ความกลัวมาทันทีเพราะบางครั้งอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งก็เป็นอาหารทางเลือกที่บางเวลาเหนื่อยจากการทำงานแล้วก็ไม่อยากเหนื่อยที่ต้องมานั่งทำครัว ล้างครัว การจะทานอาหารนอกบ้านบางครั้งก็แพงมหาโหดเกินไปในช่วงเวลานั้นๆทางเลือกน้อยก็ต้องจำใจฝืนกินไป ฉะนั้นอาหารสำเร็จรูปก็เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่น่าจะช่วยเราได้ในกรณีแบบนี้
แต่ถ้าทำครัววันหยุดอาหารแช่แข็งบางครั้งก็ช่วยเราประหยัดได้ ไม่ต้องเสียเวลาออกไปซื้อของสดในยามที่เราเหนื่อย ยามที่รถติดเป็นแพ เอาเวลาอยู่บนถนนมาพักผ่อน มาทำอาหารก็น่าจะดีกว่าสำหรับตัวของเรา
เรื่องเนื้อหมูแช่แข็งขึ้นราที่พูดกันมากในโซเชียลฯนั้น อ่านข่าวเจอนักโภชนาการชื่อ "แววตา เอกชาวนา" จากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ออกมาให้ความรู้เรื่องอาหารแช่แข็งที่เน่าเสีย อ่านแล้วมีประโยชน์ดีขอนำมาเผยแพร่อีกครั้งนะคะ
คุณแววตา บอกว่า "...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อย่างน้อยได้สร้างการตื่นตัวเรื่องความปลอดภัยจากอาหารแช่แข็งแม้ข่าวที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องเสียหายหากแต่อีกมุมก็ทำให้สังคมได้ฉุกคิด ว่า เราจะไม่ไว้ใจใครง่ายๆ อาหารแช่แข็งเราต้องดูให้ดี ตรวจสอบก่อนว่ามันเสียหรือไม่ คนทุกคนควรรับรู้ทุกอย่าง ควรสัมผัสกับสิ่งที่จะกินเข้าไปอย่างถี่ถ้วนที่สุดก่อนนำเข้าปากเสมอ
3 สาเหตุใหญ่ "อาหารแช่แข็งเน่าเสียก่อนวันหมดอายุ"
1. การเตรียมวัตถุดิบไม่ดีที่อาจทำให้ออกซิเจนหรือน้ำเข้าไปทำให้เชื้อจุรินทรีย์หรือแบคทีเรียเจริญเติบโตได้
2. เก็บไว้ในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม ไม่ถึงจุดเยือกแข็งของวัตถุดิบนั้นๆ
3. ตู้จำหน่ายอาจไม่มีการควบคุมอุหภูมิที่ดีพอ
"การเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำอาหารแช่แข็งโดยเฉพาะการขนส่ง โดยควบคุมอุณหภูมิอยู่ตลอดเวลา จนถึงจุดจำหน่ายหากเกิดข้อผิดพลาดอย่าง ระหว่างขนส่งมีไฟดับทำให้อุณหภูมิเปลี่ยน หรือในจุดจำหน่ายไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจวัดอุณหภูมิอยู่เสมอของแช่แข็งก็อาจถูกจัดเก็บอย่างไม่ถูกวิธีจนทำให้เน่าเสียได้"
อาหารแช่แข็งในมุมมองของคุณแววตา
"อาหารแช่เย็นนั้นมีการรักษาคุณค่าทางอาหารไว้อย่างสมบูรณ์ เว้นเพียง วิตามินบางตัวที่ละลายในน้ำเท่านั้น ทางด้านของสารอาหาร ถ้าอาหารแช่แข็งถูกผลิตมาเพื่อแช่แข็งโดยตรงจากวัตถุดิบที่อุณหภูมิปกติ ถ้าเกิดเขาควบคุมจุลินทรีย์และอุณหภูมิได้ดี แล้วนำมาแช่แข็งได้เลย ผู้บริโภคก็จะได้ประโยชน์ในแง่ที่ว่าสารอาหารไม่หายไปไหน สารอาหารถ้ามันถูกคุมจุลินทรีย์ไม่ให้มันเติบโต อาหารแช่แข็งนั้นก็มีประโยชน์แล้วก็ประหยัดและสามารถยืดอายุการใช้งานได้"
ข้อแนะนำสำหรับผู้บริโภค
1.ให้นำอาหารแช่แข็งไปละลายน้ำอย่างถูกวิธี อาจใช้ไมโครเวฟในโหมดละลายน้ำแข็ง หรือแช่ในน้ำโดยใส่ถุงอีกชั้นเพื่อกันน้ำเข้า เพราะน้ำจะมีส่วนทำให้อาหารเสียก่อนเวลาได้
