Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
4 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
พระยิ้มวัดภูมินทร์เมืองน่าน อันซีนเหนืออันซีน

Credit : ปิ่น บุตรี 21 พฤษภาคม 2551 13:29 น. - ผู้จัดการออนไลน์



“4”

     ตัวเลขนี้ในทางหวย ผมไม่รู้ว่าเป็นเลขเด่น เลขเด็ด เลขดัง หรือเลขดับ!!! เพราะผมไม่ใช่คนเล่นหวย

รู้แต่ว่าเลข 4 ตามคติความเชื้อของคนจีน(ตามความรับรู้ของคนไทยส่วนใหญ่) ถือเป็นเลขอัปมงคล เพราะ 4 ออกเสียงคล้ายกับคำว่า “ซี้” ที่แปลว่า ตาย

     ในขณะที่ในแวดวงกีฬา การได้ตำแหน่งที่ 4 ดูจะไม่ค่อยน่าจดจำเท่าๆไหร่ กีฬาหลายประเภทอันดับ 4 ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือ ผิดกับอันดับ 3 ที่ยังมีเหรียญทองแดง(เหรียญบรอนซ์)ปลอบขวัญ

แต่ในทางศาสนาพุทธ 4 ถือเป็นตัวเลขที่แฝงไว้ด้วยนัยยะทางธรรมะที่ชวนให้ขบคิดตีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น อริยสัจ 4, พรหมวิหาร 4, สังคหวัตถุ 4, อิทธิบาท 4, บัว 4 เหล่า, ทิศหลัก 4 ทิศ เป็นต้น

     เมื่อเลข 4 มีคุณค่าแฝงปรัชญาลึกล้ำ วัดวาอารามหลายแห่งในบ้านเราจึงสร้างงานพุทธศิลป์ที่มีเลข 4 เกี่ยวข้องขึ้นมามากมาย เป็นดังปริศนาธรรมให้ชาวพุทธได้ตีความกัน โดยหนึ่งในวัดที่มีเลข 4 โดดเด่นมากก็คือ “วัดภูมินทร์”แห่งจังหวัดน่าน



     วัดนี้ ตั้งอยู่ ต.ในเมือง(ในเวียง) อ.เมือง ใกล้ๆกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดน่าน ที่มี “งาช้างดำ” โบราณวัตถุล้ำค่าหนึ่งเดียวในเมืองไทยเป็นสิ่งชูโรง

     จากพิพิธภัณฑ์ฯเพียงเดินข้ามถนนจากประตูด้านข้าง(ซ้าย)ของพิพิธภัณฑ์ฯก็จะถึงยังวัดภูมินทร์ หนึ่งในวัดสวยงามไฮไลท์เมืองน่านที่ใครไปเยือนเมืองสงบงามแห่งนี้ ไม่น่าพลาดการไปเที่ยวชม วัด ไหว้พระ เสพศิลปะ ณ วัดภูมินทร์ด้วยประการทั้งปวง

     ทั้งนี้ใครที่เคยไปเที่ยววัดภูมินทร์จะรู้ดีว่า หลายสิ่งในวัดแห่งนี้เป็นสุดยอดหนึ่งเดียวในเมืองไทย ไล่ไปตั้งแต่พญานาคคู่ที่เลื้อยทะลุเป็นราวบันไดออกมาจากตัวอาคารหลัก ที่นอกจากจะเป็นนาคสะดุ้งชูหัวสง่าดูมีชีวิตชีวาแล้ว อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินนามอุโฆษยังบอกว่านี่เป็น(รูปปั้น)พญานาคที่ดูทรงพลังที่สุดในเมืองไทยอีกด้วย

ถัดจากนาคไปก็เป็นตัวอาคารหลักของวัดที่เป็นสถาปัตยกรรมทรงจตุรมุข ที่มีลักษณะ ทรีอินวัน (3 in 1) มี 3 ฟังก์ชันในหนึ่งเดียว คือเป็นทั้งโบสถ์(แนวเหนือ-ใต้) วิหาร(แนวตะวันออก-ตะวันตก) และเป็นพระเจดีย์ประธานของวัดไปในตัว



