"Try to be the one, not someone"
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
24 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
ยามเมื่อฝนพรำที่เวนิส

สวัสดีครับ วันนี้จะขอพาไปเที่ยวเวนิส เมืองที่หลายๆท่านฝันอยากที่จะไปให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่รักที่ต้องการไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ นั่งเรือกอนโดล่าชมคลองเวนิสอันสวยงาม


---------------------------


พวกเราออกเดินจากฟลอเร็นซ์ไปเวนิสด้วยขบวนรถด่วนพิเศษ Eurostar คันนี้ครับ ใช้เวลาราวๆ 3 ชั่วโมงก็จะถึงเวนิส จริงๆแล้วจะมีรถไฟหลายขบวนที่ไปถึงแค่สถานี Mestre จากนั้นต้องต่อรถไฟไปอีกนิดนะครับถึงจะถึงเวนิสจริงๆ ฉะนั้น ต้องเช็คที่ตั๋วรถไฟให้ดีนะครับ สำหรับขบวนที่พวกผมขึ้นนี่จะปลายทางที่สถานี Stazione Santa Lucia ซึ่งอยู่ที่เวนิสจริงๆครับ







----------------------

ระหว่างทางนั้นอากาศค่อนข้างแปรปรวน ฝนตกเป็นแห่ง อากาศค่อนข้างหนาวเลยทีเดียว ฉะนั้น จึงมีหิมะตกให้ชมวิวริมทางรถไฟด้วยครับ







------------------------


เมื่อรถไฟเข้าจอดที่สถานีแล้ว ภายในสถานีรถไฟจะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอยู่ครับ แนะนำเลยว่าควรแวะที่นี่ก่อนเพื่อหาข้อมูล สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยแผนที่เที่ยวครับ อันนี้ขายราคาไม่แพง แต่มีประโยนช์มากเพราะจะบอกไว้หมดว่าควรไปที่ใหน อย่างไร แต่มีข้อติงนิดว่าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่นี่เล็กมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าเมืองเวนิสที่ขึ้นชื่อระดับโลกจะมีศูนย์บริการเล็กแค่นี้ แต่หากไม่อยากเสียเวลาก็มาที่ศูนย์บริการตรงแถวๆจัตุรัสเซนต์ มาร์โก้ ก็จะมีอีกที่ครับ




เมื่อเดินออกจากสถานีรถไฟมาแล้ว ด้านหลังจะเป็นคลองเลย เห็นโบสถ์นี้อยู่ด้านหน้า สำหรับใครที่ไม่เคยมาเวนิสมาก่อนก็คงจะประทับใจไม่น้อย เพราะสภาพเมืองที่เห็นอยู่ตรงหน้าเปลี่ยนไปทันทีจากเมืองที่เราเห็นๆกัน จากเมืองที่มีรถยนต์วิ่งจอแจ มีถนน กลับกลายเป็นคลองและมีแค่เรือในทันใด








------------------------


ข้อแนะนำก็คือให้เราซื้อตั๋วเรือครับ โดยสามารถซื้อได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่สถานีรถไฟ หรือจะเดินออกมาซื้อที่ท่าเรือเลยก็ได้ครับ แนะนำว่าให้ซื้อตั๋วเรือ Vaporetto N° 1 นะครับ เพราะสายนี้จะพาเราผ่านคลองหลักของเวนิสที่ชื่อว่า Grand Canal นั่นเองครับ ระหว่างทางนั้นเราก็จะเห็นตึกรามบ้านช่องสวยงามตลอดครับ








---------------------------


ที่แนะนำเรือสายนี้ เพราะว่าเขาจะวิ่งผ่านคลอง Grand Canal ไปตลอด ซึ่งสองฝั่งคลองนี้นั้นงดงามมาก เต็มไปด้วย Palaces ต่างมากมายครับ สวยงามมากถึงขนาดนักเขียนชาวฝรั่งเศส "Philippe de Commines" สมัยศตวรรษที่ 15 บรรยายไว้ว่า


