ปีนหอเอนปิซ่ากับเยือนกรุงโรมอันรุ่งเรือง
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาไปเที่ยว 2 เมืองในอิตาลีนะครับ เมืองแรกคือเมือง ปิซ่า ผมคิดว่าทุกๆท่านต้องรู้จักหอเอนแห่งเมืองปิซ่าใช่ไหมครับ อีกเมืองหนึ่งที่จะพาไปเที่ยวก็คือ กรุงโรม ครับ ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดครับ เราไปเที่ยวกันเลยนะครับ ----------------------------------------
001 หากพูดถึง ปิซ่า นั้น คงต้องนึกถึงหอเอนปิซ่าใช่ไหมครับ เมืองปิซ่าตั้งอยู่ไม่ไกลจากฟลอเร็นซ์มากนัก เราสามารถไปเที่ยวปิซ่าได้แบบครึ่งวันครับ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวที่เด่นๆของเมืองนี้จะรวมอยู่ ณ แห่งเดียว นั่นก็คือ สแควร์ Campo Dei Miracoli ซึ่งชาวเมืองปิซ่ากล่าวอ้างอย่างภูมิใจว่า ที่นี่คือสแควร์ที่สวยที่สุดในโลก ที่สแควร์แห่งนี้จะประกอบไปด้วยโบสถ์ครับ ภาษาอิตาเลี่ยนใช้คำว่า ดูโอโม่ (Duomo) สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลังในปี คศ 1064
002 และที่พลาดไม่ได้นั่นก็คือ หอเอนเมืองปิซ่า ครับ ที่จริงแล้วนี่ก็คือ Bell Tower ของโบสถ์นั่นเองครับ สถาปนิกที่สร้างก็คือ Bonanno Pisano ซึ่วแรกเริ่มเดิมทีหอนั้นตั้งตรงนะครับ แต่หลังจากนั้นหอก็เริ่มเอียงมากขึ้นๆ โดยวัดค่าความเอียงได้ปีละ 1 มม สันนิษฐานว่าหอเอียงเพราะว่าพื้นที่สร้างนั้นทรุดตัว มีการใช้วิธีการมากมายที่จะหยุดการเอียงขอหอนี้ไว้ โดยวิธีล่าสุดใช้สายสลิงดึงเอาไว้ และดูเหมือนว่าจะได้ผล ตอนนี้ใครไปที่ปิซ่าจะไม่พบสายสลิงเกะกะสายตาแล้วครับ เรายังสามารถเดินบันไดขึ้นหอเอนได้ด้วยครับ มีบันไดทั้งสิ้น 294 ขั้น เวลาเดินขึ้นนั้นเราจะรู้สึกเลยว่าตัวเราเอียงๆตามไปด้วย
003 เมื่อหลายร้อยปีก่อน กาลิเลโอยังเคยขึ้นไปบนยอดหอคอยเพื่อทดสอบทฤษฏีแรงดึงดูดของโลกด้วยครับ ที่ยอดหอคอยนั้น เราก็จะมองเห็นภาพตัวเมืองปิซ่าได้แบบพานอราม่า
004 ที่ยอดหอคอยนั้น เรายังมองเห็นมุมสวยๆจากการออกแบบโบสถ์ดูโอโม่ที่ได้สัดส่วน
005 ต่อมาเราไปเที่ยวกรุงโรมกันต่อเลยนะครับ "กรุงโรมไม่ได้สร้างภายในวันเดียว" คำกล่าวนี้เป็นจริงเสมอนะครับเพราะกรุงโรมนั้นงดงามด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามและทรงคุณค่า รวมถึงเมืองเก่าสมัยอาณาจักรโรมันเรืองอำนาจ ที่แรกที่ต้องไปนั่นก็คือ น้ำพุเทรวี่ อันงดงาม
006 น้ำพุเทรวี่สร้างในรูปแบบของศิลปะแบบบาร็อค ผู้ออกแบบก็คือ Nicola Salvi ในปี คศ 1732
007 กล่าวกันว่าหากใครโยนเหรียญข้ามไหล่ไปจะได้กลับมาที่กรุงโรมอีกครั้ง หากโยนครั้งที่สองจะคิดอะไรก็ได้สมปราถนา
008 ปัจจุบัน น้ำพุเทรวี่ ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงโรมก็ว่าได้
009 กรุงโรมนั้นสวยงามครับ เหมาะกับการเดินชมบ้านชมเมือง นอกจากน้ำพุเทรวี่แล้ว เชื่อแน่ว่าเมื่อเอ่ยถึง กรุงโรม ทุกๆคนก็ต้องนึกถึงโคลัสเซี่ยมอันยิ่งใหญ่
010 โคลัสเซี่ยมนั้นสร้างขึ้นในเมื่อ 72 ปีหลังคริสต์กาล โดยจักรพรรดิ์ Vespasian แห่งอาณาจักรโรมัน เดิมทีนั้นไม่ได้ชื่อโคลัสเซี่ยมนะครับ ชาวโรมันเรียกว่า " Flavian Amphitheatre " ซึ่งสามารถจุผู้ชมได้มากถึง 80,000 ที่นั่งเลยทีเดียว
011 โคลัสเซี่ยมยังใช้เป็นสถานที่ต่อสู้ของพวกเหล่า Gladiator ด้วยครับ โดยในวันเปิดโคลัสเซี่ยมนั้น มีการต่อสู้ของเหล่านักรบถึง 100 วันติดต่อกัน และสัตว์ที่ใช้ต่อสู้มากถึง 5,000 ตัว
012 กล่าวกันว่า ครั้งหนึ่งในรัชสมัยของจักรพรรดิ์ Trajan มีการจัดการต่อสู้ยาวนานถึง 117 วัน โดย Gladiator สังเวยชีวิตไปร่วม 9,000 คนเลยทีเดียว
