เริ่มต้นการเดินทางทริปนี้โดยการมาขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองครับ ครั้งนี้ผมใช้บริการของ แอร์เอเชีย
การเดินทางไปสตูล สามารถไปลงเครื่องที่ตรัง หรือที่หาดใหญ่ ครั้งนี้ผมใช้บริการของบริษัททัวร์ซึ่งจะเตรียมรถมารับที่สนามบินหาดใหญ่
การเดินทางไปหาดใหญ่ ทางแอร์เอเชียมีหลายเที่ยวบินให้เลือกครับ สะดวกสบาย
ผมเลือกไฟล์ทเช้าสุดประมาณหกโมงครึ่ง เพื่อให้ทันเรือรอบสิบเอ็ดโมงจากท่าเรือปากบารา
พอมาถึงสนามบินหาดใหญ่ บริษัททัวร์จัดรถยนตร์ส่วนตัวพร้อมคนขับ มาส่งถึงท่าเรือปากบาราในอำเภอละงู จังหวัดสตูล สะดวกสบาย
บรรยากาศที่บริเวณท่าเรือ
เรือรอบสิบเอ็ดโมงเป็นเรือรอบเดียวที่แวะเกาะตะรุเตา และเกาะไข่ เลยต้องมาให้ทันเรือเที่ยวนี้ครับ ภาพจากท่าเรือของเกาะตะรุเตา
ฟ้าใสทะเลสวยมากๆ
เกาะตะรุเตาเป็นเกาะที่มีที่ทำการของอุทยาน ที่นี่เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศ และเคยเป็นคุกมาก่อนครับ ที่นี่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ที่จริงจะมีจุดน่าเข้าไปชมหลายแห่งและมีถ้ำบนเกาะ เสียดายที่มีเวลาบนนี้ไม่นานต้องเดินทางต่อ
จุดหมายต่อไปของเรือเที่ยวสิบเอ็ดโมงก็คือเกาะไข่
แค่มองไปจากเรือก็ตื่นเต้นมากๆ เพราะฟ้าใส ทะเลสวย และที่สำคัญน้ำลด สามารถเดินลอดซุ้มประตูได้โดยไม่ต้องลุยน้ำครับ ลุ้นมาตลอดทางว่าน้ำลดหรือเปล่า
ถึงจะไม่ได้มาเกาะไข่เป็นครั้งแรก แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่ฟ้าสวยที่สุด
ซุ้มประตูหินเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่และเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดสตูล
ใครมาที่นี่กับคนรักอย่าลืมจับมือกันลอดซุ้มประตูนะครับ ความรักจะยืนยาวมั่นคง
ถ้าสังเกตดีๆ จะมีซุ้มประตูใหญ่และซุ้มประตูเล็ก
อากาศดีๆอย่างนี้ ถ่ายรูปกันเพลินเลยครับ
ถ้าอยากมาถ่ายรูปชมความงามของซุ้มประตูหิน อย่าลืมตรวจสอบกับทัวร์ดูนะครับ ช่วงที่ผมไปมีเรือเที่ยว 11.00 น.เที่ยวเดียวที่แวะเกาะไข่
โชคดีครับ ช่วงที่มาถึงเกาะไข่น้ำลงพอดี บางครั้งถ้ามาตรงกับน้ำขึ้น ต้องเดินลุยน้ำลอดซุ้มประตู
ได้เวลาอำลาเกาะไข่เพื่อเดินทางต่อไปเกาะหลีเป๊ะ สีน้ำทะเลที่นี่สวยมากๆ บรรยากาศในเรือที่ค่อนข้างแน่นไปหน่อย
นั่งเรือต่ออีกไม่นานก็มาถึงเกาะหลีเป๊ะ เนื่องจากเกาะแห่งนี้มีแนวปะการังรอบเกาะ เรือสปีทโบ๊ทจะมาส่งที่โป๊ะกลางทะเล เพื่อต่อเรือหางยาวเข้าฝั่ง จะได้ไม่ทำลายแนวปะการัง พอลงที่โป๊ะก็ซื้อตั๋วเรือหางยาวคนละ 50 บาท จากนั้นก็รอลงเรือ
เรือหางยาวจะมาเทียบที่ท่าเรือลอยน้ำที่หาดพัทยา
จากนั้นพนักงานของรีสอร์ทที่จองไว้มารอรับที่ชายหาดเพื่อต่อรถกระบะมายังรีสอร์ท เป็นรีสอร์ทที่บรรยากาศดีมากๆ
ตอนที่เห็นรีสอร์ทครั้งแรกตื่นเต้นมากครับ ไม่คิดว่าจะเห็นวิวสวยขนาดนี้
ที่ตั้งของรีสอร์ทอยู่บนหาดซันเซ็ต วิวมุมสูงที่เห็นหาดพัทยาอยู่ด้านหลัง
ภาพมุมสูงที่ทำให้เห็นแนวประการังที่อยู่รอบเกาะ รวมถึงหน้ารีสอร์ทเลยครับ