" The Grand Canl is the finest street in the world, with the finest houses"







--------------------------


หากไปเวนิสแล้วไม่เห็นเรือกอนโดล่า ก็คงไปไม่ถึงเวนิสใช่ใหมครับ ตามริมตลิ่งนั้นก็จะมีท่าเรือเทียบเรือกอนโดล่าเป็นระยะๆ แต่วันที่ไปนั้นอากาศไม่ค่อยดี มีฝนตกเรื่อยๆ เลยทำให้เจ้าของเรือต้องคลุมเรือเอาไว้แบบนี้ครับ







-------------------------

เรือจะพาเราล่องไปเรื่อยๆนะครับ ระหว่างนั้นก็ชมวิวข้างทางไปได้ครับ นับว่าเป็นที่ตื่นตาตื่นใจไม่น้อยเลย แม้ว่าน้ำที่เวนิสจะไม่ใสเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ถือว่าสะอาดพอสมควรเลยครับ คลอง Grand Canal นั้นยาว 3.5 กม และมีรูปร่างคล้ายตัว S ครับ








------------------------


หากท่านซื้อหนังสือไกด์ดีๆสักเล่ม เขาจะบรรยายไว้หมดเลยครับว่าระหว่างที่เรือแล่นผ่านตรงนั้นตรงนี้ จะมีพระราชวัง หรือตึกสวยๆที่สำคัญตรงใหนบ้าง เป็นต้น เรานั่งเรือมาเรื่อยๆจนมาถึงที่ท่า "San Marco" นะครับ เราจะใช้ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวเวนิสครับ การเที่ยวเวนิสที่ดีที่สุดนั้นก็คือการเดินนี่แหละครับ จริงอยู่ที่เวนิสไม่ใหญ่อะไรมากมาย แต่ถนนหนทาง ลำคลองต่างๆมีมาก หากเราไม่มีแผนที่จะหลงได้ง่าย และเสียเวลามากๆ



ที่จัตุรัส San Marco นั้นสวยงามมากๆถึงขนาดที่นโปเลียนแห่งฝรั่งเศสกล่าวไว้ว่า


"Piazza San marco as the finest drawing room in Europe"


รอบๆจัตุรัสนั้นจะมีโบสถ์และมี Bell Tower ครับ Bell Tower นี้สูง 99 ม สร้างในศตวรรษที่ 10 แต่เมื่อวันที่ 14 กค ปี คศ 1902 นั้นได้พังลงมาอย่างกระทันหัน จากนั้นทางการจึงได้สร้างใหม่โดยใช้อิฐเดิมทุกก้อนครับ "brick by brick" เราสามารถขึ้นไปชมข้างบนได้นะครับ จะเห็นวิวพานาราม่าของเวนิสทั้งหมด และที่หอนี้เอง ทุกๆปีราวเดือน กพ เมื่อมีงานคาร์นิวัล พิธีเปิดจะเริ่มด้วยการให้หญิงพรรมจรรย์ขึ้นไปบนยอดหอ แล้วห้อยสลิงลงมาข้างล่างครับ ผมว่าหญิงพรรมจรรย์นั้นคงหาไม่ยากเท่าหญิงที่จะใจกล้าห้อยตัวลงมามั๊งครับ









-------------------------


ใกล้ๆกันนั้นก็จะพบกับโบสถ์ Basilica di San marco ซึ่งงดงามากๆด้วยศิลปะแบบไบเซนไทม์ โบสถ์นี้สร้างโดยพ่อค้าเวนิเซียน เพราะต้องไม่ลืมว่าสมัยก่อนพ่อค้าเวนิเซียนออกเรือไปค้าขายเก่งมาก ชาวเวนิเซียนถึงร่ำรวยเงินทอง พวกเขาก็เลยมาสร้างโบสถ์นี้ โบสถ์นี้เข้าชมฟรีนะครับ แม้ภายในจะมืดๆ แต่เราจะเห็นแสงสีทองระยิบระยับสวยงามมากๆครับ แสดงให้เห็นว่าพ่อค้าเวนิเซียนสมัยก่อนนั้นรวยขนาดใหน ภายในถ่ายรูปไม่ได้นะครับ








