Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
15 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
มารู้จัก..วัดปทุมวนาราม


คอลัมน์ คนเดินตรอก

โดย วีรพงษ์ รามางกูร

*เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม 2553 ที่ผ่านมา ศิษย์เก่าโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยรุ่นรถโบก ร่วมกับครูในสมัย 50 ปีก่อน ได้ไปร่วมทำบุญประจำปีที่วัดปทุมวนาราม เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน รุ่นพี่และรุ่นน้อง รวมถึงอุทิศส่วนกุศลให้กับคุณครูทิม ผลภาค ครูใหญ่ และคุณครูอื่น ๆ ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว

ที่เรียกว่า "รุ่นรถโบก" ก็เพราะมีการแยกนักเรียนชายจากโรงเรียนศรีอยุธยาที่ถนนศรีอยุธยา อำเภอพญาไท ไปตั้งโรงเรียนใหม่ เรียกว่าโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2497 รุ่นแรกที่ไปก็คือย้ายนักเรียนตั้งแต่มัธยมปีที่ 2 ถึงปีที่ 6 และรับนักเรียนใหม่คือมัธยมปีที่ 1 เมื่อย้ายไปอยู่ที่ใหม่จึงมีนักเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมปีที่ 1 ถึงมัธยมปีที่ 6 ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คือนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ 5 ถึงมัธยมปีที่ 4 ขณะนั้นโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยยังไม่มีการเรียนการสอนขั้นเตรียมอุดมหรือ มัธยมปีที่ 5 และ 6 แบบสมัยนี้ ที่เลือกไปทำบุญที่วัดปทุมวนารามนั้นเพราะมีเพื่อนร่วมสมัยไปบวชมากว่า 40 ปีแล้ว เดี๋ยวนี้เป็นพระครูสมุห์ธีระ ชื่อเดิมคือพระธีระ แก้วศรีปราชญ์ อยู่ที่วัดนี้

โรงเรียนสามเสนวิทยาลัยซึ่งตั้งอยู่บนถนนพระรามที่ 6 ริมคลองประปาสามเสน เลยโรงกรองน้ำประปาสามเสน ตั้งอยู่ติดกับสามแยกที่ถนนนครไชยศรีมาบรรจบกับถนนพระรามที่ 6 เป็นที่ที่คลองประปาซึ่งเป็นคลองที่ชักน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัด ปทุมธานี มาบรรจบกับคลองสามเสนพอดี

ตำบลสามเสนนี้ ท่านสุนทรภู่จินตกวีของเราได้เล่าไว้ในนิราศพระบาท ว่าดังนี้

"ถึงสามเสนแจ้งนามตามสำเหนียก เมื่อแรกเรียกสามแสนทั้งกรุงศรี

ประชุมฉุดพุทธรูปในวารี ไม่เคลื่อนที่ชลธารบาดาลดิน

จึงสาปนามสามแสนเป็นชื่อคุ้ง เออชาวกรุงกลับเรียกสามเสนสิ้น

นี่หรือรักจะมิน่าเป็นราคิน แต่ชื่อดินเจียวยังกลายเป็นหลายคำ

ขอใจนุชที่ฉันสุจริตรัก ให้แน่นหนักเหมือนพุทธรูปเลขาขำ

ถึงแสนคนจะมาวอนชะอ้อนนำ สักแสนคำอย่าให้เคลื่อนจงเหมือนใจฯ"

ชื่อโรงเรียนก็ตั้งตามชื่อตำบล เมื่อพวกเราย้ายมาอยู่ที่โรงเรียนสามเสน ซึ่งสมัยนั้นพื้นที่ยังเป็นตัวท้องร่องสวนผัก ถนนหนทางเป็นโคลนตม ไม่มีรถเมล์วิ่งผ่านเลยแม้แต่สายเดียว มีรถเมล์ศรีนคร สีเขียว สายเดียว เลี้ยวมาจากสี่แยกตึกชัยแล้วก็เลี้ยวไปตามถนนนครไชยศรี ไม่ผ่านหน้าโรงเรียน

พวกเราจะเดินก็ไกล ยิ่งตอนฝนตกถนนพระรามที่ 6 แม้จะลาดยางแล้ว ไหล่ถนน ก็เป็นโคลนตมเฉอะแฉะ ถ้าจะเดินก็ต้องถอดรองเท้าถุงเท้าห้อยคอ แล้ว ค่อยมาล้างเท้าที่โรงเรียน ใส่ถุงเท้ารองเท้าใหม่

