Group Blog
All Blog
|
รู้หรือไม่ว่า อาหารเสริมบางอย่างอาจทำให้ใจสั่นได้ บางครั้งเรารับประทานวิตามินเพื่อหวังผลในการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บหรือชะลอวัย การได้รับวิตามินและแร่ธาตุเพียงพอจะช่วยให้เซลล์ในร่างกายทำงานได้ดีที่สุด แต่ภาวะแทรกซ้อนอาจเกิดขึ้นหากได้รับสารอาหารบางชนิดมากเกินไปหรือน้อยเกินไปจนส่งผลให้ใจสั่น (Palpitation) คือ อาการที่คนไข้รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็ว เต้นแรง เต้นไม่สม่ำเสมอหรือเต้นๆหยุดๆ 1.โฟเลต(Folate) โฟเลต(Folate)เรียกอีกอย่างว่า กรดโฟลิกหรือวิตามิน B9 อาจส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจางได้ ตามรายงานของสำนักงานอาหารเสริมแห่งสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (ODS) ในทางกลับกันโรคโลหิตจางอาจทำให้หัวใจวายได้ การขาดโฟเลตจะมีอาการดังนี้ คือ ความเหนื่อยล้า หายใจถี่ หัวใจเต้นเร็ว ไม่มีเรี่ยวแรง ปวดศีรษะ หงุดหงิด ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดยืนยันว่าขาดโฟเลต แพทย์สามารถแนะนำอาหารเสริมที่เหมาะสมหรืออาจแนะนำให้เพิ่มแหล่ง กรดโฟลิกตามธรรมชาติในอาหาร อาหารที่อุดมด้วยโฟเลต ได้แก่ ตับวัว ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำดาว พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่ว ถั่วลันเตา และถั่วเลนทิล 2. วิตามินบี 12 การขาดวิตามินที่อาจทำให้ใจสั่นคือ วิตามินบี 12 เช่นเดียวกับการขาดโฟเลต การขาดวิตามิน B12 สามารถนำไปสู่ภาวะโลหิตจางและด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้หัวใจวายได้ การขาดวิตามินบี 12 มักจะเกิดขึ้นได้ช้าและมักสับสนกับเงื่อนไขอื่น ๆ ดังนั้นควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจสอบว่าขาดสารอาหารนี้หรือไม่ หากมีวิตามินบี 12 ไม่เพียงพอ แพทย์อาจสั่งวิตามินสำหรับอาการใจสั่นและอาการอื่นๆ ในรูปแบบการฉีดหรือรับประทานอาหารเสริม สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าได้รับสารอาหารเพียงพอ หากรับประทานอาหารมังสวิรัติเป็นประจำเนื่องจากผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์เป็นแหล่งวิตามินหลักของ B12 แหล่งวิตามิน B12 ที่ดี ได้แก่ อาหารทะเล เช่น หอยและปู เนื้อวัวและตับเนื้อ ยีสต์ ซีเรียล(ผู้ผลิตมักเติมB12เข้าไป) ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น เต้าหู้ นมถั่วเหลือง และเทมเป้ ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ชีสโยเกิร์ต และนม วิตามินบี 12 มากเกินไปอาจทำให้หัวใจวายได้หรือไม่ ไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าการรับประทานวิตามินในปริมาณมากอาจทำให้หัวใจวายได้ อย่างไรก็ตาม อาจนำไปสู่อาการอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย อ่อนเพลียหรืออ่อนแรง ชาที่มือและเท้า 3. วิตามินดี วิตามินดีเป็นอาหารเสริมอีกชนิดหนึ่งที่อาจทำให้ใจสั่นเมื่อรับประทานในปริมาณมาก การทบทวนในเดือนมีนาคม 2018 ใน Circulation พบว่า การมีวิตามินดีส่วนเกินในร่างกายเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นสำหรับการเต้นของหัวใจห้องบน ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ จากข้อมูลของ Mayo Clinic การรับประทานยา 60,000 หน่วยสากล(IU)ทุกวันในช่วงหลายเดือนสามารถนำไปสู่ความเป็นพิษได้ เพื่อป้องกันปัญหานี้ ผู้ใหญ่ควรปฏิบัติตามแนวทางการบริโภคอาหารสำหรับชาวอเมริกันที่แนะนำให้รับประทานวิตามินดี 600 หน่วยสากล(IU)ต่อวันเท่านั้น ยกเว้นจะได้รับการตรวจเลือดเพื่อเช็คระดับวิตามินเสียก่อน วิตามินดีที่พบในอาหาร จะมีอยู่ 2 ชนิด นั่นคือ 1.