-----------------------


นี่เป็นภาพด้านหน้าโบสถ์ ศิลปะแบบไบเซนไทม์ ประดับทองระยิบระยับไปหมดครับ สวยงามมากเลย เอ่อ เวนิสนั้นตั้งอยู่บนเกาะต่างๆมากมาย ซึ่งอยู่ในทะเลเอเดรียติก ดังนั้น จะมีเวลาน้ำขึ้น น้ำลงนะครับ หากน้ำขึ้นนั้น จะท่วมจัตุรัสนี้แทบทั้งหมดเลย ฉะนั้นอย่าแปลกใจหากเห็นสะพานไม้ให้คนเดินหนีน้ำท่วม ภาพแบบ กทม เลยครับ แต่ของเขาน้ำท่วมเพราะธรรมชาติของน้ำขึ้น น้ำลง








อีกภาพของด้านหน้าโบสถ์ครับ







------------------------


ผมได้กล่าวไว้ว่าภายในโบสถ์นั้นเข้าชมฟรี แต่ห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด แต่ภายในนั้นจะมีห้องอยู่ 2 ห้องที่หากจะเข้าชมต้องจ่ายเงินครับ คือห้อง Pala d'Oro ซึ่งเป็นห้องที่แสดงโชว์ฝาผนังขนาดใหญ่ ทำด้วยทองคำทั้งหมด แกะสลักงดงามมากๆๆๆ และประดับด้วยเพชรนิลจินดามากมาย เป็นมาสเตอร์พีชที่ทำจากกรุงคอนสแตนติโนเปิ้ล หรือในปัจจุบันนี้ก็คือเมืองอีสตันบูลนั่นเองครับ ค่าเข้าชมถูกมากๆ คนละหนึ่งยูโรเองมั๊งครับ ขอให้เข้าไปดูนะครับ งดงามจริงๆ อีกห้องก็คือ Teroso ซึ่งเป็นที่เก็บสมบัติต่างๆไว้ ค่าเข้าก็ถูกแสนถูกเช่นเดียวกันครับ



ถ่ายด้านในไม่ได้ ก็ให้ดูด้านหน้าอีกรอบนะครับ













----------------


ไม่ไกลจากโบสถ์มากนั้น เราจะเจอ Palazzo Ducale ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ปัจจุบันนี้เป็นที่ทำการเมืองเวนิส แต่ก็เปิดให้เข้าชมได้ครับเพราะภายในนั้นมีสิ่งที่น่าชมมากมาย ล้วนแต่งดงามมากๆ สมแล้วที่อิตาลีเป็นผู้นำทางด้านศิลปะตะวันตกจริงๆ ภายนอกนั้นตกแต่งด้วยอิฐที่ทำเป็นลายโมเสก







---------------------------


เมื่อเที่ยวเสร็จแล้ว เราก็เดินชมจัตุรัสรอบๆนะครับ การออกแบบนั้นสวยงามมาก ร้านค้ามากมาย แต่แนะนำนิดว่าของที่ขายบริเวณนี้จะมีราคาค่อนข้างแพงครับ ขอให้ดูแต่ตาเอาไว้ก่อนครับ นักช้อปทั้งหลายไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวเดินไปชมที่อื่นๆของเวนิสแล้วจะมีให้เลือกเยอะแยะ และราคาถูกกว่าครับ



เดินมาทางด้านหลังของ Palazzo Ducale จะมาเจอกับสะพานที่ต้องมาชมให้ได้ นั่งก็คือสะพาน Ponte dei Sospiri (Bridge of Sighs) นั่นเองครับ สะพานนี้มีลักษณะเด่นก็คือเป็นสะพานที่สร้างเชื่อมระหว่างตึกสองตึก ซึ่งสมัยก่อนใช้เป็นเรือนจำครับ ที่มาของชื่อสะพานก็เพราะว่า


