้งนั้นเนอะ เออ หากฝรั่งหรือแขกมาเดินตลาดบ้านเรา แล้วเจอเครื่องแกง สีเขียวแกงเขียวหวาน สีแดงก็แกงแดง สีเหลืองก็แกงกะหรี่ เขาก็คงชอบเหมือนเราเนอะ
รอบๆตลาดนะ ยังมีแผงขายของมากมายเลย เราช๊อบชอบ คือมันทำให้เราเห็นวิถีชีวิตผู้คนท้องถิ่นจริงๆ ไม่ใช่ไปแต่สถานที่ท่องเที่ยว มันก็เห็นอะไรแต่ที่เขาทำให้นักท่องเที่ยว มีการปรับปรุงเพิ่มเติมแต่งเนอะ มันขาดความเป็น original หรือ authentique นะว่าไหม
แขกนี่เขาเก่งเรื่องผลไม้แห้ง หรือของดองเหมือนกันนะว่าไม่ได้ ดูสิ มีเยอะแยะเลย ไม่แพ้เมืองไทยเลยเนอะ ฝ้ายสังเกตุป้ายราคาดีๆนะ ฝ้ายเห็นราคาไหม เขาจะมีบอกราคา 2 ราคา คืออันแรก ตัวโตๆ เห็นชัดๆ จะบอกราคาเป็นหน่วย YTL นั่นก็คือ New Turkish Lira ซึ่งเป็นสกุลเงินใหม่ที่ตุรกีใช้ปัจจุบันนี้ ส่วนราคาข้างล่างสุดนั้น ตัวเล็กลงมาหน่อยเป็นหน่วยเงิน Turkish Lira ย่อว่า TL นั่นก็คือหน่วยเงินเก่าซึ่งไม่ใช้แล้ว
ฝ้ายงงไหมหละว่าทำไมต้องมีสองราคา อย่างนี้ลูกค้าจะงงไหม คำอธิบายก็คือว่า เมื่อราวสิบกว่าปีที่ผ่านมา ตุรกีเจอกับเงินเฟ้อมโหฬาร ค่าเงิน TL มันเลยมีเลขศูนย์ต่อท้ายยาวมากกกกกกกกกกก ยาวยิ่งกว่าตู้รถด่วนอีกนะ ฝ้ายเห็นในรูปนี้ไหมหละ คือแบบว่า แค่ซื้อกาแฟแก้วเดียวก็เป็นแสนลีล่าแล้ว
รัฐก็เลยแก้ปัญหาโดยการออกเงินสกุลใหม่ เป็น YTL ไงหละจ๊ะ ซึ่งใช้ปัจจุบันนี้แหละ จะเห็นไหมว่าตัวเลขศูนย์ต่อท้ายมันลดลงเยอะเลย พ่อค้าเขาเลยโชว์ราคาทั้งเก่าและใหม่ ให้คนเทียบเคียงถูกต้องว่า เออ ราคาใหม่มันเท่ากับราคาเก่าเท่านั้นเท่านี้ ลูกค้าจะได้รู้ไงว่ามันแพงขึ้น หรือถูกลง
ต่อมาเราเดินไปเที่ยวมัสยิดเล็กๆอีกแห่งที่ไม่ไกลจาก รร เราเท่าไรนัก นี่ก็เล็กแบบพริกขี้หนูจ้า "โดนใจ" อีกแล้ว
เราชอบมากๆเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย นี่ไงหละที่บอกว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ไปแค่ Blue Mosque แต่ละเลยมัสยิดเล็กๆที่งดงาม เหมือนเพชรเม็คงามที่รอการค้นพบ เหมือนฝรั่งบางคนมาไทยแหละ เที่ยวแต่วัดพระแก้ว แต่ไม่ไปวัดโพธิ์ วัดอรุณ วัดเบญ อะไรประมาณนั้น
มัสยิดนี้ชื่อว่า Sokollu Mehmet Pasa (อ่านว่ามัสยิด โซ - โกล - ลู- เม - เมด - ปา - ชา) จุดเด่นก็คือยอดโดนภายใน สวยมากเลยเนอะฝ้าย
มัสยิดแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่ปี คศ 1571 แหนะ พอเราเดินเข้าไปนะ คนงานที่กำลังบูรณะมัสยิดก็ยิ้มให้เรา และพูดกับเราเบาๆว่า "Merhaba" (ออกเสียงว่า เมอร์ - ฮา - บา) เราพอได้ยินคำนี้แว่วๆนะ และพอรู้ว่าน่าจะแปลว่า "ยินดีต้อนรับครับ" น่าประทับใจคนตุรกีไหมหละฝ้าย
เวลาชาวมุสลิมเขาสวดมนต์ต่อพระเจ้า เขาจะต้องหันหน้าไปทางนครเมกกะ ในซาอุดิอาราเบีย และนี่ก็คือแท่นที่วางคัมภีร์อัลกุระอ่าน ซึ่งก็คือไบเบิ้ลของศาสนาคริสต์ หรือพระไตรปิฏกของศาสนาพุทธนั่นเอง เป็นที่เคารพนับถือมากๆ
ภายในก็ตกแต่งงดงามน่าประทับใจจริงๆเลยเนอะ
เราส่งภาพของมัสยิดนี้ให้ฝ้ายดูเป็นภาพสุดท้ายแล้วกันนะ การเดินทางในดินแดนตุรกีนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว นับเป็นการเดินทางที่เราประทับใจมากที่สุดเลยหละ ความงดงามทางศิลปะตุรกี ความเป็นกันเองของผู้คน ความมีน้ำใจไมตรีและการต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติของผู้คนนั้นน่าประทับใจไม่รู้ลืม ตุรกีนั้นคือดินแดนสองทวีปที่เป็นเหมือนกับ "crossroad" ระหว่างตะวันออกและตะวันตก เป็นการผสมผสานความหลายหลายและความแตกต่างได้อย่างกลมกลืนลงตัว
สำหรับเราแล้ว การเดินทางไปในที่ต่างๆนั้นก็คือการเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น เราเห็นความแตกต่าง และเราก็ต้องเข้าใจและยอมรับ ฝ้ายจ๊ะ โลกนี้ยังกว้างใหญ่ และยังมีอะไรให้เราค้นหาอยู่เสมอ หากเรายังมีแรงเดินได้ เราก็จะไปตามฝันแม้ว่าจะอยู่ที่ปลายฟ้าก็ตาม ...
รักและคิดถึงมากๆจ๊ะ
จาก พลอย เขียนที่อีสตันบูล ในวันสิ้นสุดของการเดินทาง
Create Date : 31 มกราคม 2551 |
|
217 comments |
Last Update : 31 มกราคม 2551 15:00:55 น. |
Counter : 3887 Pageviews. |
|
|
|
เนื่องจากผมเรียนจบแล้ว ก็กำลังจะเดินทางกลับบ้านถาวรครับ ผมคงไม่สามารถเข้ามาขอบคุณทุกๆท่านได้ไปอีกระยะหนึ่งเลยนะครับ เพราะกลับบ้านถาวรครั้งนี้ต้องมีอะไรให้ทำมากมาย ไหนจะเรื่องเนท เรื่องหาที่พัก การรายงานตัว และที่สำคัญก็คือเรื่องงาน
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ผมไม่อยู่ ผมก็จะไม่ปิดบ้านนี้นะครับ ยังเปิดให้ทุกๆท่านเข้ามานั่งเล่นอยู่เสมอ แม้ว่าจะระยะนี้จะห่างหายไปบ้าง ยังไงก็หวังว่าคงจะไม่ลืมกันนะครับ แล้วเดี๋ยวผมมีเวลาว่างจะรีบเข้ามาทักทายเพื่อนๆทุกท่านนะครับ