     โบสถ์หลังนี้(ผมขอเรียกอาคารทรงจตุรมุขหลังนี้รวมๆว่าโบสถ์เหมือนทั่วๆไปเพื่อง่ายต่อความเข้าใจ)ตามเอกสารประวัติวัดระบุว่าสร้างโดย“เจ้าเจตบุตรพรหม”ผู้ครองนครน่าน ในปี พ.ศ. 2139 หลังขึ้นครองเมืองน่านได้ 6 ปี ซึ่งว่ากันว่าเป็นโบสถ์ทรงจตุมุขหลังแรกและหลังเดียวในเมืองไทย(ไม่นับโบสถ์วัดภูมินทร์ที่เมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ เพราะเป็นการจำลองแบบมา)

     อนึ่งคนเก่าคนแก่ได้เล่าว่าวัดแห่งนี้ เดิมชื่อ“วัดพรหมมินทร์” ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นการตั้งชื่อให้สอดคล้องกับเจ้าเจตบุตรพรหมผู้สร้างวัด แต่หลังจากนั้นชื่อวัดก็เพี้ยนเปลี่ยนไปตามคำเรียกขานแบบไทยๆเป็น“วัดภูมินทร์” มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่ง ณ วันนี้ยังหาสาเหตุแห่งความเพี้ยนของชื่อวัดไม่ได้

     ด้วยความเป็นเอกอุของโบสถ์หลังนี้ ทำให้รัฐบาลไทยเคยตีพิมพ์ภาพโบสถ์วัดภูมินทร์ลงในธนบัตรไทยใบละ 1 บาท ในสมัยรัชกาลที่ 8 ในปี พ.ศ. 2485 อีกด้วย

     นอกจากนี้หากพินิจพิเคราะห์ดูดีๆจะเห็นว่าวัดภูมินทร์มีความเกี่ยวข้องกับเลข 4 อยู่หลายประการด้วยกัน(นี่เป็นการข้อสังเกตเล่นๆของผมที่นึกได้แบบฉับพลันในทันทีที่ไปเดินชมวัดภูมินทร์หนล่าสุด หาได้เป็นข้อความเชิงวิชาการแต่อย่างใดไม่)

     เริ่มด้วยโบสถ์ที่มี 4 มุข 4 ทิศ เข้าได้ทั้ง 4 ด้าน จาก 4 ประตู ซึ่งเป็นบานประตูที่ทำจากไม้แกะสลักศิลปะล้านนาลงรักปิดทอง แต่ละบานดูงดงามไปด้วยลวดลายเถาวัลย์และสัตว์เล็กสัตว์น้อยต่างๆ เช่น กระรอก นก จักจั่น เป็นต้น

ความเกี่ยวข้องกับเลข 4 ลำดับต่อมาคือ วัดภูมินทร์ มีงานพุทธศิลป์ในระดับสุดยอดของเมืองไทยอยู่ 4 อย่างด้วยกัน นั่นก็คือ โบสถ์ทรงจตุรมุขและพญานาคทรงพลังตามที่กล่าวมาข้างต้น



     ส่วนอีก 2 อย่าง คืองานจิตรกรรมฝาผนังพื้นบ้านล้านนาอันขึ้นชื่อลือชา ไม่ว่าจะเป็นภาพคันธกุมารชาดก ภาพเปรตทรมาน ภาพวิถีชีวิตชาวไทลื้อ ภาพบุคคลขนาดเท่าตัวจริง ภาพกระซิบบันลือโลก ภาพโมนาลิซ่าสยาม ฯลฯ (เอาไว้มีโอกาสเหมาะๆผมจะเขียนถึงภาพจิตกรรมฝาผนังสุดคลาสสิคของวัดภูมินทร์แบบลงในรายละเอียดกันอีกที) และสุดท้ายก็คือองค์พระประธานที่สวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์จนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ยกให้เป็นหนึ่งในพระพุทธรูปอันซีนไทยแลนด์(2)เลยทีเดียว

     สำหรับความพิเศษของพระประธานวัดภูมินทร์ นอกจากความงดงาม ขรึมขลัง สมส่วน ลงตัว สมกับเป็นพระพุทธรูปอันซีนไทยแลนด์(2) แล้วพระประธานวัดภูมินทร์ยังมีความเกี่ยวข้องกับเลข 4 ที่แฝงไว้ด้วยปริศนาธรรมให้ตีความขบคิดกันอีกด้วย