และนี่คือวิวจาก The Cliff เกาะหลีเป๊ะ รีสอร์ทที่ผมจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ 4 วัน 3 คืน
ตอนแรกตัดสินใจว่าจะมา 2 คืน หรือ 3 คืนดี ด้วยความคิดถึงหลีเป๊ะ เลยตัดสินใจมาเที่ยว 3 คืน เห็นวิวอย่างนี้แล้วรู้เลยว่าคิดผิดครับ น่าจะมาซักอาทิตย์นึง
นอกจากเห็นวิวทะเลสีสวยช่วงกลางวัน ยังเห็นพระอาทิตย์ตกช่วงตอนเย็น
เป็นโต๊ะทานข้าวที่โรแมนติกสุดๆ
เห็นภาพแล้วอยากกลับไปอีกหลายๆครั้ง
บริเวณห้องอาหารของรีสอร์ทที่เหมือนกับเป็นจุดชมวิว
จากบริเวณห้องอาหาร มีทางลงไปยังชายหาด เป็นที่พักที่สมบูรณ์แบบ ทั้งวิวสวยจากมุมสูง ห้องพักสบาย มีกิจกรรมดำน้ำหรือพายเรือหน้ารีสอร์ทและชายหาดส่วนตัว
ต่อไปผมพาไปชมห้องพักบ้างครับ
ห้องพักแบบแรกที่ผมจะพาไปชมเป็นห้องแบบ Family ที่มีสองห้องนอน
ห้องนอนหลักที่อยู่ชั้นบน ชมวิวจากบนเตียงนอนได้เลยครับ
ห้องน้ำของห้องนอนหลัก กว้าง โปร่ง สบาย ผนังกระจกฝ้าที่เห็นเป็นห้องอาบน้ำ
มีสวนเล็กๆในห้องน้ำเผื่อใครอยากออกไปอาบน้ำในสวน
ห้องนอนชั้นบนมีระเบียงห้องที่กว้าง เหมาะกับการสังสรรค์ เห็นวิวที่สวยมากๆ
ได้วิวของเกาะอาดังที่อยู่ใกล้ๆ บรรยากาศสุดๆ
มีบันไดลงมาชั้นล่าง เป็นห้องนอนอีกห้องหนึ่ง
ห้องนี้เมีชุดโซฟาไว้นอนดูวิว สบายมากๆ
บรรยากาศของห้องนอนชั้นล่าง ที่ห้องนอนนี้ก็มีห้องน้ำเช่นกัน
กลับมาที่ห้องชั้นบน คืนพระจันทร์เต็มดวง บรรยากาศโรแมนติก
แสงจันทร์สะท้อนผิวน้ำ วิวจากเกาะเล็กๆที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งกลางทะเลอันดามัน
บรรยากาศในห้องนอน
อยู่ที่นี่ได้ทั้งพระอาทิตย์ตก พระจันทร์ขึ้น แถมยังเห็นดาวเต็มฟ้า ครบบรรยากาศโรแมนติก
ที่นั่งเล่นริมระเบียงห้องกับบรรยากาศสุดโรแมนติก อยู่ที่นี่วิวสวยทั้งกลางวันกลางคืน
ห้อง Family 2 ห้องนอนมีเพียงห้องเดียวนะครับ ที่นี่เป็นรีสอร์ทเล็กๆ มีจำนวนห้องพักทั้งหมดสิบกว่าห้อง บรรยากาศอบอุ่น
มาชมบรรยากาศห้องนอนชั้นบนกันต่อ
วิวจากห้องนี้สวยมากๆ ชมวิวจากบนเตียงนอนได้เลย
มาชมบรรยากาศยามเช้าที่ห้องอาหารของรีสอร์ท
ที่ The Cliff มีเพียงห้องอาหารเดียว แต่เป็นห้องอาหารที่วิวสวยมากๆ
โต๊ะอาหารที่ได้วิวทะเลจากมุมสูง สวยมากๆ อาหารเช้าก็มาทานที่นี่ อาหารเช้ามีให้เลือกไม่มากครับ อาหารหลักสั่งจากเมนู จะมีไลน์บุฟเฟต์เล็กๆ
ภาพมุมสูงที่ทำให้เห็นบรรยากาศของห้องอาหาร
ทะเลหน้ารีสอร์ทน้ำทะเลใส สีสวย เห็นแนวโขดหินและแนวปะการัง
จากนั้นทางทัวร์ที่จัดทริปดำน้ำให้ จัดเรือมารับถึงหน้ารีสอร์ท สะดวกมากๆ
ทริปดำน้ำทริปนี้มีไกด์ดูแลสองคน ไกด์น้องปุ้งปิ้ง กับไกด์บังมีน น้องปุ้งปิ้งเคยเป็นไกด์พาไปเที่ยวทะเลแถวๆพังงามาก่อน ส่วนไกด์บังมีน เป็นคนท้องถิ่นอยู่ที่หลีเป๊ะมาหลายปี รู้ทุกๆอย่างเกี่ยวกับที่นี่ครับ
เนื่องจากผมมีทริปดำน้ำสองวัน วันแรกบังมีนอยากพาไปชมทะเลสวยๆที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวไปก่อน ซึ่งสวยมากๆ เดี๋ยวจะพาไปชมครับ