"The bridge is named because of the sighs prisoners tended to make on their way into the dungeons. The poor unfortunates to make this dismal crossing must have been well behaved indeed not to give more vigorous vent to their displeasure than a mere sigh". ที่มาของคำอธิบายจากหนังสือ Lonly Planet ครับ








-----------------


เดินต่อมาเรื่อยๆเราก็จะผ่านลำคลอง สะพานครับ เอกลักษณ์ของเวนิสเลยทีเดียว









---------------------------


เวนิสนั้นมีของที่ระลึกที่ขึ้นชื่ออยู่สองอย่าง นั่นก็คือเครื่องแก้วที่ทำจากเกาะมูราโน่ เราสามารถนั่งเรือออกจากเวนิสไปชมเกาะนี้ได้ครับ อยู่ใกล้ๆกัน ที่เกาะมูราโน่นี่เราจะเห็นร้านเก่าแก่ที่ทำเครื่องแก้วมากมาย และบรรยากาศที่นี่จะห่างไกลจากนักท่องเที่ยวในเวนิสมากครับ แนะนำให้หาเวลาไปเลยนะครับ



ของที่ระลึกอีกหนึ่งอย่างของเวนิสนั่นก็คือหน้ากากครับ เพราะว่าทุกเดือน กพ ในแต่ละปีนั้น จะเริ่มมีงานคาร์นิวัลกันทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่นับถือคริสตศาสนาเป็นหลัก ที่ดังๆก็มีงานคาร์นิวัล ริโอ เดอ จาเนโร ที่บราซิล ที่มีการเต้นรำกันทั้งเมือง แต่ที่งานคาร์นิวัลเวนิสนั้นมีเอกลักษณ์อีกแบบ ดูแล้วสูงสง่าตามแบบยุโรปสมัยก่อน เพราะคนที่นี่จะสวมหน้ากาก และแต่งกายย้อยยุคเหมือนชนชั้นสูงของยุโรปในสมัยก่อน








ก็มีหลายแบบ หลายขนาด ใครชอบก็ซื้อหามาเป็นของที่ระลึกได้ครับ









ไม่ต้องรีบร้อนซื้อนะครับ มีขายหลายร้านเยอะแยะไปหมดระหว่างทาง ดูให้ดี เปรียบเทียบคุณภาพ รูปแบบ และราคาให้ดีก่อนนะครับ








นี่ก็สวยครับ







-----------------------


เมื่อเราเดินกันมาเรื่อยๆก็จะมาถึงสะพานที่ชื่อว่า Ponte di Rialto ซึ่งก็พลาดชมไม่ได้เช่นกันครับ คำว่า Rialto นั้นหมายถึง High bank หรือตลิ่งที่สูงนั่นเองครับ พูดง่ายๆว่าเป็นจุดที่สูงเหนือระดับน้ำ ปลอดภัยยามน้ำขึ้นครับ รอบๆสะพานนี้จะมีร้านขายของมากมาย และมีตลาดด้วยครับ กล่าวกันว่าสะพานนี้เป็นสะพานแห่งเดียวที่สร้างข้าม Grand Canal แต่เมื่อไม่นานมานี้ ทางการเวนิสได้ทำการสร้างสะพานใหม่ ทำด้วยเหล็ก และนำมาไว้ที่คลองนี้ ปรากฏว่าชาวเวนิเซียนต่างออกมาด่าทางการยกใหญ่ เนื่องจากว่าสะพานทำด้วยเหล็กดูทันสมัยเกินไป ทำให้เวนิสขาดความงาม สะพานไม่เข้ากับบรรยากาศคลาสสิค เป็นต้น ผมชอบคนยุโรปตรงที่มีความเป็นอนุรักษ์นิยมนี่แหละครับ








