Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
29 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
ชมวัดงาม เที่ยวย่านถิ่นเก่าที่ "ตลาดพลู"


โดย : หนุ่มลูกทุ่ง



     นั่งๆ นอนๆ อยู่กับบ้านในวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์เสียหลายวันจนชักจะเพลิน พาลให้ไม่นึกอยากไปทำงานขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่ยังไงๆ ฉันก็ยังไม่ลืมหน้าที่ในการพาเที่ยวตะลุยกรุงเทพฯ ซอกแซกไปหาสถานที่ต่างๆ ที่น่าสนใจมาฝากกัน

อย่างวันนี้ที่ฉันจะชวนไปชมย่านเก่าในกรุงเทพฯ นั่นก็คือย่าน “ตลาดพลู” บริเวณถนนเทอดไทในฝั่งธนบุรีนี่เอง โดยฉันได้ติดสอยห้อยตามมากับชมรมสยามทัศน์ ที่มีคุณนัท จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา เป็นไกด์พาท่องกรุงอีกเช่นเคย



แน่นอนว่าชื่อ “ตลาดพลู” ย่อมต้องมีที่มาที่ไป โดยแต่เดิมนั้นพื้นที่ริมคลองบางกอกใหญ่ หรือคลองบางหลวงนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชาวจีนมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี แต่เมื่อมีการย้ายราชธานีไปยังฝั่งพระนคร ชาวจีนบางส่วนก็โยกย้ายบ้านเรือนไปย่านสำเพ็ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของชุมชนชาวจีน และก็ได้มีชาวอิสลามเข้ามาอาศัยแทนที่

และเป็นชาวอิสลามนี่เองที่เป็นผู้ริเริ่มทำสวนพลูในย่านนี้ขึ้น จนต่อมาทั้งชาวอิสลามและชาวจีนต่างก็ทำสวนพลูเป็นอาชีพอย่างแพร่หลาย จนบริเวณริมคลองบางหลวงนี้กลายเป็นตลาดซื้อขายพลู และเกิดเป็นชุมชนเก่าแก่ที่เรียกกันว่า “ตลาดพลู” มาแต่บัดนั้น มาถึงปัจจุบันแม้จะหาพลูไม่ได้แล้วสักต้นในย่านนี้ แต่ชื่อของตลาดพลูก็ยังคงอยู่

รู้ถึงที่มาของชื่อตลาดพลูแล้ว เราก็มาเริ่มเดินเท้าท่องเที่ยวในสถานที่สำคัญๆ ของย่านตลาดพลูกันเลยดีกว่า เริ่มจากที่แรก ที่ “วัดอินทารามวรวิหาร” หรือวัดบางยี่เรือนอก วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา วัดแห่งนี้มีความสำคัญสูงสุดในสมัยกรุงธนบุรี โดยหลังจากที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี พระองค์ก็ทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้ใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแต่จะทรงบูรณะวัดแห่งนี้เท่านั้น พระองค์ยังทรงเสด็จมาประกอบพระราชกุศล และปฏิบัติกรรมฐานอยู่เสมอๆ โดยยังมีพระราชอาสน์ที่พระองค์ทรงประทับทรงศีลอยู่ภายในวัดด้วย

เมื่อเดินเข้าไปภายในวัดแล้วก็จะเห็นพระอุโบสถหลังใหญ่โตสวยงาม เป็นพระอุโบสถที่สร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 3 ภายในประดิษฐานพระพุทธชินวร พระประธานสมัยสุโขทัยปางมารวิชัย ส่วนด้านหน้าพระอุโบสถ ก็จะมีพระบรมรูปของสมเด็จพระเจ้าตากสินในท่าประทับนั่ง มีพระแสงดาบพาดอยู่ที่พระเพลา



     และหากเดินมาด้านหลังวัดบริเวณที่ติดกับคลองบางหลวง ก็จะพบกับพระอุโบสถหลังเก่า และวิหารสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งมีพระบรมรูปของพระองค์อยู่หน้าวิหารอีกเช่นกัน เป็นพระบรมรูปทรงม้า พระหัตถ์ข้างหนึ่งถือพระแสงดาบชูขึ้นฟ้า ลักษณะเดียวกับพระบรมรูปตรงวงเวียนสมเด็จพระเจ้าตากสิน