แค่ออกเรือไปไม่นานก็เจอทะเลสวยๆ ฟ้าวันนั้นเป็นใจมากๆครับ ฟ้าใสสวย ตลอดทริป
ผมจำไม่ได้ว่าจุดนี้เรียกว่าอะไร แต่ทะเลใส สีสวยเห็นทรายที่อยู่ด้านล่าง สวยสุดๆ
เห็นน้ำใสๆอย่างนี้ ไกด์ไม่แนะนำให้เล่นน้ำครับ เพราะบริเวณนี้ปลากระเบนเยอะ กลังจะไปเหยียบ เดี๋ยวจะเป็นอันตราย
และนี่พี่สุเมธ คนขับเรือประจำทริปที่รู้ทุกซอกทุกมุมของเกาะ
ตอนแรกๆก็ถามหาแต่ปลานีโม่ครับ จนไกด์บอกว่าเดี๋ยวจะได้เห็นกันจนเบื่อเลย ที่นี่มีปลาการ์ตูนเยอะ เนื่องจากมีปะการังอ่อนที่สมบูรณ์มากๆ
ใครที่ชอบดำน้ำ ห้ามพลาดเลยครับ โลกใต้น้ำที่นี่สมบูรณ์มากๆ เป็นที่ดำน้ำตื้นที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งที่ผมเคยไปมา
มาดเท่ห์ๆของไกด์บังมีน นอกจากจะได้ความรู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับทะเลแล้ว ไกด์ยังดำน้ำลงไปถ่ายรูปใต้น้ำให้ด้วยครับ
เตรียมตัวลงไปดำน้ำกัน
เห็นน้ำใสๆแล้ว อดใจไม่ได้ครับ
มาชมโลกใต้ทะเลที่สวยงาม มีชื่อเสียง กันบ้างครบ
พอลงไปในน้ำ เหมือนได้ไปอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่ง มีปลาสวยงาม ปะการัง ละลานตาไปหมด
มีสิ่งมีชีวิตที่หลากหลาย สวยงาม
มาดูปลาแปลกๆกันบ้างครับ ตัวนี้เป็นปลาปักเป้า
ตัวจริงของมันจะใหญ่มากครับ เกือบๆเมตรนึง เป็นปลาปักเป้าที่ตัวใหญ่ที่สุดที่ผมเคยเห็นมา
ปลาสวยงามที่พบเห็นอยูทั่วไป
ปลาชนิดนี้เห็นเป็นคู่ๆ น่ารักและสวยมากๆ
ปะการังอ่อนหลากสีที่หาดูได้ยาก
บังมีน กับห้องปุ๊งปิ้งพาไปดำน้ำหลายจุดจนจำไม่ได้ว่าภาพแต่ละภาพถ่ายจากจุดไหนครับ แต่ทุกที่ที่พาไป โลกใต้น้ำสวยมากๆ
ปลาหินที่พรางตัวเข้ากับหินใต้ทะเล แปลกดี
ปลากระเบนที่ว่ายน้ำอย่างสวยงาม
ไม่ค่อยได้เห็นปลากระเบนในธรรมชาติ
บางทีมันชอบฝังตัวอยู่ในทราย
ปลาการ์ตูนสายพันธุ์สีดำเหลือง ตัวใหญ่และสวยมากๆ
ปลานกแก้วที่พบเห็นทั่วไป
ปลาการ์ตูนเป็นสัตว์ที่หวงที่อยู่ เวลาดำน้ำไปใกล้ๆ มันจะออกมาปกป้องถิ่นของมัน
ปลาการ์ตูนขาวส้ม หรือน้องนีโม่ที่ใครๆก็ถามถึง
ปลาสีสวยคู่เดิม ไปไหนไปเป็นคู่ตลอด
ปลาตัวนี้ไกด์บอกว่า เรียกว่าปลาขลุ่ย แปลกและสวยดี
ดำน้ำมาหลายที่ แต่ไม่เคยเห็นปลาชนิดนี้มาก่อน น่ารักดี
ปลาการ์ตูนขาวส้มในบ้านของมัน
กอปะการังอ่อนสีม่วง สวยมากๆเหมือนมีผ้าสีม่วงมาห่อไว้ สังเกตดีๆจะเห็นปลาการ์ตูนอินเดียนแดงหลบอยู่ครับ
หอยมือเสือสีสันสดใสที่พบเห็นได้ทั่วไป
อันนี้ไม่รู่เป็นอะไร แปลกและสวยดี
ไกด์น้องปุ้งปิ้งจะเป็นคนลาก และคอยชี้เป้าเวลาเจออะไรสวยๆ แปลกๆ
ดำน้ำจนเหนื่อย ก็ต้องเติมพลังกันซักหน่อย บังมีนพาเราไปยังเกาะแห่งหนึ่งที่สวยมากๆครับ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่ อาจจะเป็นเพราะค่อนข้างไกล
เกาะแห่งนี้ทรายขาวสะอาด
น้ำทะเลใสแจ๋ว เห็นสีเป็นชั้นๆ สวยงามมากๆ
มองยังไงก็ไม่มีเบื่อ ประทับใจมากๆ
อยากให้ทะเลทุกแห่งสวยอย่างนี้
เสียดายวันนั้นคลื่นค่อนข้างแรง เลยไม่เหมาะกับการลงเล่นน้ำเท่าไหร่