ขณะนั้นบริษัท เดอ เกรมองต์ ของฝรั่งเศส เป็นผู้รับสัมปทานวางท่อน้ำประปาขนาดใหญ่ บริษัทได้เอาท่อเหล็กขนาดใหญ่มาวางไว้ข้างถนน พอฝนตก พวกเราก็ได้พลอยอาศัยมุดเข้าไปหลบฝนอยู่ในท่อที่วางไว้ยังไม่ได้ฝัง หลบฝน พวกเราก็กลายเป็นมนุษย์ท่อไปชั่วขณะ เพื่อนฝูงที่พ่อแม่จะมารับมาส่งอย่างสมัยนี้ไม่มี ครูบาอาจารย์ก็ไม่มีรถเก๋งนั่ง ต้องเดินทางมาโรงเรียนแบบเดียวกับนักเรียน แต่ครูใหญ่ท่านมีบ้านพักในโรงเรียน ครูน้อยบางท่านก็มีบ้านพักในโรงเรียน

รถยนต์ที่ผ่านมาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถกระบะ คนขับคงจะนึกสงสารเด็กนักเรียน จึงหยุดรับไปส่งที่หน้าโรงเรียน ตอนเย็นก็หยุดรับไปส่งที่สามแยกนครไชยศรีบ้าง สี่แยกตึกชัยบ้าง

นักเรียนพอเห็นคนใจดีก็เลยโบกรถที่ผ่านไปมาอาศัยขึ้นไปลงหน้าโรงเรียน และรับจากหน้าโรงเรียนไปลงที่สี่แยกตึกชัย จนถึงปี 2500 จึงมีรถเมล์ศรีนครสายสนามหลวง-ปฏิพัทธ ผ่าน พวกเราจึงค่อยสบาย ไม่ต้องคอยยืนโบกรถไปมาเหมือนอย่างเคย

นักเรียนรุ่นที่ไปอยู่โรงเรียนสามเสน ตั้งแต่ปี 2497 ถึงปี 2500 จึงขนานนามตัวเองว่าเป็นรุ่น "รถโบก"

เมื่อเข้าไปวัดปทุมวนารามทีไร ก็ทำให้นึกถึงความหลังครั้งยังเป็นเด็กที่ต้องย้ายโรงเรียนเมื่อจบชั้นประถมปีที่ 4 ที่โรงเรียนเทศบาลบำรุงวิทยา จังหวัดนครพนม เดี๋ยวนี้มีชื่อใหม่ว่า โรงเรียนสุนทรวิจิตร มาพักอยู่ที่บ้านพักตำรวจสันติบาลในบริเวณกรมตำรวจ ตรงกันข้ามกับวัดปทุมวนาราม ชีวิตจึงผูกพันกับเพื่อน ๆ ในบริเวณกรมตำรวจ กับเพื่อน ๆ ที่เป็นเด็กวัดปทุมวนาราม อย่างแนบแน่นจนทุกวันนี้

ตอนนั้นเด็ก ๆ ยังเข้าวัด วันสำคัญก็ยังไปเวียนเทียน สวดมนต์ฟังเทศน์ พวกเราจึงจำพุทธประวัติได้เป็นอย่างดี เพราะพระจะเทศน์ถึงประวัติของวันสำคัญทางพุทธศาสนาทุกปี เช่น วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา วันมาฆบูชา ให้เข้าใจความหมายและความเป็นมาตามพุทธประวัติ

สมัยนั้นจะไปไหนมาไหน ถ้าไปไม่ไกลก็ไปรถรางสายประตูน้ำ-ยศเส หรือไม่ก็สายประตูน้ำ-บางรัก ซึ่งผ่านสี่แยกราชประสงค์ บางทีก็เดินจากกรมตำรวจ ถนนพระรามที่ 1 ผ่านวัดปทุมวนาราม ผ่าน "ชุมชนแออัดหลังวัด" เพราะเป็นที่ของวังสระปทุมกับวังเพชรบูรณ์

พวกเราไม่เคยเรียกชื่อวัดนี้ว่า วัดปทุมวนาราม เรียกแต่ชื่อเดิมคือ วัดสระปทุม สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อปี 2409 คู่กับวัดสระบัว ที่เชิงสะพานยศเส หรือสะพานกษัตริย์ศึก ข้ามทางรถไฟ วัดนี้จึงเป็นวัดของฝ่ายธรรมยุต นัยว่าสมัยนั้นยังเป็นป่าและมีสระบัวใหญ่ วัดนี้เมื่อแรกสร้างจึงเป็น "วัดป่า" มุ่งไปทางปฏิบัติมากกว่าปริยัติ