สักการะพระบรมรูปของท่านแล้ว ฉันเดินเข้าไปในพระวิหารสมเด็จฯ ภายในนั้นนอกจากจะมีพระพุทธรูปเหลืองอร่ามอยู่หลายองค์แล้ว ก็ยังมีแท่นพระบรรทมไสยาสน์ ซึ่งเป็นพระราชอาสน์สำหรับประทับแรมทรงศีลและทรงกรรมฐาน ของสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ และยังมีพระบรมรูปจำลองขณะที่พระองค์กำลังทรงกรรมฐานอยู่ด้วย

ข้างพระวิหารฯ นั้นก็เป็นพระอุโบสถหลังเก่า ภายในมีพระประธานซึ่งใต้ฐานชุกชีนั้นบรรจุพระสรีรังคารของสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ไว้ด้วย ส่วนเจดีย์สีทองสององค์ด้านหน้านั้นก็เป็นเจดีย์ที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์และพระอัครมเหสี



     ชมสิ่งต่างๆ ภายในวัดอินทารามเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้พลาดชมของดีที่อยู่ด้านหลังวัด หากเดินออกไปตรงท่าน้ำของวัดก็จะเห็นศาลาท่าน้ำหลังเล็กสีเขียวอ่อนมีลวดลายแบบขนมปังขิง ศาลาท่าน้ำนี้มีชื่อว่าศาลาภิรมย์ภักดี ศาลาแห่งนี้ก็คือท่าเรือเมล์ขาว ซึ่งเป็นเรือเมล์ของพระยาภิรมย์ภักดีที่วิ่งรับส่งคนในคลองบางหลวงสมัยก่อน ตอนนี้ก็เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวที่ท่าน้ำวัดอินฯ นี่แหละ และเมื่อออกมาจากท่าน้ำแล้วอย่าลืมหันไปมองทางซ้ายมือ จะเห็นห้องแถวเล็กๆ ที่อยู่ติดกับศาลาท่าน้ำ ห้องแถวห้องนี้มีประตูที่แปลกไม่เหมือนใคร หากมองเผินๆ อาจจะเห็นเพียงแค่ประตูลูกกรงไม้ธรรมดา แต่มองดีๆ จะเห็นว่าไม้นั้นทำเป็นรูปทรงตะเกียบ 4 อันวางห่างกันพอประมาณ คนลอดออกไม่ได้ แต่หากต้องการจะออกก็จะต้องยกตะเกียบซี่หนึ่งซึ่งหนักไม่ใช่เล่นออกเสียก่อน ประตูแบบนี้ฉันก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกนี่แหละ แต่ชาวจีนแต้จิ๋วเขานิยมกัน สมัยนี้คงหาดูได้ยากแล้วล่ะ

จากวัดอินทารามฉันเดินต่อไปโดยใช้เส้นทางเล็กๆ ริมคลองบางหลวงด้านหลังวัด ผ่านตลาดวัดกลางซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังวัดจันทาราม เพื่อจะเดินต่อไปยัง “วัดราชคฤห์วรวิหาร” แต่ก่อนจะเดินทางไปถึงฉันก็เสียเวลากับตลาดวัดกลางไปมากพอดู เพราะนอกจากจะแวะกินชากาแฟร้อนๆ กินข้าวเหนียวหมูทอดหอมๆ เดินชมตลาดสดที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาแล้ว ก็ยังเพลินกับการได้เห็นห้องแถวไม้เก่าๆ ดูคลาสสิค ห้องแถวเหล่านั้นบ้างก็เป็นร้านสังฆภัณฑ์ ร้านขายขนม รวมทั้งร้านขายยาหน้าตาโบราณที่ขายยาสมุนไพร น่าดูไม่น้อย



     จากตลาดวัดกลางฉันก็เดินทะลุมายังวัดราชคฤห์ หรือวัดบางยี่เรือใน บางคนก็เรียกวัดบางยี่เรือมอญ เพราะสร้างโดยนายกองมอญในสมัยอยุธยา และมีการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยกรุงธนบุรี โดยพระยาสีหราชเดโช หรือที่เรารู้จักกันในชื่อพระยาพิชัยดาบหักนั่นเอง

ภายในวัดราชคฤห์นี้มีสิ่งสำคัญก็คือ เจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่นำมาจากกรุงราชคฤห์ ประเทศอินเดีย ส่วนพระปรางค์อีกองค์หนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้กันก็เป็นพระปรางค์ที่บรรจุอัฐิของพระยาพิชัยดาบหัก ที่ตามประวัติศาสตร์นั้น ท่านได้ขอตายตามสมเด็จพระเจ้าตากสินไปด้วย

