Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
28 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
สงกรานต์สยาม: วัฒนธรรมไทยแท้???



สงกรานต์สยาม: วัฒนธรรมไทยแท้???

เทศกาลรดน้ำ เล่นน้ำ สาดน้ำ ปะแป้ง ที่บางคนรอคอยวนมาถึงอีกรอบปี ความเย็นชุ่ม ชื่นฉ่ำ และบรรยากาศความสุขของการได้หยุดยาว การได้พบหน้ากันของคนรัก การได้เจอพ่อแม่ญาติพี่น้องที่ปีหนึ่งมีไม่กี่โอกาสจะสามารถเจอกันได้สักครั้ง เพียงไม่กี่วันแต่อย่างน้อยก็น่าจะทำให้ความเครียดต่างๆที่สะสมโดยเฉพาะทางจิตใจบางเบาลงได้

ที่แน่ๆ คือ แม้แต่อุณหภูมิการเมืองที่ระอุกว่าเปลวแดดในช่วงที่ผ่านมายังลดลงอย่างเห็นชัด..พักรบกันรอบหนึ่ง จึงค่อยได้หายใจหายคอกันบ้าง

'สงกรานต์' จึงนับว่ามีความหมายบางประการต่อสังคมไทยไม่น้อย 'ประชาไท' เลยอยากชวนผู้อ่านย้อนทวนกลับไปหาตัวตนและความหมายของ 'สงกรานต์' เนื่องในฤกษ์มงคลที่มาถึงนี้ ผ่านเอกสารทางวิชาการ 2 ชิ้นได้แก่ เอกสารวิชาการกรุงเทพศึกษา เรื่อง 'สงกรานต์ : ขึ้นฤดูกาลใหม่ (ปีใหม่ของพราหมณ์สุวรรณภูมิ)' มีสุจิตต์ วงษ์เทศ เป็นบรรณาธิการ ส่วนอีกชิ้นหนึ่งเป็นเอกสารจากภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เรื่อง 'เดือนอ้าย : ขึ้นปีใหม่ของไทยสยาม ชักว่าว ขอลม ไล่น้ำ ในอุษาคเนย์'

ที่ผ่านมาประเทศไทยเชื่อกันว่า วันสงกรานต์เป็นวันปีใหม่ของไทยเท่านั้น และมีสืบเนื่องมานานตั้งแต่โบราณ ปัจจุบันทางราชการให้ความสำคัญสูงจึงประกาศเป็นวันหยุดราชการตายตัวทุกวันที่ 13-15 เมษายน (ซึ่งอาจไม่ตรงกับวันสงกรานต์จริง) และวันสงกรานต์จริงๆ อาจไม่ใช่ 'ของไทย'

'เดือน 5' สงกรานต์จากอินเดียสู่สุวรรณภูมิ

ปกติแล้วการมาถึงของสงกรานต์จะถูกกำหนดตามการคำนวณโดยหลักเกณฑ์ในคัมภีร์สุริยยาตร์ มี 3 วัน วันแรกของเทศกาล เป็นวันที่พระอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีเมษ (ย้ายจากราศีมีนไปราศีเมษ) เรียกว่า 'วันมหาสงกรานต์' วันถัดมาเรียกว่า 'วันเนา' และวันสุดท้ายซึ่งเป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชและเริ่มใช้กาลโยคประจำปีใหม่ เรียกว่า 'วันเถลิงศก' จากหลักการข้างต้นนี้ เทศกาลสงกรานต์มักตรงกับวันที่ 14-16 เมษายน ในปฏิทินปัจจุบัน (ยกเว้นบางปี เช่น พ.ศ. 2551 และ พ.ศ. 2555 ที่สงกรานต์กลับมาตรงกับวันที่ 13-15 เมษายน)

ในช่วงนี้ รัฐต่างๆ ในสุวรรณภูมิที่นับถือพุทธศาสนาล้วนมีประเพณีสงกรานต์เหมือนกัน และถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ด้วย เช่น ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนาม หรือแม้แต่มณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกา รวมไปถึงทางตะวันออกของประเทศอินเดียด้วย