วิตามินดี 2 (Vitamin D2) หรือ เออโกแคลซิเฟอรอล (Ergocalciferol) ซึ่งจะมาจากอาหารที่เป็นพืช เช่น เห็ด นมและซีเรียลที่เติมวิตามินดี 2.วิตามินดี 3 (Vitamin D3) หรือ โคเลแคลซิเฟอรอล (Cholecalciferol) พบในเนื้อสัตว์ เช่น ปลาทะเล ไข่แดง นมที่เติมวิตามินดี ตับจะเปลี่ยนวิตามินดี 2 ให้กลายเป็น 25-Hydroxyvitamin D2 และวิตามินดี 3 เป็น 25-Hydroxyvitamin D3 ซึ่งเป็นรูปแบบวิตามินดีที่ร่างกายนำไปใช้ได้ จะเรียกสาร 2 ตัวนี้ว่า Calcifediol วิตามินดี 3 จะเพิ่มระดับ Calcifediol ในเลือดได้มากกว่า วิตามินดี 2 เป็นสองเท่า ดังนั้นหากซื้ออาหารเสริมวิตามินดี ควรเลือกซื้อเป็น วิตามินดี 3 จะดีกว่าคะ ควรพบแพทย์หากมีสัญญาณของการได้รับวิตามินดีเกินขนาด เช่น ไม่มีเรี่ยวแรง คลื่นไส้อาเจียน ปัสสาวะบ่อย เมื่อไม่นานมานี้ มีพี่ผู้หญิงอายุน่าจะ 50 ปีกว่า มีประวัติ Hyperthyroidism ปัจจุบันแพทย์สั่งหยุดยากินแล้ว มาปรึกษาแป้งว่า กิน D3 5000iu +เมลาโทนิน 3 mg อย่างละ 1 เม็ดต่อวัน มาเป็นเวลา 2 เดือนกว่า ไม่พบปัญหาอะไร 2 วันที่ผ่านมา มีอาการใจสั่น ลองหยุดกินวิตามินทั้ง 2 ตัว ปรากฎว่า ไม่มีอาการใจสั่นเกิดขึ้น แป้งลองไปค้นข้อมูลว่า วิตามินมีผลทำให้เกิดอาการใจสั่นได้หรือไม่ ผลปรากฏว่าว่า วิตามินดีที่ overdose(เกินขนาด)จะทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้นนะคะ สังกะสี(Zinc)หรือวิตามินซีทำให้หัวใจวายได้หรือไม่ ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าการขาดสังกะสี(Zinc)หรือวิตามินซีหรือการใช้ยาเกินขนาดอาจทำให้หัวใจวายได้ อย่างไรก็ตาม การขาดแร่ธาตุสังกะสีอาจทำให้เกิดอาการอื่นๆ เช่น เด็กจะเจริญเติบโตช้า เบื่ออาหาร การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง นอกจากนี้การขาดวิตามินซีจะทำให้เกิดอาการเลือดออกตามไรฟัน ความเหนื่อยล้า เหงือกอักเสบ ปวดข้อ แผลหายช้า แต่สังกะสีหรือวิตามินซีมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการของระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องร่วง 4.แคลเซียม การมีแคลเซียมไหลเวียนในเลือดมากเกินไป เป็นภาวะที่เรียกว่าภาวะแคลเซียมในเลือดสูง บางครั้งอาจทำให้หัวใจวายได้ อย่างไรก็ตาม อาการใจสั่นหรือหัวใจเต้นผิดปกตินั้นพบได้น้อยมาก และเป็นผลมาจากภาวะแคลเซียมในเลือดสูงอย่างรุนแรง ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงสามารถเกิดขึ้นได้ หากรับประทานวิตามินดีในปริมาณสูงหรืออาหารเสริมแคลเซียมในปริมาณมาก ภาวะนี้มักเกิดจากภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง ต่อมพาราไทรอยด์ทำงานมากเกินไป หรืออาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีวิตามินดี วิตามินเอ หรือแคลเซียมเสริมมากเกินไป รวมทั้งอาจพบได้ในผู้ที่เป็นโรคไต วัณโรค ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงที่มีสาเหตุจากโรคมะเร็ง เป็นภาวะคุกคามชีวิตที่พบได้บ่อย ประมาณร้อยละ10-30 