นอกจากนั้น หากใครเคยนั่งรถผ่านวัดราชคฤห์บนถนนเทอดไท หลายคนก็คงจะเห็นสิ่งก่อสร้างที่ลักษณะคล้ายภูเขาตั้งอยู่บริเวณหน้าวัด สิ่งก่อสร้างที่ว่านั้น ที่จริงแล้วเรียกว่า “เขามอ” หรือภูเขาจำลองที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน และบนยอดเขามอนั้นก็มีพระมณฑป ซึ่งภายในมีพระพุทธบาทจำลองประดิษฐานอยู่ สามารถขึ้นไปกราบไหว้ด้านบนได้

แต่ที่แปลกที่สุดก็คือ ที่วัดราชคฤห์แห่งนี้มีพระพุทธรูปนอนหงาย!! อย่าเพิ่งตกใจว่าใครอุตริไปสร้างพระปางใหม่ขึ้น จริงๆ แล้วพระพุทธรูปองค์นี้เป็นปางถวายพระเพลิง ซึ่งตามพุทธประวัตินั้น เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ศิษยานุศิษย์ก็ได้นำพระสรีระของพระองค์มาถวายพระเพลิง แต่พระสรีระของพระองค์ไม่ยอมติดไฟ เนื่องจากพระองค์ต้องการจะรอให้พระมหากัสสปะเดินทางมาถึงเสียก่อน

พระพุทธรูปปางถวายพระเพลิงที่วัดราชคฤห์นี้มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปนอนหงาย พระเศียรหนุนพระเขนย พระกรทั้งสองข้างแนบพระองค์ หลับพระเนตร และมีพระมหากัสสัปปะนั่งพนมมืออยู่ที่พระบาท ใครสนใจก็ไปกราบสักการะกันได้



     จากวัดริมฝั่งคลองบางหลวง คราวนี้เดินข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้ามที่ “วัดโพธิ์นิมิตรมหาสีมาราม” กันบ้าง วัดแห่งนี้โดดเด่นด้วยความที่เป็นวัดฝ่ายมหานิกายที่มีการผูกพัทธสีมาสองชั้น คือพัทธสีมาและมหาพัทธสีมา ซึ่งก็หมายถึงว่ามีจะมีอาณาเขตในการทำสังฆกรรมที่กว้าง อีกทั้งวัดแห่งนี้ยังมีความน่าสนใจตรงที่จิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถไม่ได้เป็นเรื่องราวพุทธประวัติหรือชาดกอย่างวัดอื่นๆ แต่เป็นเรื่องราวการอัญเชิญกิ่งพระศรีมหาโพธิ์จากอินเดียมายังเกาะลังกา อีกทั้งยังมีภาพงานประเพณีต่างๆ ของไทย โดยมีฉากเป็นวัดต่างๆ ที่เราคุ้นเคยกันดีเช่นวัดสุทัศน์ฯ วัดราชบพิธฯ วัดพระแก้ว เป็นต้น

จริงๆ แล้ววัดในแถบตลาดพลูนี้ยังมีอยู่อีกหลายวัดด้วยกัน แต่ฉันขอเดินชมเพียงเท่านี้ก่อน เพราะตอนนี้ฉันกำลังจะเดินเท้าไปยัง “สถานีรถไฟตลาดพลู” สถานีรถไฟเล็กๆ แต่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากมาย ทางรถไฟสายนี้วิ่งตรงจากวงเวียนใหญ่ ไปถึงมหาชัย จังหวัดสมุทรสงครามโน่น ฉันไปด้อมๆ มองๆ ดูราคาตั๋วรถไฟแล้วก็พบว่าถูกอย่างไม่น่าเชื่อ จากตลาดพลูไปวงเวียนใหญ่ 3 บาท ไปบางบอน 5 บาท ไปมหาชัย 10 บาท เท่านั้นเอง

และนอกจากผู้คนที่มารอรถไฟแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บริเวณสถานีรถไฟตลาดพลูมีผู้คนพลุกพล่านก็คือ เพราะบริเวณนี้เป็นแหล่งรวมร้านอาหารสำหรับคนเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว หอยทอดผัดไท ข้าวราดแกงต่างๆ ที่นอกจากจะนั่งกินที่ร้านได้แล้วก็สามารถซื้อใส่ถุงหิ้วขึ้นรถไฟได้เลย