2.อาหารแช่แข็งที่มีส่วนของไขมันจะเสียง่ายกว่าส่วนที่ไม่มี ดังนั้น อาจรับประทานให้หมดก่อนวันหมดอายุที่กำหนด
วิธีการตรวจสอบ
1.ให้ดู จากสภาพเนื้อ หากเป็นหมูก็ต้องเป็นสีแดงชมพูใส ไม่มีเมือก หากเป็นเนื้อวัวก็ควรเป็นสีแดงเลือดนิดๆ ไม่มีน้ำไม่มีเมือกเช่นกัน
2.สำรวจจากบรรจุภัณฑ์ว่า มาจากบริษัทที่ไว้ใจได้หรือไม่ มีตรา อย.หรือตราประทับรับรองมาตรฐานที่ดูน่าเชือถืออยู่หรือไม่
2.1 ดูซองพลาสติกที่เขาใส่ก่อน สำคัญมากอาหารแช่แข็งโดยเฉพาะที่ใส่พลาสติกชั้นเดียวส่วนใหญ่เขาจะใช้พลาสติกที่มันทนต่อความเย็น แม้จะใส่ชั้นเดียวแต่ต้องคอยดูตัวที่ซีลระหว่างรอยต่อ เมื่อไหร่ที่มันรั่วอากาศเข้าไปหรือน้ำเข้าไป อาหารแช่แข็งนั้นแม้จะอยู่ในอุณหภูมิที่ดีแต่แบคทีเรียก็เจริญเติบโตได้ง่าย
2.2 ต้องดูรอบๆ บรรจุภัณฑ์ว่าไม่มีอะไรฉีกขาด
2.3 ต้องดู อย.และบริษัทควรดูที่เราคุ้นเคยมันน่าเชื่อถือ มีมานาน เป็นบริษัทใหญ่ที่มีเครื่องหมายการรับรองอาหารแช่แข็ง มีเครื่องหมายต่างๆ ที่ผลิตภัณฑ์หรือไม่
คุณแววตา บอกด้วยว่า ...."ภัยร้ายอีกอย่างที่สำคัญในตอนนี้คือ อาหารแช่แข็งตามตลาดบางทีไม่ได้ผ่านกระบวนการแช่แข็งอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่เป็นเพียงการนำวัตถุดิบสดมาแพกแช่แข็งเท่านั้น เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากเพราะไม่ได้ผ่านกระบวนการแช่แข็งที่ถูกต้อง ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ลักษณะดังกล่าวสามารถพบเห็นได้ในรูปลักษณ์ของอาหารแช่แข็งที่มีรายละเอียดระบุเพียงปริมาณหรือวันผลิตเท่านั้นของพวกนี้ จะไม่ผ่านการตรวจสอบอาหารแช่แข็งซึ่งจะมีเยอะอยู่แล้ว และของพวกนี้วันผลิตของเขาคือวันแพกใส่ถุง ซึ่งมันเหมือนเอามาหลอกว่าเป็นอาหารแช่แข็ง แต่จริงๆ ไม่ใช่ มันเก็บได้ไม่นาน ของพวกนี้ซื้อมากินเลยยังพอได้ แต่เก็บไว้ไม่ได้ บรรจุภัณฑ์มักจะระบุรายละเอียดไม่มากนักและสิ่งสำคัญคือไม่มีตรา อย.หรือตรารับรองมาตรฐานของแช่แข็งใดๆ อีกด้วย"
การรับมือของบริโภคเวลาเจออาหารแช่แข็งเน่า
จากกรณีที่เกิดขึ้นคือ เนื้อหมูแช่แข็งขึ้นราที่ผู้บริโภคไม่รับประทานและทิ้งทันทีเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
ข้อเตือนใจ
ต่อกรณีเหตุการณ์อาหารแช่แข็งเสีย เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งแต่ไม่เป็นข่าว บางทีก็มีเสียเพราะผู้บริโภคเองที่ซื้อแล้วขนส่งกลับบ้านไกลไม่สามารถรักษาอุณหภูมิอาหารไว้ได้ หรืออาจปล่อยให้น้ำเข้าไปก็มีส่วนทำให้อาหารเสียเร็วขึ้น ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่ทำได้คือการเอาใจใส่ สิ่งที่ตัวเองจะรับประทานเข้าไปมากขึ้น ต้องตระหนักว่าอาหารที่รับประทานเข้าไปทั้งหมดนั้นมีความสำคัญกับชีวิต
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
ASTV ผู้จัดการรายวัน August 07, 2014