วัดนี้จึงเป็นพระอารามหลวง มาตั้งแต่เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้าง ต่อมาจึงได้ย้ายพระพุทธรูปจากเวียงจันทน์ชื่อ พระเสิม จากวัดส้มเกลี้ยง หรือ วัดราชผาติการาม มาประดิษฐานที่พระวิหาร ความสำคัญของพระเสิมได้เคยเล่าไว้แล้วในฉบับก่อน

ส่วนพระประธานในโบสถ์ชื่อว่าพระสาย ยังไม่ได้สืบถามดูว่ามีประวัติ ความเป็นมาอย่างไร บางคนก็ว่าเป็นคำที่กร่อนมาจากพระใส หนึ่งในสามพระพุทธรูปที่ทรงสร้างโดย พระราชธิดาของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ผู้ครองอาณาจักรล้านนาที่เชียงใหม่ และอาณาจักรล้านช้างที่หลวงพระบางทรงย้ายจากเชียงใหม่มาหลวงพระบาง ต่อมาก็ทรงย้ายมาสร้างเมืองเวียงจันทน์ ประทับอยู่ที่นั้นโดยนำพระแก้วมรกตมาด้วย เหตุเพราะทรงหนีพม่าพระเจ้าบุเรงนอง

ที่เล่ากันว่ากร่อนมาจากคำว่าใส เพราะพระใสเมื่อข้ามแม่น้ำโขงมาถึงเมืองหนองคาย หลวงพ่อพระใสท่านไม่ยอมมากรุงเทพฯ หามกันขึ้นเกวียน เกวียนก็หัก เปลี่ยนเกวียนใหม่ก็หักอีกถึง 3 ครั้ง จึงโปรดให้ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย หนองคาย แล้วจึงมาสร้างจำลองพระใสขึ้นที่กรุงเทพฯ เลยเรียกว่าพระสาย ทำนองเดียวกับพระพุทธชินราชจำลองที่วัดเบญจมบพิตร เท็จจริงเป็นอย่างไรยังไม่ได้ตรวจสอบ ฟังเพื่อนลูกศิษย์วัดเล่าให้ฟังนานแล้วอาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะฟังดูแล้วไม่น่าจะจริง เชิญตรวจสอบเอาเองเถิด เพราะวัดสร้างมาแค่ 150 ปีนี้เอง

แต่ก่อนพอทำบุญฟังพระสวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทพาหุงแล้วทอดผ้าบังสุกุลให้กับครูและเพื่อนรุ่น "รถโบก" เสร็จแล้วก็พากันแยกย้ายกันกลับบ้าน

แต่คราวนี้ได้เดินเล่นชมไปทั่ววัด เห็นแล้วก็อนิจจังเพราะวัดเจริญขึ้นมาก ทั้งอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปหมด

วัดปทุมวนารามเมื่อก่อนอยู่กลางชุมชนแออัด บัดนี้ชุมชนแออัดไม่มีแล้ว รถรางนั้นจอมพลสฤษดิ์ท่านสั่งเลิกไปตั้งแต่ปี 2502 หลังจากที่ท่านทำรัฐประหารครั้งที่ 2

บัดนี้ วัดสระปทุม หรือวัดปทุมวนาราม อยู่ท่ามกลางความเจริญสูงสุดของประเทศไทย คืออยู่ระหว่างศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์กับศูนย์การค้าสยามพารากอน

โรงเรียนวัดปทุมวนาราม เมื่อก่อนมีแค่ชั้นประถมปีที่ 1 ถึงปีที่ 4 เป็นอาคารเรือนไม้อยู่ติดกับรั้วด้านหน้าวัด เดี๋ยวนี้ เป็นอาคารใหญ่ 4-5 ชั้น ย้ายไปอยู่ทางหลังวัดติดกับศูนย์การค้า คลองอรชรไหลผ่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปออกคลองแสนแสบกั้นระหว่างวัดกับวัง สระปทุม เมื่อก่อนมีเรือขายถ่านขายฟืนถ่อผ่าน คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ไปออกคลองสาทร ก็มองไม่เห็นเสียแล้ว แต่ที่ยังเหมือนเดิมก็คือ โบสถ์ วิหาร พระเจดีย์ และพระภิกษุ เกือบทั้งหมดมีพื้นเพเป็นชาวอีสานมาบวชเรียนที่กรุงเทพฯ