เป็นชายหาดที่สวยมากๆครับ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่ทั้งที่เป็นช่วงหยุดยาว
มีเรือแค่สองลำ เหมือนเป็นเกาะส่วนตัว
ช่วงที่ลงไปบนชายหาด หิวก็หิว แต่ขอถ่ายรูปก่อน ถ่ายไปถ่ายมาจนหายหิวเลยครับ เป็นหาดที่สวยจริงๆ จนลืมหิวไปเลย
ข้าวผัดกระเพราที่ทาง The Cliff เตรียมมาให้ ได้ทานเคล้าเสียงคลืนกับวิวสาวยๆอย่างนี้ กลายเป็นกระเพราที่อร่อยที่สุดในโลกเลยครับ และก็ไม่ลืมที่จะเก็บกล่องโฟมไปทิ้งในถุงขยะบนเรือ
กินข้าวเสร็จก็ถ่ายรูปต่อ รู้สึกได้เลยครับว่าทุกๆนาทีบนนี้เป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากๆ ไม่รู้จะได้เห็นวิวสวยๆ ชายหาดขาวๆ น้ำทะเลใสๆอย่างนี้อีกเมื่อไหร่
ไกด์ประจำทริปนี้ของผมครับ บังมีน คุยสนุก พาไปที่สวยๆ เป็นกันเองมากๆ
ก่อนหน้านี้ผมเคยมาตะรุเตาและหลีเป๊ะสามสี่ครั้ง แต่ไม่เคยมาที่ชายหาดนี้เลย
ฟองคลื่นที่ซัดเข้ามายังชายหาด อยากหยุดเวลาไว้ที่ตรงนี้
เริ่มมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นเข้ามา
ใครได้มาที่นี่รับรองว่า ต้องมนต์เสน่ห์ของหาดนี้ทุกราย สวรรค์ของคนรักทะเล
สีน้ำทะเลที่นี่สวยมากๆ ใสแจ๋ว ประทับใจจริงๆ
ปูเสฉวนตัวน้อย
พอถึงเวลากลับ ก็ต้องกลับแบบอาลัยอาวรณ์ ต้องหาโอกาสกลับมาอีกแน่นอน
จากนั้นก็มาแวะชมวิวที่เกาะรอกลอย น้ำทะเลยังคงใส สีสวย
จุดชมวิวที่เดินขึ้นมาไม่ไกล
ก่อนกลับไปยังรีสอร์ทสำหรับทริปวันแรก ไกด์พาไปชมหินซ้อนระหว่างทางกลับ
กลับมาถึงรีสอร์ทก็เย็นเลยครับ มีเวลามาถ่ายรูปต่อที่รีสอร์ทก่อนพระอาทิตย์ตกอีกซักหน่อย
วิวสวยๆของเกาะหลีเป๊ะจากมุมสูง
ช่วงที่ผมไปฟ้าใสแบบไม่ต้องลุ้นตลอดทั้งสามคืน เห็นพระอาทิตย์ตกสวยๆทุกวัน โชคดีมากๆครับ
บรรยากาศที่โต๊ะอาหารวิวทะเล
ช่วงมื้อเย็น ถ้าอยากมาทานข้าวที่โต๊ะวิวสวยๆในรีสอร์ท ผมแนะนำว่าต้องจองล่วงหน้านะครับ
วิวที่นี่สวยจริงๆ โรแมนติกมากๆ ควรมาก่อนพระอาทิตย์ตกนะครับ
พระอาทิตย์ตกจากหน้าชายหาดของรีสอร์ท
สมกับชื่อหาดซันเซ็ต เห็นวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม
มาชมบรรยากาศห้องอาหารหลังพระอาทิตย์ตกบ้างครับ บรรยากาศดี
เป็นห้องอาหารเล็กๆ ที่บรรยากาศไม่เล็กไปตามขนาด
ผมพาไปชมห้องพักแบบที่สองกันครับ เป็นห้องแบบ Jacuzzi Ocean View Room
ในส่วนของห้องนอนค่อนข้างเล็กไปนิด แต่วิวสวยมากๆ
ห้องน้ำก็ค่อนข้างเล็ก สามารถอาบน้ำตรงนี้ หรือไปอาบในสวนด้านนอก
เตียงนอนนุ่มสบาย น่านอน
บรรยากาศที่ระเบียงห้อง เห็นวิวทะเลที่สวยงาม
ส่วน Jacuzzi จะอยู่ชั้นล่าง เวลาจะใช้สามารถแจ้งแม่บ้านให้มาเตรียมน้ำ จุดเทียน
ดำน้ำทั้งวันมาเหนื่อยๆ อากาศก็ร้อน ได้มานอนพักชมวิวทะเลสวยๆในห้องแอร์เย็นๆอย่างนี้ มีความสุขมากๆครับ
ตื่นเช้ามาก็เจอวิวนี้เลย สวยมากๆ
ดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเช้าที่ห้องซักพัก ก่อนเตรียมตัวไปดำน้ำกันต่อ
ออกไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร ทานเสร็จก็รอเรือมารับเหมือนเดิม