มะเร็งท่ีพบบ่อยได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้และมะเร็งที่แพร่กระจายไปกระดูก รวมถึงผู้ที่เคลื่อนไหวร่างกายได้น้อย มีการกดทับที่กระดูกเป็นระยะเวลานาน ทำให้กระดูกปลดปล่อยแคลเซียมเข้าสู่เลือด โดยผู้ที่มีแคลเซียมในเลือดสูงไม่มากนัก มักจะไม่แสดงอาการใดๆ แต่ในรายที่แคลเซียมในเลือดสูงรุนแรง อาจแสดงอาการแตกต่างกันไป เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร กระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย กล้ามเนื้ออ่อนแรง อ่อนเพลีย สับสน หัวใจเต้นผิดจังหวะ ใจสั่น รวมไปถึงกระดูกบางและแตกหักได้ง่าย เมื่อสงสัยว่ามีภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ให้พบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษา และหากมีโรคประจำตัวที่ส่งผลต่อความสามารถของร่างกายในการประมวลผลแคลเซียม เช่น โรคไต ให้ปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสม หากม่มีข้อกังวลด้านสุขภาพใดๆ ก็ตาม ให้ยึดตามแนวทางการบริโภคอาหารสำหรับชาวอเมริกันที่แนะนำให้บริโภค 1,000 มก. ต่อวัน หรือ 1,200 มก. ในผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 51 ปี 5. แอล-ไลซีน L-lysine เป็นกรดอะมิโนที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและผลิตคอลลาเจน แต่การได้รับแอล-ไลซีนไม่เพียงพออาจทำให้หัวใจวายทางอ้อม การขาดสารอาหารนี้อาจนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น หัวใจเต้นผิดปกติ นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดอาการต่างๆเช่น ความเหนื่อยล้า คลื่นไส้ เวียนหัว เบื่ออาหาร ดวงตาแดงก่ำ เด็กเจริญเติบโตช้า ควรรับประทานอาหารที่อุดมด้วยโปรตีนซึ่งมีไลซีนให้มากๆ อาหารเหล่านี้ได้แก่ เนื้อสัตว์ ปลา ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น เต้าหู้และเทมเป้ ถั่วและเนยถั่ว พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่ว ถั่วลันเตา และถั่วเลนทิล 6.โพแทสเซียม โพแทสเซียมเป็นอาหารเสริมอีกชนิดหนึ่งที่อาจทำให้หัวใจวายได้ เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นและอิเล็กโทรไลต์ที่ช่วยให้จังหวะการเต้นของหัวใจทำงานได้ตามปกติ แต่การได้รับสารอาหารไม่เพียงพออาจส่งผลให้เกิดภาวะที่เรียกว่า ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ ซึ่งในกรณีที่รุนแรงอาจทำให้เกิดปัญหาที่เกี่ยวกับหัวใจ เช่น อาการใจสั่นและหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำที่ควรระวัง ได้แก่ กล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพาต รู้สึกแสบร้อนหรือเหน็บที่แขนและขา ในทางกลับกัน การมีโพแทสเซียมมากเกินไปในระบบซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่า ภาวะโพแทสเซียมสูง อาจนำไปสู่ปัญหาที่คล้ายคลึงกันได้ ในกรณีที่รุนแรง อาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ โพแทสเซียมมีอย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในผลไม้และผักทุกชนิด แต่พบมากในกล้วย กีวี ลูกพรุน อะโวคาโด แคนตาลูป มันฝรั่ง มันเทศ ถั่วต่างๆ ไข่ โยเกิร์ต หรือในอาหารเสริมบางประเภท แต่พบได้น้อยในเนยแข็ง โพแทสเซียมในเลือดสูงมีได้หลากหลายอาการที่พบได้บ่อย เช่น เหนื่อย คลื่นไส้ เคลื่อนไหวได้ช้าลง หัวใจและชีพจรเต้นผิดจังหวะและเต้นช้า