     และไม่ไกลจากสถานีรถไฟตลาดพลูนักก็มีร้านอาหารขึ้นชื่อหลายร้านด้วยกันที่นักชิมยกให้เป็นร้านอร่อยของตลาดพลู ไม่ว่าจะเป็นร้านขนมหวานตลาดพลู ร้านหมี่กรอบเก่าแก่และอร่อยมาตั้งแต่สมัย ร.5 ร้านน้ำใบบัวบกเย็นชื่นใจ ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเปื่อยน้ำซุปเข้มข้น และอีกมากมายหลายร้าน ใครสนใจจะไปชิมก็เชิญได้ตามอัธยาศัย

และหากเดินข้ามถนนมาอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านในแถบนั้นเรียกกันง่ายๆ ว่า ใต้สะพานตลาดพลู ซึ่งสะพานที่ว่านั้นก็คือถนนรัชดาภิเษกที่ลอยพาดผ่านอยู่ด้านบน ในยุคหลังๆ บริเวณถือเป็นศูนย์กลางของตลาดพลูก็ว่าได้ คือมีทั้งตลาดและโรงภาพยนตร์ถึงสองโรงด้วยกัน คือโรงภาพยนตร์ศรีนครธน และโรงภาพยนตร์ศรีตลาดพลู สำหรับโรงภาพยนตร์ศรีนครธนนั้น เขาเรียกกันว่าวิกสูง เพราะส่วนที่เป็นโรงหนังนั้นอยู่ชั้นบน ด้านล่างก็เป็นตลาด ดังนั้นโรงภาพยนตร์ศรีตลาดพลูจึงเรียกกันว่าวิกเตี้ย แต่ตอนนี้ก็ไม่มีโรงหนังเหลือให้เห็นแล้วล่ะ และหากใครยังไม่เมื่อย จะเดินมาทางด้านหลังตลาดพลู ชมตึกแถวเก่าสองชั้นสมัยรัชกาลที่ 5 ด้วยก็ได้ ยังคงได้บรรยากาศเก่าๆ ของย่านตลาดพลูแบบดั้งเดิม

ความเป็นตลาดพลูที่คึกคักในอดีตเริ่มลดน้อยถอยลงหลังจากที่เกิดระบบขนส่งมวลชนใหม่ๆ ขึ้น ทั้งรถไฟ ถนน และรถยนต์ ความนิยมในการกินหมากพลูที่น้อยลง อีกทั้งการเกิดห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์มาร์เก็ตสมัยใหม่ขึ้น ก็ล้วนมีส่วนทำให้ตลาดพลูในวันนี้ไม่ใช่ตลาดพลูที่รุ่งเรืองเหมือนสมัยก่อน แต่หากได้มาเดินดูอย่างใกล้ชิดแล้วละก็ ฉันว่ากลิ่นอายของตลาดพลูก็ยังไม่จางหายไปเสียทั้งหมดหรอก

* * * * * * * * * * * * * * * *
สอบถามรายละเอียดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์กับชมรมสยามทัศน์ได้ที่ โทร.08-1343-4261

Credit : ผู้จัดการออนไลน์ 17 เมษายน 2550

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E



Create Date : 29 พฤษภาคม 2554
Last Update : 29 พฤษภาคม 2554 14:58:57 น. 4 comments
Counter : 4137 Pageviews.

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

ผมก็นั่งรถไฟไปลงที่สถานีตลาดพลูบ่อย ๆ ครับ แล้วได้นั่งรถเมล์ต่อผ่านวัดนี้เป็นประจำเลยครับ แต่ยบังไม่เคยเข้าไปไหว้พระในวัดเลยครับ

เพิ่งได้ทราบประวัติของตลาดพลูก็จากบล็อกนี้เองครับ

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 29 พฤษภาคม 2554 เวลา:17:46:52 น.  

 
แวะมาชม ครับ


โดย: Kavanich96 วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:7:45:01 น.  

 
แวะมาเยี่ยมชมครับขอฝากเว็บแนะนำ สถานที่ท่องเที่ยวขอบคุณครับ


โดย: travelplace (loveyoupantip ) วันที่: 1 มิถุนายน 2554 เวลา:17:52:50 น.  

 


โดย: register (nrokas_1 ) วันที่: 25 กันยายน 2554 เวลา:14:11:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.