วัดสระปทุม หรือวัดปทุมวนาราม บัดนี้จึงเป็นวัดที่พระและเด็กวัดเกือบทั้งหมดเป็นชาวอีสาน แต่อยู่ท่ามกลางตึกสูงระฟ้าไปโดยรอบ เหมือนกับเห็นโบสถ์ วิหาร และพระเจดีย์ อยู่ท่ามกลางแท่งคอนกรีต เหมือนกับมีวัดที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบไทย ไปตั้งอยู่บนใจกลางของ เกาะแมนฮัตตัน หรือกรุงโตเกียว หรือนครเซี่ยงไฮ้ มีรถไฟและทางคนเดินรวมกันเป็น 3 ชั้นผ่านหน้าวัด

แม้กระนั้นเมื่อเข้าไปในวัดจริง ๆ กลิ่นอายบรรยากาศภายในวัดก็ยังคงเป็นแบบเดิม เหมือนกับที่เคยสัมผัสมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี ที่เคยอาศัยอยู่ใกล้ ๆ กับวัดแห่งนี้ คือสงบเงียบ

วัดสระปทุม หรือวัดปทุมวนารามกลับมาเป็นข่าวไปทั่วโลกอีกครั้งหนึ่ง เมื่อมีการชุมนุมของกลุ่ม นปช. หรือกลุ่มเสื้อแดง

เมื่อดูข่าวในโทรทัศน์จึงมีความรู้สึกคุ้นเคยกับภาพโบสถ์ วิหาร เจดีย์ แต่เมื่อ ความรุนแรงเกิดขึ้นในบริเวณวัดก็เกิดความสลดใจ เพราะหลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านก็ประกาศเป็นเขตอภัยทาน จะเป็นใครก็ตามแม้แต่หมู ไก่ สุนัข ปลา หรือสัตว์น้ำ เมื่อเข้าไปอยู่ในเขตวัด หรือถูกปล่อยให้อยู่ในเขตวัดก็เป็นอันปลอดภัย ไม่ถูกจับ ไม่ถูกฆ่า เป็นอันมีชีวิตรอด

ในสมัยก่อนเมื่อมีความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นใคร เช่น ทำรัฐประหารไม่สำเร็จ หรือมีการแย่งชิงอำนาจกัน ฝ่ายแพ้เมื่อโกนหัวเข้าวัดไปบวชเป็นพระแล้วก็เป็นอันเลิกกัน จนมีคำที่เอามาล้อกันเล่นว่า "แพ้เป็นพระ ชนะเป็นรัฐบาล" เมื่อมีเหตุการณ์รุนแรงมาเกิดขึ้นในวัด โดยเฉพาะวัดสระปทุม หรือวัดปทุมวนาราม ซึ่งเป็นวัดที่เคยคุ้นเคยมาแต่เล็กแต่น้อย จึงมีความรู้สึกเศร้าสลดใจเป็นของธรรมดา

ได้แต่หวังว่าต่อไปนี้ ความสงบร่มเย็นคงจะกลับมาสู่วัดสระปทุม หรือวัดปทุมวนาราม ตามเดิมอีก

เมื่อไปทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับคุณครู และเพื่อนนักเรียนสามเสนวิทยาลัย "รุ่นรถโบก" ด้วยกัน ก็เลยถือโอกาสอธิษฐานเงียบ ๆ อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้วายชนม์ที่มาเสียชีวิตในบริเวณวัดนี้ด้วยและได้ อธิษฐานต่อไปอีกว่า ขออย่าได้มีเหตุการณ์เช่นว่านี้เกิดขึ้นอีกเลย เพราะ บ้านเมือง ครอบครัว หรือแม้แต่บุคคล แต่ละคนจะมีความสุขก็ต่อเมื่อมีความสงบทั้งกายและใจ และไม่มีความสุขใดจะเสมอได้กับความสุขอันเกิดจากความสงบทั้งกายและใจ สมกับพระพุทธภาษิตที่ว่า "นัตถิ สันติ ปรมัง สุขัง"

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

Credit : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553
Pic : พลังจิต.คอม

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E



Create Date : 15 กันยายน 2553
Last Update : 15 กันยายน 2553 11:36:44 น. 0 comments
Counter : 1595 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.