เป็นลมหมดสติ ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำอย่างรุนแรงและภาวะโพแทสเซียมสูงเป็นอันตรายถึงชีวิตได้โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ควรไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการ 7. แมกนีเซียม การขาดแมกนีเซียมอย่างรุนแรงอาจส่งผลให้เกิดปัญหาหัวใจ เช่นจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติและอาการกระตุกของหลอดเลือด แมกนีเซียมยังมีบทบาทในการใช้วิตามินดี แคลเซียม และโพแทสเซียมในร่างกาย ทั้งหมดนี้สามารถนำไปสู่อาการใจสั่นได้เช่นเดียวกัน อาการของการขาดแมกนีเซียม เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ไม่มีเรี่ยวแรง ปวดหัว อาการชาหรือรู้สึกเสียวซ่า กล้ามเนื้อหดตัวหรือเป็นตะคริว อาหารที่อุดมด้วยแมกนีเซียม ได้แก่ ผักใบเขียว ผักโขม ผักที่มีแป้ง เช่น มันฝรั่ง อะโวคาโด ถั่ว แซลมอน สำหรับผู้ใหญ่ ปริมาณแมกนีเซียม 310-420 มิลลิกรัมต่อวัน ถือว่าปลอดภัย ผู้สูงอายุและผู้ที่มีภาวะระบบทางเดินอาหารและเบาหวานชนิดที่ 2 มีความเสี่ยงต่อภาวะขาดแมกนีเซียมอย่างรุนแรง หากอยู่ในข้อใดข้อหนึ่งเหล่านี้และมีอาการ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม แม้ว่าวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดอาจทำให้หัวใจวายได้ นอกเหนือจากอาหารเสริม โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือสารกระตุ้นอื่นๆและนิโคตินในผลิตภัณฑ์ยาสูบสามารถนำไปสู่การเต้นของหัวใจที่ไม่สม่ำเสมอหรือเต้นเร็วได้ ยาบางชนิดอาจทำให้หัวใจเต้นเร็วได้ เช่น ยาสูดพ่นหอบหืด ยาแก้คัดจมูก ยาที่ควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ ยาไทรอยด์ ยาแก้ไอและยาแก้หวัด ที่มา www . livestrong . com/article/285943-vitamins-that-cause-heart-palpitations/ แคลเซียมในเลือดผิดปกติ อันตรายกว่าที่คิด | โรงพยาบาลเปาโล - Paolo Hospital |
แป้งปังปอนด์
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 878 คน [?] เริ่มเขียนblog 20ก.ค55 ปัจจุบัน ( 3 มี.ค 57 ) แป้งได้มีเพจแป้งปังปอนด์ สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์แชร์ข้อมูลจาก blog ให้ท่านที่สนใจได้ติดตามอ่านอย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาโหลดเนื้อหาจาก blog ดังนั้นขออนุญาตงดตอบคำถามใดๆทางเพจและ facebook ค่ะ หากท่านใดมีคำถามเกี่ยวกับการกินวิตามินเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพและบำรุงผิวพรรณ รบกวนส่งคำถามไปยัง blog แป้งปังปอนด์ นานาสารพันปัญหา volume 5 อย่างเดียวเท่านั้นค่ะ ขออนุญาตฝากกด like เพจแป้งปังปอนด์ เพื่อเป็นกำลังใจในการสรรค์สร้างผลงานด้วยมันสมองและสองมือพยาบาลสาวภูไท คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จบการศึกษา ปี พ.ศ 2539 จากที่ราบสูงคนนี้ด้วยนะคะ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการนำชื่อ " แป้งปังปอนด์ " ไปใช้เพื่ออ้างอิงหรือติดป้ายสินค้าในเวปไซด์หรือที่ใดๆหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน " Blog แป้งปังปอนด์ " แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยการเผยแพร่เพื่อการอ้างอิงหรือนำรูปภาพไปโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
|