บทความของปรานี วงษ์เทศ เรื่องเดือนห้า ในเอกสารกรุงเทพศึกษา (ส่วนหนึ่งของหนังสือ ประเพณี 12 เดือน ในประวัติศาสตร์สังคมวัฒนธรรมเพื่อความอยู่รอดของคน) ระบุว่า ที่เป็นเช่นนั้น เพราะสงกรานต์เป็นคติพราหมณ์ ในศาสนาฮินดูของอินเดีย ซึ่งเข้ามาเผยแพร่ในราชสำนักของดินแดนต่างๆในสุวรรณภูมิตั้งแต่ยุคต้นพุทธกาล หลังจากนั้นแพร่กระจายไปทั่วถึงบ้านเมืองที่อยู่ในผืนแผ่นดินใหญ่ที่นับถือศาสนาฮินดู-พุทธ แล้วเรียก 'สงกรานต์' แต่ทั่วไปบางทีเรียก 'ตรุษสงกรานต์'

ตรุษ มีรากมาจากภาษาสันสกฤตว่า ตฺรุฏ หมายถึง ตัด

สงกรานต์ มีรากจากภาษาสันสกฤตว่า สงฺกฺรานฺติ หมายถึง คติหรือการจากไปของดวงอาทิตย์หรือพระเคราะห์ดวงอื่นจากราศีหนึ่ง

รวมความแล้ว ตรุษสงกรานต์ หมายถึง พระอาทิตย์ละทิ้งหรือตัดขาดราศีเก่าย่างสู่ราศีใหม่ ปรากฎการณ์เช่นนี้มีประจำทุกเดือน มีชื่อเรียกว่า 'สงกรานต์เดือน' ฉะนั้นปีหนึ่งจึงมีตรุษสงกรานต์ 12 ครั้ง แต่ครั้งที่สำคัญที่สุดคือเมื่อดวงอาทิตย์ย้ายจากราศีมีน (มีนาคม) เข้าสู่ราศีเมษ (เมษายน) ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ในคติฮินดู จึงเรียกชื่อเป็นพิเศษว่า 'มหาสงกรานต์'

ในดินแดนสยาม ปรากฏหลักฐานการจัดงานประเพณีใหญ่ในช่วงนี้ เช่น พระราชพิธีปัดเสนียดจัญไรขับไล่สิ่งไม่ดีเพื่อความมั่นคงของราชอาณาจักร มีหลักฐานในเอกสารโบราณ เช่น กฎมณเฑียรบาล ทวาทศมาส หรือนิราศธารโศกของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์

ส่วนพิธีการสำคัญในช่วงนี้เกี่ยวกับความมั่นคง ได้แก่ พิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาหรือดื่มน้ำสาบานจะไม่คิดคดต่อกษัตริย์ มีการแต่งโองการแช่งน้ำให้พราหมณ์เป็นผู้อ่านต่อหน้าเทวรูป พระพุทธรูป อันเป็นที่เคารพสูงสุด ตรงนี้เป็นเหตุให้พราหมณ์ฮินดูผสมกลมกลืนกับพุทธ ต่อมาส่งแบบแผนสู่ชุมชนหมู่บ้านทำให้มีการสรงน้ำพระพุทธรูปและพระสงฆ์ ตลอดจนมีประเพณีและการละเล่นในวัดสืบจนทุกวันนี้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดียวกันสำหรับราษฎรแล้ว พิธีการและประเพณีที่แสดงออกกลับแตกต่างออกไป

'เดือนอ้าย' ขึ้นปีใหม่คนสุวรรณภูมิ

ในเอกสารของภารมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบุว่า เมื่อราว 3,000 มาแล้ว คนในสุวรรณภูมิ 'ทำนาทางฟ้า' คือ นาน้ำฝนที่ต้องพึ่งพาธรรมชาติเป็นสำคัญ และมนุษย์ก็ให้ความสำคัญกับ 'ข้าว' ในขณะที่การทำนาสามารถทำได้เพียงปีละครั้ง สำนึกในวัฒนธรรมจึงเกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยวในแต่ละรอบปี ในสุวรรณภูมิเองชุมชนต่างๆ มีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติใกล้เคียงกัน และได้รับอิทธิพลทาง 'มรสุม' เหมือนกัน ระยะเริ่มต้นในการเก็บเกี่ยวจึงไปในทางเดียวกัน นั่นคือวันขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย เป็น วันใหม่ เดือนใหม่ และปีใหม่