ไปเที่ยวที่นี่อย่าลืมพาถุงกันน้ำไปด้วยนะครับ เผื่อช่วงที่คลื่นลมแรงๆ นั่งในเรือจะมีน้ำกระเด็นเข้ามาตลอด
อากาศเป็นใจทุกวันที่อยู่ที่นี่ ฟ้าใส แดดสวย เหมาะกับการดำน้ำและถ่ายรูป
เรือหางยาวมารับที่ชายหาดเช่นเคย
ออกจากรีสอร์ท เรามาที่นี่กันเลยครับ เกาะหินงาม
เกาะแห่งนี้เป็นมหัศจรรย์เมืองที่ต้องไปสัมผัสอีกแห่ง หาดทั้งเกาะแทนที่จะเป็นทราย กลับเป็นก้อนหินสีสวย
ยิ่งเวลาโดนน้ำทะเล ส่องประกายระยิบระยับ
เป็นหินที่สวย เป็นเกาะที่แปลก และเป็นสถานที่ที่ทุกคนต้องมา
หินที่นี่ห้ามนำกลับบ้านนะครับ จะมีคำสาปแช่งของเจ้าพ่อตะรุเตาสำหรับคนที่ขโมยหินกลับไป
อย่าลืมพกหางตั๋วของบัตรเข้าอุทยานด้วยนะครับ ผมเจอตรวจที่เกาะหินงาม ถ้าทำหาย หรือหาไม่เจอก็ต้องซื้อใหม่อีกรอบ
ทั้งน้ำใส ทั้งหินสวย คงไม่มีที่ไหนเหมือนที่นี่อีกแล้ว แปลกและสวยมากๆ
จากเกาะหินงาม ก็ไปดำน้ำกันต่อเลยครับ จุดดำน้ำอยู่ไม่ไกลจากเกาะหินงาม
บริเวรนี้มีปะการังไฟเยอะและสมบูรณ์มากๆ
มีสัตว์น้ำที่หลากหลาย บางตัวไม่เคยเห็นมาก่อน
และตัวนี้ก็ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยๆ ปลาไหลมอเรย์
ปะการังที่ยังอุดมสมบูรณ์และสวยงาม
ปลาการ์ตูนขาวส้มที่เห็นอยู่ทั่วไป
ปลาผีเสื้อเทวรูปที่สวยงาม
ภาพถ่ายใต้น้ำต้องยกเครดิตให้บังมีนนะครับ บังมีนจะดำลงไปถ่ายแบบใกล้ๆมาให้
ปลาปากคมที่นอนนิ่งๆอยู่บนปะการัง
เป็นโลกใต้น้ำที่ยังสมบูรณ์
และตัวนี้ น้องปุ๊งปุ้งต้องลงไปชี้ให้ดู เพราะตัวมันเล็ก
เรียกว่า ไม้จิ้มฟันจระเข้ เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับม้าน้ำ
ถ้าไม่มีไกด์คอยชี้เป้า คงพลาดช๊อตสำคัญๆไปหลายจุด มีไกด์พาไปดำน้ำก็ดีอย่างนี้
ปลาปักเป้าตัวเล็ก น่ารักดี
จุดดำน้ำบางจุดมีปะการังผักกาดที่สวยงาม
ตัวนี้เป็นปลาวัวไททัน ที่ไม่ควรเข้าใกล้เท่าไหร่
น้องปุ๊งปิ๊งจะเป็นคนลากห่วงยางพาไปชมโลกใต้น้ำพร้อมชี้เป้าเวลาเห็นสัตว์แปลกๆ
ถึงว่ายน้ำไม่เป็นก็ไม่ต้องกลัวครับ ใส่ชูชีพ ดำผิวน้ำได้สบายมีไกด์คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
ช่วงที่มองหาสัตว์ทะเล ถ้าเจอขยะก็จะดำไปเก็บขึ้นมาบนเรือ เยี่ยมมากๆ
ทะเลสวย น้ำใสอย่างนี้ ยังมีคนทิ้งขวด ทิ้งขยะ ได้ลงคอ
ดาวขนนกสีเขียว สวยงาม
ปลาไหลมอเรย์ในซอกหิน
ปะการังเจ็ดสีที่ร่องน้ำจาบัง หาดูได้ยากมากๆ อีกจุดที่ไม่ควรพลาด
ปลาสวยงามมีที่ให้ดูไม่มีเบื่อ
นี่ก็ผลงานน้องปุ๊งปิ๊งที่ชี้ให้ดูครับ ตัวเล็กมากๆ กุ้งเต้นระบำ ปกติจะหาดูได้ยาก ต้องดำน้ำลึก สวยมากๆ ดำน้ำที่นี่ไม่มีเบื่อเลยครับ มีสัตว์แปลกตา สวยงาม ให้ดูอยู่เรื่อยๆ ขอบคุณไกด์ทั้งสองคนที่พาดำน้ำ ช่วยถ่ายภาพ ชี้เป้าให้ดูปลาและสัตว์น้ำสวยๆ แปลกๆ เป็นทริปดำน้ำที่ดีที่สุดที่ผมเคยไปมา
ดำน้ำจนเหนื่อยก็แวะหาดหาที่ทานข้าวใต้ร่มไม้
คราวนี้บังมีนพาไปหาดๆนึงบนเกาะราวี สวยมากๆเช่นกัน
เป็นหาดที่สวย สงบ เหมือนเป็นหาดส่วนตัวอีกแล้ว
ถ่ายรูปเพลินมากๆ มองไปทางไหนก็เห็นทรายขาวๆ น้ำทะเลใสๆ สีสวย