----------------------


ข้างล่างสะพานนี้เต็มไปด้วยร้านขายของมากมาย และหนึ่งในร้านที่ประทับพวกเรามากก็คือ ร้านนี้ครับ เขาจะขายของทุกอย่างที่ทำจากไม้ นาฬิกาไม้ พวงกุญแจไม้ แม๊กเนทไม้ วาดลวดลายน่ารักมากกกกกกกกกกกกกก ราคาไม่แพงครับ








มีลูกค้าเข้าไปอุดหนุนไม่ขาดสาย รวมทั้งพวกเราด้วย









ซื้อมาเป็นของฝากให้เพื่อนๆที่เมืองไทย ต่างก็ชอบกันใหญ่







--------------------


ระหว่างเส้นทางที่เดินนั้น ก็จะแวะชมโบสถ์ต่างๆมากมายที่สวยงามน่าชม แต่เนื่องจากรูปส่วนใหญ่มีพวกเราด้วย จึงขอนำภาพเวนิสทั่วๆไปมาให้ชมนะครับ









วันนั้นอากาศไม่ค่อยดี ฝนตกเป็นระยะๆ แต่ก็ยังเห็นนักท่องเที่ยวนั่งเรือกอนโดล่าด้วยเช่นกัน ราคาอาจจะแพง แต่หากเราหารเฉลี่ยกันก็น่าสนใจไม่น้อยครับเพราะเรือหนึ่งลำนั่งได้สี่ถึงหกคน








-----------------------------



นี่เป็นโบถส์หนึ่งในหลายๆที่ๆเราไปชมครับ ด้านในถ่ายภาพไม่ได้ตามเคย สวยมากครับ







----------------------


ปิดท้ายด้วยภาพนี้นะครับ ผมคิดว่าเป็นภาพที่ผมถ่ายได้สวยคลาสสิคที่สุดในทริปนี้เลยครับ สะท้อนความเป็น "เวนิส" ได้ดีที่สุดเลย








"หนึ่งคำทักทายของท่าน คือล้านกำลังใจสำหรับเรา"






























Create Date : 24 สิงหาคม 2550
Last Update : 5 กันยายน 2550 2:38:50 น. 40 comments
Counter : 2532 Pageviews.

 
เกิดการสลับภาพนิดนะครับ ภาพสะพาน Ponte dei Sospiri ที่บรรยายข้างบนนั้นดันมาอยู่ภาพสุดท้ายนี้นะครับ


โดย: Sorbonne (ซอร์บอนน์ ) วันที่: 25 สิงหาคม 2550 เวลา:0:17:22 น.  

 
Oh! my gosh!!!!!! I wanna go there very much!


โดย: biebie999 IP: 124.121.45.219 วันที่: 25 สิงหาคม 2550 เวลา:18:49:16 น.  

 
หากมีโอกาสต้องไปให้ได้นะครับคุณ biebie999 สวยดีครับ มีโบสถ์ มิวเซียม ตึกสวยๆเยอะแยะเลยครับ


โดย: Sorbonne (ซอร์บอนน์ ) วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:15:17:42 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ ^^ ..
เป็นเมืองที่สวยมากจริงๆค่ะ เคยไปครั้งนึงแต่มัวกินโน่น กินนี่เพลินไปหน่อย เลยลืมดูสิ่งก่อสร้างสวยๆซะนี่


โดย: Charlotte Russe วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:12:22:56 น.  

 
แล้วคนว่ายน้ำไม่เป็นไปได้ไหมคะคุณน้อง?!!


โดย: Tiwanon48 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:15:05:25 น.  

 
สวัสดีครับคุณ Charlotte Russe ตอนที่พวกผมไปก็ลองทานสปาเก็ตตี้เส้นดำ มันก็อร่อยนะครับ แต่ทานมากๆแล้วเลี่ยนชีส และเส้นดำมันก็ดำจริงๆ ปาก ฟันดำไปหมดเลย เฮ้อออออออออออออออ



คุณพี่คร้าบ ว่ายน้ำไม่เป็นก็ไปได้ สวมชูชีพเอาไว้เน้ออออออออ


โดย: Sorbonne (ซอร์บอนน์ ) วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:15:53:12 น.  