อ้าย ในภาษาไทย แปลว่า หนึ่ง ส่วน เดือน เป็นคำเรียก ดวงจันทร์ คนยุคเริ่มแรกเรียนรู้จากประสบการณ์ที่สังเกตความเคลื่อนไหวหรือการโคจรของดวงเดือนหรือดวงจันทร์ว่าสำคัญ เพราะเป็นเหตุให้มีน้ำขึ้น–น้ำลง ซึ่งเกื้อกูลการกสิกรรม และความเปลี่ยนแปลงของดวงจันทร์จะมีรอบจากมืดไปสว่าง จากสว่างไปมืด ซึ่งก็คือข้างขึ้น ข้างแรม หรือ เดือนขึ้น เดือนแรม นับการสลับเปลี่ยนรวมกันจะได้ราว 30 วัน หรือ 31 วัน เป็นการนับเวลาแบบ 'จันทรคติ' (คติที่มีดวงจันทร์เป็นแกนกลาง)

การพึ่งพาธรรมชาติ และการให้ความสำคัญกับข้าว จึงกำหนดรูปแบบกิจกรรมและวัฒนธรรม โดยถือเอาวันขึ้น 1 ค่ำเดือนอ้าย หรือประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน ต่อต้นเดือนธันวาคม เป็นวันปีใหม่

พิธีกรรมช่วงดังกล่าวมีทั้งขอขมาลาโทษแม่น้ำลำคลองและธรรมชาติที่เกื้อกูลการเกษตร เมื่อถึงเดือน 12 คือ 'ประเพณีลอยกระทง' ตรงกับสำนึกปัจจุบันว่า 'ส่งท้ายปีเก่า' ซึ่งต่อเนื่องถึง 'เดือนอ้าย' เพื่อต้อนรับปีใหม่ด้วย

บันทึกชาวยุโรปสมัยสมเด็จพระนารายณ์ มีกลอนเพลงร้องเล่นแต่โบราณบทหนึ่งว่า

ไเดือนสิบเอ็ดน้ำนอง เดือนสิบสองน้ำทรง

เดือนอ้ายเดือนยี่ น้ำก็รี่ไหลลง"


กลอนเพลงบทนี้สะท้อนให้เห็นปรากฏการณ์ธรรมชาติว่า เมื่อถึงเดือนอ้าย น้ำต้องลดเองเป็นปกติ แต่ก็มีพิธีกรรมย้ำเตือนให้น้ำลด เพราะถ้าน้ำไม่ลด ชาวนาจะเก็บเกี่ยวไม่ได้ และอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ข้าวในนา

ด้วยเหตุนี้คนยุคดึกดำบรรพ์เมื่อราว 3,000 ปีมาแล้ว จึงสร้างการละเล่นศักดิ์สิทธิ์เพื่อแสดงความอ่อนน้อมด้วยการวิงวอนร้องขอธรรมชาติให้ช่วยอุ้มชูเกื้อหนุน เช่น ลอยกระทง พิธีไล่เรือฟันน้ำ พิธีชักว่าวขอลมให้ช่วยพัดไล่น้ำ เพื่อให้ชาวนาเก็บเกี่ยวได้ตามปกติ

'สงกรานต์' ของราษฎร์

พื้นฐานทางวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนในสุวรรณภูมิเกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยวหรือการทำกสิกรรมที่อิงกับสภาวะธรรมชาติ ทั้งพื้นที่ ลม และน้ำ ในขณะที่ 'สงกรานต์' เป็นประเพณีและพิธีกรรมที่รับอิทธิพลมาจากอินเดียโดยผ่านมาทางราชสำนักเป็นสำคัญ ทำให้แม้จะเป็นวัน เวลาเดียวกัน ประเพณีและพิธีกรรมของชาวบ้านจะยังแสดงออกมาเป็นของตัวเอง

เดือนห้าเป็นช่วงหลังเก็บเกี่ยว ชาวนามีอาหารกักตุนแล้ว จึงสามารถทำกิจกรรมทั้งส่วนตัวและส่วนรวมได้ เช่น ทำพิธีศพที่เก็บศพไว้ก่อน การเลี้ยงผีบรรพบุรุษ ตลอดจนการซ่อมแซมเครื่องมือ

ในพิธีกรรมการเลี้ยงผีต้องทำกันทั้งชุมชน ต้องมีการละเล่นที่ทุกคนร่วมกันเล่น เครื่องมือสื่อสารในการละเล่นที่สำคัญคือ 'ดนตรี' และ 'เหล้า' เพื่อหลอมละลายพฤติกรรมของทุกคนในชุมชนให้อยู่ในบรรยากาศและจินตนาการอย่างเดียวกัน