     อย่างแรกที่เห็นได้ชัดก็คือ พระประธานองค์นี้เป็นพระประธานจตุรทิศ ปางมารวิชัยศิลปะสุโขทัยองค์ใหญ่สีทองเหลืองอร่าม 4 องค์ประทับฐานชุกชีหนึ่งเดียวกัน ณ แกนกลางโบสถ์ แต่หันพระปฤษฎางค์ชนกัน(หันหลังชนกัน) หันพระพักตร์ไปทางทิศทั้ง 4

     พระประธานจตุรทิศองค์นี้ กระแสหนึ่งสันนิษฐานว่าสื่อถึงพระพุทธเจ้า 4 พระองค์คือ พระเจ้ากกุสันโธ โกนาคม กัสสปะ และโคตมะ

ส่วนอีกกระแสหนึ่งสันนิษฐานว่า พระประธานจตุรทิศ น่าจะเป็นพระพรหม 4 หน้า ที่เป็นปริศนาธรรมสื่อถึง พรหมวิหาร 4 อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ตามหลักศาสนาพุทธ เพราะลักษณะของพระประธานนั้น หันพระพักตร์ไปทั้ง 4 ทิศ แบบพระพรหม 4 หน้า ซึ่งมีความสอดคล้องกับนามของผู้สร้างวัดภูมินทร์อีกด้วย

     ครับ และนั่นเป็นข้อสันนิษฐาน 2 กระแส ที่ต่างก็มีเหตุผลให้เชื่อถือแตกต่างกันออกไป

เรื่องนี้ใครจะเชื่อกระแสไหนก็สุดแท้แต่ ส่วนผมเมื่อได้เข้ามาเที่ยวชมในโบสถ์วัดภูมินทร์แห่งนี้ ผมเชื่อทันทีเลยว่าพระประธานองค์นี้ดูงดงามตามแบบศิลปะสุโขทัย แถมยังดูแตกต่างจากพระพุทธรูปทั่วไป

     ส่วนที่ไม่น่าเชื่อก็คือ ขณะที่ผมกำลังก้มลงกราบท่านและปิดทองบนองค์พระประธานจำลองที่ด้านหนึ่ง พอแหงนหน้าขึ้นมามองพระพักตร์ ผมมีความรู้สึกว่าท่านกำลังยิ้มมุมปากเล็กน้อยให้

อา..นี่เป็นเรื่องจริงหรืออุปปาทาน เพื่อความแน่ใจผมจึงเดินไปถามไกด์เยาวชนตัวน้อยที่คอยทำหน้าที่อธิบายสิ่งต่างๆในวัดภูมินทร์ว่า

“น้องเคยเห็นพระที่นี่ยิ้มหรือเปล่า”

“มีครับ พระประธานที่นี่มีหน้ายิ้มอยู่ 2 ด้าน”

ว่าแล้วไกด์ตัวน้อยคนนั้นก็พาผมไปดูพระ(หน้า)ยิ้มทั้ง 2 ด้าน

     ในนั้นผมไม่รู้ว่าทิศไหนเป็นทิศไหน รู้แต่ว่าใบหน้า(พระพักตร์)ที่ดูแฝงรอยยิ้มนั้น หน้าหนึ่งอยู่ฝั่งองค์พระประธานจำลอง ส่วนอีกหน้าหนึ่งอยู่ฝั่งบุษบกทรงสวยงาม ซึ่งการสร้างรอยยิ้มแฝงไว้ในพระพักตร์ของพระพุทธรูปนั้นถือเป็นศิลปะแบบสุโขทัย เพราะฉะนั้นการที่ผมเห็นพระประธานวัดภูมินทร์ยิ้มจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

แต่ที่แปลกก็คือ คำถามที่ไกด์น้อยเอ่ยถามผมว่า

“แปลกนะที่พี่สังเกตเห็นพระยิ้ม ปกติคนมาเที่ยวที่นี่เขาไม่ค่อยสนใจสังเกตกันเท่าไหร่”

     งานนี้ผมได้แต่เพียงยิ้มตอบน้องเขาไป พร้อมเกิดความรู้สึกงงๆตัวเองอยู่เหมือนกันว่า บังเอิญเหลือบไปเห็นพระยิ้มได้ยังไง

แต่เมื่อมาคิดอีกที ที่เรามองเห็น“พระยิ้ม” คงเกิดจากอาการ“ใจยิ้ม”ของเรานั่นเอง


H O M E



Create Date : 04 มิถุนายน 2551
Last Update : 22 กรกฎาคม 2551 21:13:18 น. 0 comments
Counter : 1326 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.