 
ตามมาดูวิวเวนิสด้วยคนครับ

เมื่อสองสามวันเพิ่งดูข่าววว่าเค้ากำลังสร้างสะพานข้ามคลองเวนิส ใครไปช่วงนี้มีหวังวิวสวยๆถูกเบียดบังไปด้วยปั้นจั่นแน่เลยครับ...ผมหล่ะคนหนึ่งไปเที่ยวแถวๆนั้นทีไรมันบูรณะทุกที จริงๆก็ดีนะครับ แต่ว่ามันจะทำให้ถ่ายรูปไม่สวยอ่ะ


โดย: pompier วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:23:50:29 น.  

 
เป็นเมืองในฝันอีกเมืองนึง ที่จะต้องไปให้ได้ ขอบคุณที่นำรูปสวย ๆ พร้อมเรื่องราว มาให้ชมนะคะ


โดย: Thewinner วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:14:51:10 น.  

 
เคยไปเวนิสมาสองครั้งแล้ว ชอบเหมือนกันค่ะ แต่รูปที่ถ่ายมาสวยสู้ของคุณไม่ได้เลยค่ะ


โดย: edelweiss วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:4:39:16 น.  

 
มันน่าไปมากๆครับ ยังไงผมต้องเก็บที่นี้ให้ได้ แหะๆ


โดย: Louisson วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:21:41:45 น.  

 
สวัสดีทุกๆท่านที่เข้ามาทักทายนะครับ เวนิสนั้นมีที่เที่ยวเยอะครับ ไม่แปลกใจที่เวนิสได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่น่าเที่ยวมากที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรปครับ


โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:23:21:31 น.  

 
สวยมากจริงๆ ครับ
หวังว่าสักวันผมคงมีโอกาสได้ไปบ้าง


โดย: angel of music วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:0:43:47 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมที่บล็อกค่ะ ^^
อย่าว่าแต่ที่ปารีสเลยค่ะ ที่หาคนไปไซบีเรียไม่ได้ที่รัสเซียก็หาคนไปไม่ได้เหมือนกันค่ะ มีแต่ผู้แสดงความประสงค์แต่เอาเข้าจริงก็ต้องไปคนเดียว ถ้ามีโอกาสก็ลองดูนะคะ ^^


โดย: Charlotte Russe วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:12:33:06 น.  

 
อ่านแล้วอยากไปขึ้นมาทันทีเลยค่ะ


โดย: ตามใจท่าน วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:19:24:27 น.  

 
ยังอยากไปรัสเซียอยู่นะครับ กำลังหาข้อมูลมากๆเลย และดีด้วยเพราะตอนนี้ไม่ต้องขอวีซ่าแล้ว แต่มอสโคว์นั้นแพงทีเดียวในแง่ที่พัก แต่ไม่ใช่ปัญหาครับ หาเพื่อนที่ปารีสไปไม่ได้เท่านั้นเอง ไม่อยากไปคนเดียวครับ อย่างน้อยมีเพื่อนไปด้วยสักคนก็โอเคแล้ว ยังไงจะพยายามไปให้ได้ครับก่อนหนาวนี้ เพราะรัสเซียหน้าหนาวนี่คงสู้ไม่ใหว



ขอบคุณทุกๆท่านที่เขามาชมเวนิสนะครับ


โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:23:12:45 น.  

 
อยากไปเวนิส

สวยจริงๆค่ะ

ชาตินี้จะได้ไปบ้างมั๊ยเนี่ยเรา!!!

ขอบคุณภาพสวยๆที่นำมาแบ่งปันนะคะ


โดย: janeko วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:10:13:06 น.  