ส่วน 'น้ำ' ใช้ทำความสะอาดเรือนและเครื่องมือทำมาหากินที่ต้องชำระสะสางในพิธีเลี้ยงผี ด้วยการ รด ล้าง สาด นอกจากนี้ยังใช้อาบให้บรรพบุรุษที่ตายไปแล้วแต่มีกระดูกหรืออัฐิไว้บูชาเซ่นไหว้ตามประเพณีดึกดำบรรพ์ของภูมิภาคนี้ที่เรียกว่า 'ฝังศพครั้งที่สอง' รวมทั้งอาบให้บรรพบุรุษที่ยังมีชีวิต

หลังพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์จากพราหมณ์อินเดียผ่านพุทธศาสนาลงสู่ชาวบ้านเมื่อราชสำนักรับพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์มาไว้ ชาวบ้านเองก็ยังยึดปฏิบัติประเพณีเลี้ยงผีไว้ในช่วงเดียวกันด้วยอยู่ ต่อมา พิธีกรรมเหล่านี้กลายมาเป็นบังสกุล และการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ที่ทำกันในปัจจุบันในวันสงกรานต์ หรือกลายเป็นประเพณีในปัจจุบัน

'ปีใหม่' สู่ 'สากล'

พ.ศ. 2432 ตรงกับในสมัยรัชกาลที่ 5 ยังนับปีใหม่ตามระบบอินเดีย จน พ.ศ. 2432 เผอิญวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ตรงกับวันที่ 1 เมษายน และทรงเห็นความยุ่งยากจากการนับวันที่ไม่ตรงกันทุกปี จึงได้โปรดเกล้าให้ประกาศพระบรมราชโองการใช้วันที่ 1 เมษายน ของทุกปีเป็นวันปีใหม่ตั้งแต่นั้นมา

จนกระทั่ง พ.ศ. 2484 รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ยกเลิกวันปีใหม่เดิมและประกาศให้ใช้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันปีใหม่ เป็นครั้งแรกตามอย่างสากล และใช้มาจนถึงทุกวันนี้

สำหรับ 'วันสงกรานต์' ในปัจจุบัน ถูกปัดฝุ่นกลับมาชูความหมายว่าเป็นปีใหม่ของ 'ไทยแท้' ถูกนำเสนอผ่านทางการศึกษาและการท่องเที่ยวจนกลายเป็นความภาคภูมิใจที่ดูถูก 'ผี' หลงลืม 'วิถีบรรพบุรุษ' กีดกันความเป็นอื่น แม้แต่ 'พราหมณ์อินเดีย' ผู้นำวัฒนธรรมภายนอกมาสรรรค์ประสานก็หายไปจากการพูดถึงในสังคมสงกรานต์ไทย ขณะที่สงกรานต์ในฐานะประเพณีร่วมกันของชุมชนต่างๆของสุวรรณภูมิก็ถูกผูกขาดในการแสดงความเป็นเจ้าของประเพณี

นอกจากนี้ ประเพณีสงกรานต์ที่เคยมีความสำคัญในฐานะพิธีกรรมอันมีนัยยะหลากมิติไม่ว่าในระดับบนอย่างราชสำนัก หรือระดับล่างอย่างราษฎร แต่ชีวิตสมัยใหม่ของสังคมไทยอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมโลก ได้ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายของคนเข้าสู่เมืองใหญ่ ปัจจุบัน วันสงกรานต์ จึงได้กลายสถานะเป็นเพียง 'วันกลับบ้าน' ที่มีเวลาให้คว้าไว้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น

แต่สำหรับด้านการท่องเที่ยว 'วันสงกรานต์' ถูกประดิษฐ์และสร้างความหมายใหม่ โดยการทำให้เป็น 'Water Festival' ซึ่งได้ทอนพลังทางวัฒนธรรมที่เคยมีให้เหลือเพียงการใช้น้ำเพื่อสาด สนุก คลายร้อน และมีไว้ขายไปแล้ว


เรียบเรียงจาก

เอกสารวิชาการกรุงเทพศึกษา . 'สงกรานต์ : ขึ้นฤดูกาลใหม่ (ปีใหม่ของพราหมณ์สุวรรณภูมิ).นนทบุรี : มติชนปากเกร็ด,2550.
เอกสารจากภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร. 'เดือนอ้าย : ขึ้นปีใหม่ของไทยสยาม ชักว่าว ขอลม ไล่น้ำ ในอุษาคเนย์'.กรุงเทพ: สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ, 2547.
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.สงกรานต์

-----------------------------------------------------------------------------
โดย : ประชาไท วันที่ : 13/4/2551


H O M E





Create Date : 28 เมษายน 2551
Last Update : 22 กรกฎาคม 2551 21:24:51 น. 0 comments
Counter : 1608 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.