จากชายหาดเดินเข้าไปไม่ไกล เจอลำธารเล็กๆน้ำเย็นใส ไกด์บอกว่าถ้ามองใต้น้ำดูดีๆ จะเห็นกุ้งน้ำจืดด้วยครับ
จุดดำน้ำที่เกาะอาดัง อยู่ใกล้ชายหาดเลยครับ
ดำน้ำเสร็จก็ได้เวลากลับที่พัก เรือจะมาส่งถึงชายหาดหน้ารีสอร์ท ต้องขอบคุณไกด์น้องปุ๊งปุ้ง ไกด์บังมีน และพี่สุเมธคนขับเรือที่ดูแล และบริการทุกๆอย่างเป็นอย่างดี ทำให้ทริปดำน้ำครั้งนี้สนุกสุดๆ เห็นสัตว์ทะเล ปลาทะเลที่สวยงาม บางชนิดไม่เคยเห็นมาก่อน
กลับมาถึงที่พัก อาบน้ำพักผ่อน ตากแอร์เย็นๆ แล้วออกมาชมพระอาทิตย์ตกเย็นวันสุดท้ายก่อนกลับ ทริปดำน้ำยังไม่จบเท่านี้นะครับ ถึงจะเป็นคืนสุดท้ายในเกาะหลีเป๊ะ พรุ่งนี้เช้าจะไปดำน้ำหน้ารีสอร์ทกัน
ช่วงที่ผมไป พระอาทิตย์ตกสวยๆทุกวัน อากาศดีมากๆครับ ฟ้าเปิดตลอดทริป
บินโดรนเก็บภาพช่วงพระอาทิตย์ตกซักหน่อย
ภาพนี้เป็นภาพถ่ายจากโดรน เห็นวิวพระอาทิตย์ตกจากกลางทะเล
บรรยากาศช่วงพระอาทิตย์ตกในรีสอร์ท สวยมากๆ
ห้องอาหารบรรยากาศดี เห็นวิวสวยๆ
มุมนั่งเล่นชมวิวสวยๆในรีสอร์ท
ห้องอาหารหลังพระอาทิตย์ตก บรรยากาศดีมากๆ
ถ้ามาทานอาหารที่นี่ ผมแนะนำเมนูอาหารไทยครับ อร่อยมากๆ และอย่าลืมจองโต๊ะวิวสวยๆล่วงหน้า
หรือจะมาทานอาหารที่มุมนี้ก็ได้ครับ บรรยากาศดีเหมือนกัน
มาดูภาพอาหารของที่นี่กันซักนิด เริ่มจากมะพร้าวปั่นที่เย็นชื่นใจ
จานนี้เป็นออเดิฟ ที่น่าทานทุกอย่าง
กุ้งลายเสือตัวใหญ่ อร่อยมากๆ
ข้าวผัดสัปปะรดที่น่าทาน
ตบท้ายด้วยของหวานครับ ช๊อกโกแลตเค็กลาวา
ทานข้าวเสร็จ ติดต่อรถของรีสอร์ทให้ไปส่งที่ถนนคนเดินที่หาดพัทยา เดินเล่นดูบรรยากาศซักพักก็กลับที่พัก ไปพักผ่อนเตรียมตัวกลับ
มุมพักผ่อน นอนเล่นสบายๆ ชมวิวทะล ในห้องพักแบบ Jacuzzi Ocean View
ตื่นเช้ามาสดชื่น ชมวิวทะเลจากบนที่นอน เตรียมตัวไปดำน้ำหน้ารีสอร์ท
วิวสวยๆช่วงทานอาหารเช้า
เนื่องจากผมกลับเรือรอบ 11 โมง ยังมีกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดในการมาพักที่ The Cliff
ก็คือการดำน้ำดูปลาสวยงาม ปะการังหน้ารีสอร์ท
จากทำเลของรีสอร์ทที่มีแนวปะการังอยู่ด้านหน้า
มีทางลงไปชายหาดจากบริเวณห้องอาหาร สามารถขอยืมหน้ากากดำน้ำจากพนักงานได้เลย
ดำน้ำออกไปไม่ไกล ก็เจอปลานีโม่ในบ้านของมัน
ช่วงเช้าที่ผมไปน้ำกำลังขึ้น ลอยตัวได้กำลังดี น้ำไม่ลึกครับ ยืนได้สบาย
บางจุดที่เป็นพื้นทราย ยืนถ่ายภาพได้เลย คงมีรีสอร์ทไม่กี่แห่งที่มีกิจกรรมอย่างนี้
ไม่ต้องออกไปไหนไกลเลยครับ แค่หน้ารีสอร์ทก็มีนีโม่ให้ชม
ใครที่อยากเห็นนีโม่ใกล้ๆ แต่ไม่อยากนั่งเรือออกไปดำน้ำกลางทะเล มาที่นี่หาดูได้ง่ายๆเลยครับ
เป็นการดำน้ำที่สะดวกมากๆ เดินลงมาจากห้องพัก ก็เจอปลาสวยๆเลย
แต่ต้องดูน้ำขึ้นน้ำลงนิดนึงนะครับ ช่วงน้ำลงจะตื้นมาก ต้องคอยระวังหอยเม่น
ถ้าเดินบนทรายต้องระวังให้ดีนะครับ อย่าไปเหยียบปะการัง ทั้งปะการังแข็งหรือปะการังอ่อน และต้องระวังหอยเม่น
ขณะที่ดำน้ำเล่นหน้ารีสอร์ทเพลินๆ ก็เหลือบไปเห็นเจ้าตัวนี้ครับ
ตื่นเต้นมากๆ ไม่นึกว่าจะได้เห็นปลาสิงโต จากการดำน้ำหน้ารีสอร์ทอย่างนี้