 
So beautiful isn't it!
Hope to visit in one day.

Thanks for nice picture na ka.


โดย: Gunn (Cheers4Life ) วันที่: 2 กันยายน 2550 เวลา:1:04:07 น.  

 
ภาพสวยจังเลยค่ะ ดูแล้วทำให้อยากไปอีกครั้งนึง ยังไม่มีโอกาสได้นั่งกอนโดล่าเลยค่ะ


โดย: Corriandar & Wasabi วันที่: 3 กันยายน 2550 เวลา:18:28:48 น.  

 
ว้าว


โดย: GaBa วันที่: 3 กันยายน 2550 เวลา:20:21:11 น.  

 
อยากกลับไปเที่ยวอีกเวนิสชอบมาก สวย เที่ยวที่แล้วไม่ได้นั่งเรือกอนโดล่าเลยเพราะตอนนั้นลูกชายยังเล็กอยู่กลัว ชอบตรงหน้าโบสถ์ที่มีนกเยอะๆ ชอบลวยลายและงานศิลปะของอิตาลีสวย


โดย: SwissSydney วันที่: 4 กันยายน 2550 เวลา:7:59:38 น.  

 
มาทักทาย บล๊อคน่าสนใจนะครับ


โดย: appendiculata191 วันที่: 11 กันยายน 2550 เวลา:11:38:39 น.  

 
เห็นแล้วอยากไปอีกจังเลยค่ะ ^^

ถามหน่อยนะคะ ว่าน้ำในคลองมันโอเคเหรอป่าวคะ
แบบว่าตอนหนูไป กะว่าจะลงล่องเรือหน่อย
ปรากฏว่าน้ำมันเหม็นอย่างแรงเลยอ่าค่ะ


โดย: ..กลับมาอยู่บนฟ้า.. วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:15:47:15 น.  

 
ผมไปเวนิสมาสองครั้งแล้วครับ น้ำในคลองก็ถือว่าโอเคนะครับ มันอาจจะไม่ใสเหมือนก่อน แต่ผมว่าก็โอเคเลยนะครับ


โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) วันที่: 15 กันยายน 2550 เวลา:15:15:52 น.  

 
ยังไม่เคยไปเวนิสเลยค่ะ พลาดโอกาสทุกครั้งที่จะไป

สวยน่าเที่ยว จริงๆ ....ขอบคุณมากค่ะ


โดย: Abijan วันที่: 16 กันยายน 2550 เวลา:10:48:59 น.  

 
สวยมาก ๆ เลยคะ
อยากไปเที่ยวมั่งจัง
ว่าง ๆ จะมาขอรบกวนถามโน่นนี้หน่อยนนะคะ
สถานที่สวยเห็นแล้วอยากใช้เป็นสถานที่ในการเขียนนิยายมาก ๆ เลย


โดย: สะมะเรีย (aomaom_amam ) วันที่: 25 กันยายน 2550 เวลา:16:44:13 น.  

 
โอ....สวยๆๆๆๆๆๆๆๆ
อยากไปมากๆ คร๊าบ


โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:2:18:45 น.  

 
ไปหลงมาแล้วค่ะ เกือบอดกลับบ้าน เข้าไปข้างในนิดเดียว งงเลย


โดย: hellomoto วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:9:16:51 น.  

 
แวะมาทักทายคะ
ภาพสวยจังเลยนะคะ
เมื่อไหร่จะมีโอกาสได้ไปเห็นกับตาน๊าาเรา


โดย: iamnidnoi วันที่: 27 ธันวาคม 2550 เวลา:10:09:39 น.  

 
รูปสวยมากเลยค่ะ อยากไปเวนิสบ้าง สำหรับอิตาลี ไปกี่ทีก้อไปแต่โรมกะวาติกันค่ะ ไม่มีโอกาสได้ไปเมืองอื่นเลย หวิดโดนรถชนตายในโรมก้อหลายทีแล้วค่ะ ฮุๆๆๆ ถนนวุ่นวายไม่แพ้กรุงเทพเลยเน้อ


โดย: tairi IP: 87.185.73.197 วันที่: 7 มกราคม 2551 เวลา:6:30:25 น.  