013 ใกล้ๆกับโคลัสเซี่ยมนั้น จะมีประตูชัยที่ชื่อว่า Constantino ซึ่งนี่ก็คือต้นแบบของการสร้างประตูชัยให้กับนโปเลียน ของฝรั่งเศสครับ เวลาไปรบชนะใครที่ไหน พวกโรมันก็นิยมสร้างประตูชัยไว้เป็นอนุสรณ์ (นโปเลียนนั้นชื่นชอบโรมันเป็นอย่างมากครับ ดังจะเห็นได้จากชุดแต่งกายและการสร้างประตูชัย)
014 เดินต่อไปอีกนิด เราจะเข้าสู่ส่วนที่เรียกว่า Foro Romano นั่นก็คือ เขตเมืองเก่าสมัยโรมันนั่นเองครับ แต่ปัจจุบันก็เหลือเพียงซากปรักหักพังเท่านั้น ก็คงเหมือนกับอุทธยานประวัติศาสตร์อยุธยาหรือสุโขทัยครับ ที่ Foro Romano นั้นก็คือเมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางการปกครอง และศาสนาในสมัยนั้นครับ
015 ภายในเมืองนี้จะมีโบสถ์ มีสภาซีเนท มีสถานที่สำคัญๆของอาณาจักรโรมันอันรุ่งเรื่องให้ชมครับ ผมไม่สามารถจำได้หมดว่าตรงใหนคืออะไรบ้าง แต่แนะนำให้ซื้อหนังสือนำเที่ยวดีๆ เช่น Lonely Planet เพราะเขาจะมีแผนที่บอกเลยว่า จุดตรงนี้เคยเป็นอะไรมาก่อน เป็นต้น อย่างรูปปั้นนี้ สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นจักรพรรดิ์จูเลียส ซีซ่าร์ ผู้ยิ่งใหญ่ และโดนรอบปลงพระชนม์ที่หน้ารัฐสภาแห่งนี้
016 เวลาที่เราเดินชมภายใน Foro Romano นั้น ก็รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมันนะครับ ตรงนี้เคยเป็นรัฐสภา ตรงนี้ซีซ่าร์ผู้ยิ่งใหญ่ถูกลอบสังหาร ทุกที่ๆย่างก้าวนั้นคือประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่มากๆครับ
017 ภายในเมืองเก่าแห่งนี้ยังมีประตูชัยอีกครับ ปลายสุดนั้นจะมีประตูชัยที่ชื่อว่า Tito สร้างขึ้นเมื่อ 81 หลังคริสต์กาล เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของจักรพรรดิ์ Titus และ Vespasian ที่มีต่อเมืองเยรูซาเลม
018 ความยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันก็ยังคงมีหลงเหลือให้คนรุ่นหลังได้เห็นแม้ว่าปัจจุบันนี้จะเหลือเพียงซากปรักหักพังเท่านั้น
019 เมื่อเดินออกมาจาก Foro Romano เราก็จะพบกับจัตุรัสเวเนเซียที่งดงาม
020 ต่อมาเราก็เดินไปชมมหาวิหารแพนธีออนนะครับ ซึ่งถือว่านี่คือสิ่งก่อสร้างอย่างเดียวที่หลงเหลืออยู่โดยสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดจากอาณาจักรโรมัน มหาวิหารแพนธีออนสร้างโดย Marcus Agrippa ซึ่งเป็นลูกเขยของจักรพรรดิ์ Augustus เมื่อ 27 ปีก่อนคริสต์กาล
021 ปิดท้ายด้วยภาพสวยๆจากกรุงโรมนะครับ สำหรับผมแล้ว หากถามว่า เมืองใหนสวยงามน่าเดินเที่ยวชม ผมก็คงตอบว่ามีมากมาย แต่กรุงโรมนั้นเป็นเมืองที่น่าประทับใจมากๆครับ ตามจัตุรัสต่างๆ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เราจะพบเห็นน้ำพุ รูปปั้นมากมาย ตึกรามบ้านช่องก็สวยงาม (แม้ว่าคนอิตาเลี่ยนจะขับรถน่าปวดหัวก็ตามที) ผมไปอิตาลีมา 2 ครั้งแล้ว เที่ยวตั้งแต่เหนือจดใต้ก็ว่าได้ ผมประทับใจทุกครั้งครับ
------------------------------- กรุงโรมนั้นมีที่เที่ยวมากมายนะครับ ที่ผมทำรีวิวในครั้งนี้นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นเองครับ โบสถ์สวยๆ นครวาติกัน หรือมุมสวยๆโรแมนติกมีให้พบเห็นทั่วไป ณ ที่แห่งนี้ครับ
Create Date : 13 มกราคม 2551
122 comments
Last Update : 13 มกราคม 2551 21:49:39 น.
Counter : 5325 Pageviews.
และขอขอบคุณมากๆสำหรับการโหวตให้บล็อคนี้ได้รับรางวัล home & garden อันดับที่ 2 ทั้งๆที่ผมเริ่มได้เพียงแค่ 3 เดือนกว่าๆเท่านั้นเอง ขอบคุณมากๆนะครับ