บริเวณดำน้ำอยู่ไม่ไกลจากหาดหน้ารีสอร์ทเลย
เจ้าตัวนี้อยู่นิ่งๆ เป็นนายแบบให้ถ่ายรูป
ปลาสิงโตเป็นปลามีพิษนะครับ ห้ามเข้าไปจับ หรือสัมผัส
เป็นปลาที่สวยมากๆ ดีใจที่ได้เห็นในธรรมชาติแบบใกล้ๆอย่างนี้
ถ่ายรูปจนจุใจ ก็ได้เวลาดำน้ำกันต่อ
บริเวณนี้ปะการังจะไม่เยอะเหมือนจุดดำน้ำอื่นๆ แต่ก็มีปลาสวยงามให้ดูเพลินๆ เป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดสำหรับการมาพักที่นี่
ใครไปเที่ยวที่นี่ ช่วยกันคนละไม้คนละมือดูแลธรรมชาติ ห้ามเหยียบปะการัง ห้ามจับปลา ห้ามให้อาหารปลา ห้ามทิ้งขยะลงในทะเล จะได้มีธรรมชาติสวยๆให้เราดูตลอดไป
มาถึงช่วงสุดท้ายของรีวิวแล้วครับ มาเก็บตกบรรยากาศสวยๆบนเกาะหลีเป๊ะกัน ภาพนี้เป็นอ่าวพัทยาจากมุมสูง จะเห็นโป๊ะเรืออยู่กลางทะเลซึ่งเป็นจุดที่เรือเร็วมาจอดแล้วต้องต่อเรือหางยาว
หาดสวยๆ น้ำทะเลใสๆ
เห็นหาดสวยๆอย่างนี้ ทำให้คิดถึงขึ้นมาทันที
และทำให้ทริปเที่ยวทะเลครั้งนี้ เป็นทริปสุดประทับใจอีกทริปหนึ่ง
ใครที่ชอบทะเล ชอบดำน้ำ ผมแนะนำเลยครับ ช่วงที่น่าที่ยวที่สุดจะเป็นช่วงปลายปีและต้นปีจนไปถึงหลังสงกรานต์ ประมาณกลางพฤษภา ส่วนช่วงอื่นๆ อาจจะมีมรสุม การเดินทางอาจจะไม่ค่อยสะดวก แต่ก็สามารถเที่ยวได้ทั้งปีครับ
มีโอกาสคงได้กลับมาอีกแน่นอน
ภาพมุมสูงบริเวณทะเลหน้าหาดซันเซ็ตที่เห็นเกาะอาดังและแนวปะการังของเกาะหลีเป๊ะ
ภาพบรรยากาศดีๆที่ห้องพักของรีสอร์ท The Cliff เกาะหลีเป๊ะ
ขากลับเผื่อใครอยากซื้อของฝาก แนะนำที่นี่เลยครับ เค็กจำปาดะ ของฝากที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสตูลที่ร้าน สโตยโดยเซน ติดโลตัสละงู ร้านเล็กๆของหลานสาวคนสวยของผมเองครับ
เนื้อเค็กนุ่ม มีเนื้อจำปาดะ ไม่หวานมาก เอาไปฝากเพื่อนๆที่โคราช ติดใจกันทุกคน ยังมีเค็กมะพร้าวอ่อน เค็กขนุน ที่อร่อยมากๆ เข้าไปดู facebook ของร้านได้ที่
https://www.facebook.com/SetoibyZen
หรือถ้าใครต้องการที่พักก่อนลงเรือ หรือก่อนขึ้นเครื่องกลับ ลองดูที่นี่ดูนะครับ ละงู ภูผารีสอร์ท ติดกับโลตัสละงู เดินไปโลตัสได้เลย
ปิดท้ายด้วยภาพจากปก ทะเลสวยๆน้ำใสๆที่ชายหาดหน้า The Cliff Resort
สำหรับทริปเกาะหลีเป๊ะของผมในครั้งนี้ ใช้คำว่าประทับใจอย่างเดียวคงไม่พอ ทั้งประทับใจ ทั้งหลงมนต์เสน่ห์ ทั้งตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ได้พบเห็น ส่วน The Cliff ถึงแม้จะเป็นรีสอร์ทเล็กๆ ที่เพิ่งเปิดบริการไม่นาน แต่ทำเลของที่นี่สุดยอดมากๆครับ ได้วิวพระอาทิตย์ตก ได้วิวทะเลจากมุมสูง มีทางเดินลงไปชายหาด มีน้ำทะเลใส และที่สำคัญสามารถดำผิวน้ำดูปลาสวยงามและปลานีโม่ได้เลย คงมีรีสอร์ทไม่กี่แห่งในเมืองไทยที่ทำอย่างนี้ได้ ถ้าใครกังวลเรื่องการเดินทางมายังเกาะ ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ต่อรถต่อเรืออย่างไร ลองใช้บริการบริษัททัวร์ดูครับ ซึ่งจะดูแลทุกอย่างเป็นอย่างดี สามารถจัดรถยนต์ส่วนตัวพร้อมคนขับรับส่งจากสนามบินมายังท่าเรือ จัดทริปดำน้ำพร้อมไกด์ที่ชำนาญการพาเที่ยวบริเวณเกาะ ช่วยเหลือและให้ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ สัตว์น้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้ทริปหลีเป๊ะครั้งนี้เป็นทริปสุดประทับใจ