 
ขอบคุณมากสำหรับข้อมูล จะไปเวนิสค่ะ


โดย: จิราภรณ์ จากสมุทรปราการ IP: 124.120.109.242 วันที่: 26 มกราคม 2551 เวลา:11:41:01 น.  

 
ภาพสวยมากครับ

เพลงก็เพราะ

พระเจ้าอวยพรครับ


โดย: sarot IP: 203.156.6.84 วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:54:50 น.  

 
อยากไปมากก ! เหมือนในนิยายเดี๊ยย
โอ้ย ยอยากไปไม่มีตัง !


โดย: ยิ้มมม IP: 124.121.238.144 วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:54:01 น.  

 
รูปสวยค่ะ^^


โดย: ^^ IP: 58.147.83.194 วันที่: 11 สิงหาคม 2551 เวลา:15:25:46 น.  

 
ขอห้ายได้ไปปารีสขอบคุนสำหรับพาบสวยสวยค้า


โดย: lukkate IP: 125.26.2.126 วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:12:22:15 น.  

 
จะไปเวนิสกลางเดือนนี้ค่ะ แล้วจะไปเที่ยวตามคำแนะนำ จะจดใส่กระเป๋าไว้เลยค่ะ


โดย: แหม่ม แมงมุม IP: 88.160.172.164 วันที่: 30 เมษายน 2552 เวลา:1:32:01 น.  

 
ชาตินี้จะไปให้ได้

^_^


โดย: My dear IP: 192.168.1.156, 203.172.211.202 วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:58:23 น.  

 
คุณโชคดีจังได้ไปเที่ยวที่สวยๆด้วย^^
ต้องมีเงินเยอะขนาดไหนถึงจะไปเที่ยวแบบนี้ได้คะ?
แต่คุณเก่งเนอะ เห็นเป็นคนรอบรู้ดี :D
ชอบๆ


โดย: shar IP: 112.142.95.204 วันที่: 29 มิถุนายน 2552 เวลา:20:44:57 น.  

 
วันที่ 5 ก.ค. 09 นี้ เรา จะไปเวนีส ก็เลยเข้ามาอ่าน ข้อมูลเพื่อเป็นความรู้ประกอบการเที่ยวชมสถานที่ ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อมูลที่ให้ ขอถามหน่อยได้ไหมค่ะว่ามี ตำนานปรำปรา เล่าให้ฟังบางมั๊ยอ่ะอยากอ่านน่ะ


โดย: mee IP: 84.73.85.118 วันที่: 2 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:11:33 น.  

 
อยากรุว่า สะพานที่ทำให้เรารักกันที่ปารีสชื่อว่าอะไร เพราะลืมไปแล้วค่ะ ที่ให้เราจูบกันตอนลอดใต้สะพานอ่ะค่ะ


ตอบทางเมลล์ได้มั้ยคะ pum.lovely@hotmail.com


โดย: PooM IP: 125.26.54.87 วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:18:55:19 น.  

 
สวยมากเลยค่ะ


โดย: preawpayia IP: 180.183.231.208 วันที่: 7 สิงหาคม 2553 เวลา:15:48:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ซอร์บอนน์
Location :
Paris Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผมเป็นคนที่รักการแต่งบ้านและทำสวนเป็นชีวิตจิตใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เราคลายเหงาไปได้มาก ยามเมื่ออยู่ไกลบ้านและมีโอกาสได้ดูรูปภาพเหล่านี้ ก็ทำให้รู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านอีกครั้ง ผมยังชอบเดินทางท่องเที่ยวเพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ทำให้วิสัยทัศน์กว้างขึ้น
Friends' blogs
[Add ซอร์บอนน์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.