ลองมาชมจุดเด่น จุดด้อยของ The Cliff รีสอร์ทและการเดินทางไปยังเกาะหลีเป๊ะในครั้งนี้ในมุมมองของผม
จุดเด่น
- รีสอร์ทอยู่ในบนหน้าผาเล็กๆ เห็นวิวทะเลและเกาะอาดังที่สวยงามจากมุมสูง ได้วิวพระอาทิตย์ตก
- ห้องพักถูกออกแบบได้สวยงาม โดยเฉพาะห้อง Family ที่กว้างสบาย ได้วิวทะเล
- มีทางลงไปชายหาดที่น้ำทะเลใส สามารถพายเรือคายัก นั่งเล่นริมหาด
- ทะเลหน้ารีสอร์ทมีปะการัง ปลาสวยงาม รวมถึงปลาการ์ตูนขาวส้ม ไม่ต้องไปดำน้ำที่ไหนไกล
- ห้องอาหารวิวสวยมากๆ อาหารไทยอร่อยเด็ด
- พนักงานของรีสอร์ทให้บริการ ดูแลได้ดีมาก ช่วยเหลือทุกอย่างเป็นอย่างดี
- มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายบริเวณเกาะ เช่นเกาะหินงาม เกาะหินซ้อน ร่องน้ำจาบัง เกาะรอกลอย เกาะราวี
- โลกใต้ทะเลของที่นี่มีสัตว์น้ำ ปลาสวยงาม ที่หลากหลาย ปะการังที่ยังสมบูรณ์หลายจุด
- มีสัญญาณมือถือ ATM ถนนคนเดินที่คีกคักในช่วง High Season
จุดด้อย
- รีสอร์ทยังไม่มีสระว่ายน้ำ สปา
- อาหารเช้ามีให้เลือกไม่มากนัก อาหารจานหลักสั่งจากเมนู มีส่วนที่เป็นไลน์บุฟเฟต๋ไม่มาก
- เรื่อโดยสารที่เดินทางมายังเกาะ ยังนั่งไม่ค่อยสบาย เบียดกันแน่น
ใครที่ชอบทะเล ชอบชายหาดสวยๆ ชอบกิจกรรมดำผิวน้ำ ผมแนะนำเลยครับว่าต้องหาโอกาสมาที่หลีเป๊ะซักครั้ง ขอบคุณพนักงานรีสอร์ททุกๆคนที่ดูแลเป็นอย่างดี ขอบคุณไกด์ประจำทริป ไกด์บังมีน ไกด์น้องปุ๊งปิ๊ง พี่สุเมธ ที่พาเที่ยว ถ่ายภาพใต้น้ำ พาดูสัตว์น้ำแปลกๆ และให้ความรู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับที่นี่ ทำให้เป็นทริปดำน้ำที่ดีที่สุดที่เคยไปมา มีโอกาสคงได้กลับไปอีก ขอบคุณน้องกร หญิงและขอบคุณสตังค์แห่ง Love Andaman ที่จุดประกายทริปนี้
ก่อนจากกันฉบับนี้ผมมีกลอนแปดมาฝากครับ ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมถึงจำกลอนบทนี้ได้ เป็นกลอนที่ผมแต่งขึ้นเมื่อกว่าสามสิบปีที่แล้วหลังจากกลับจากตะรุเตาเป็นครั้งแรก ตอนนั้นยังเป็นเด็กชายอยู่เลย จำได้ว่าเขียนส่งครูวิชาภาษาไทยตอนอยู่ ม.2 ลองอ่านดูนะครับ
ตะรุเตาที่ไปในครานั้น ไม่มีวันลืมไปจากใจฉัน
สิ่งแปลกใหม่แปลกตาสารพัน มีทั้งนั้นที่ได้พบประสบมา
มีทั้งเกาะหินงามที่ลือชื่อ เลื่องระลือว่าหินงามงามหนักหนา
ประหนึ่งดั่งสวรรค์สรรค์เสกมา งามเกินกว่าจะหาคำเปรียบปาน
มีน้ำใสปลาน้อยใหญ่หลายพันธุ์คละ ยากที่จะหาคำใดมากล่าวขาน
หาที่อื่นคงยากจะพบพาน ฝากกล่าววานเพื่อนเพื่อนเชิญเที่ยวเอย
เด็กชาย กิตติ อัตถกิจมงคล ชั้น ม.2/2
โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ไม่น่าเชือว่า สามสิบผ่านมา ความรู้สึกหลังจากกลับมาจากเกาะยังคงเหมือนเดิม แถมครั้งนี้มีภาพประกอบด้วย รอติดตามชมนิตยสารฉบับหน้านะครับ
ขอบคุณค่ะ