มีนาคม 2564

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
31
 
 
All Blog
โพรไบโอติก(Probiotic)กับผลข้างเคียงที่ควรรู้
การค้นพบโพรไบโอติกเกิดขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อ Elie Metchnikoff หรือที่รู้จักกันในนาม "บิดาแห่งโพรไบโอติก" ได้สังเกตว่า ชาวชนบทในประเทศบัลแกเรียมีสุขภาพแข็งแรงแม้อยู่ในวัยชรา ท่ามกลางความยากจนและสภาพอากาศอันเลวร้าย เขาตั้งทฤษฎีว่าสุขภาพจะดีขึ้นและมีความชราช้าลง โดยการจัดการจุลินทรีย์ในลำไส้ด้วยแบคทีเรียที่เป็นมิตรกับร่างกายที่พบในนมเปรี้ยว ตั้งแต่นั้นมาการวิจัยยังคงสนับสนุนการค้นพบของเขาพร้อมกับประโยชน์ที่มากยิ่งขึ้น

โพรไบโอติกมักถูกเรียกว่า "แบคทีเรียดี" เพราะช่วยให้ลำไส้แข็งแรง หากพูดถึงเรื่องแบคทีเรีย หลายๆคนอาจจะคิดถึงเชื้อโรคร้ายที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ แต่จริงๆ แล้วแบคทีเรียนั้นมีหลายประเภททั้งแบคทีเรียที่ก่อโรคและแบคทีเรียดีที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งเรียกว่า Probiotic

Probiotic คือกลุ่มแบคทีเรียหรือยีสต์ที่อยู่ในระบบทางเดินอาหาร และระบบอื่นๆ ของมนุษย์ เมื่อมีอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบทางเดินอาหารและระบบอื่นๆ ของร่างกาย เนื่องจากจุลินทรีย์ที่เป็นมิตรเหล่านี้มีส่วนช่วยในการดูดซึมสารอาหาร การป้องกันโรค และรักษาภาวะที่ผิดปกติของร่างกาย

โพรไบโอติกเป็นแบคทีเรียและยีสต์ที่มีชีวิต ซึ่งให้ประโยชน์ต่อสุขภาพเมื่อบริโภคในปริมาณมาก

โพรไบโอติกที่พบบ่อยที่สุดสองชนิดในท้องตลาด ได้แก่ แบคทีเรียชนิดดีที่เรียกว่า แลคโตบาซิลลัสและบิฟิโดแบคทีเรียม 

เราสามารถรับประทานโพรไบโอติกเป็นอาหารเสริมหรือบริโภคตามธรรมชาติผ่านอาหารหมัก เช่น โยเกิร์ต คีเฟอร์(Kefir) กะหล่ำปลีดอง กิมจิ คอมบูชะ มิโซะ เต้าเจี้ยว ฯลฯ

มีประโยชน์ดังนี้
1.โพรไบโอติกอาจช่วยบรรเทาปัญหาการย่อยอาหารต่างๆ รวมถึงอาการท้องร่วง ตะคริวและปวดท้องซึ่งเป็นอาการของโรคลำไส้แปรปรวน ( IBS )

การศึกษาที่ตีพิมพ์ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ในเภสัชวิทยาทางเดินอาหารและการบำบัดพบว่า โพรไบโอติกสามารถช่วยบรรเทาอาการ IBS เหล่านี้ได้

2.โพรไบโอติกอาจช่วยสุขภาพช่องปาก การวิเคราะห์ที่ตีพิมพ์ในปี 2559 ในวารสาร Journal of Indian Society of Periodontology พบหลักฐานเพิ่มขึ้นว่า การใช้โพรไบโอติกสามารถลดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคเหงือกได้

3.โพรไบโอติกอาจบรรเทาอาการแพ้ การศึกษาที่ตีพิมพ์ในเดือนมิถุนายน 2018 ใน Clinical and Molecular Allergy พบว่า โพรไบโอติกมีแนวโน้มในการรักษาอาการแพ้ไรฝุ่น เนื่องจากมีหลักฐานว่าช่วยเสริมสร้างการตอบสนองภูมิคุ้มกันของร่างกาย

4.โพรไบโอติกอาจช่วยป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน การศึกษาที่ตีพิมพ์ในเดือนมิถุนายน 2018 ในเทคโนโลยีชีวภาพสังเคราะห์ พบว่าในผู้ใหญ่ที่เป็นหวัด การใช้โพรไบโอติกช่วยลดอุบัติการณ์ของการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน นักวิจัยระบุว่า โพรไบโอติกช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน

5.โพรไบโอติกอาจช่วยให้สิวหายได้ การทบทวนที่ตีพิมพ์ในเดือนเมษายน 2020 ใน Dermatologic Therapy พบว่า สิวเกี่ยวข้องกับแบคทีเรียบริเวณผิวหนังที่เรียกว่า Propionibacterium acnes และโพรไบโอติกอาจยับยั้งแบคทีเรียนี้ได้ นักวิจัยแนะนำให้ใช้โพรไบโอติกนอกเหนือจากการรักษามาตรฐานสำหรับสิวผดเล็กน้อยถึงปานกลาง

แม้ว่าจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายที่เชื่อมโยงกับการรับประทานโพรไบโอติก แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงได้เช่นกัน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยและมีผลกระทบต่อคนจำนวนน้อยเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในคนที่เป็นโรคร้ายแรงหรือระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกรุกรานอาจพบภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้น

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยของโพรไบโอติก

1.อาจทำให้เกิดอาการทางเดินอาหารที่ไม่พึงประสงค์ คือ การเพิ่มแก๊สในกระเพาะอาหาร ท้องอืดและท้องเฟ้อ 

ผู้ที่รับประทานโพรไบโอติกที่ใช้ยีสต์ อาจมีอาการท้องผูกและกระหายน้ำมากขึ้น

ไม่ทราบแน่ชัดว่าเหตุใดบางคนจึงได้รับผลข้างเคียงเหล่านี้ แต่โดยทั่วไปแล้วอาการเหล่านี้จะลดลงหลังจากรับประทานต่อเนื่องสองถึงสามสัปดาห์

เพื่อลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียง ให้เริ่มรับประทานโพรไบโอติกในปริมาณที่น้อยและค่อยๆเพิ่มขึ้นในสองสามสัปดาห์
หากยังมีอาการท้องอืดหรือผลข้างเคียงอื่นๆเกิดขึ้น ให้หยุดรับประทานโพรไบโอติก

2.โพรไบโอติกอาจกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัว
โพรไบโอติกบางชนิด เช่น โยเกิร์ต กะหล่ำปลีดอง กิมจิ มีสารประกอบเอมีน(ไบโอเจนิกเอมีนเป็นสารที่เกิดขึ้นเมื่ออาหารที่มีโปรตีนมีอายุมากขึ้นหรือหมักด้วยแบคทีเรีย)

เอมีนที่พบบ่อยที่สุดในอาหารที่อุดมด้วยโพรไบโอติก ได้แก่ ฮิสตามีน ไทรามีน ทริปตามีน และฟีนิลไทลามีน

เอมีนจะกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง สามารถเพิ่มหรือลดการไหลเวียนของเลือดและอาจทำให้เกิดอาการปวดหัวสำหรับผู้ที่ไวต่อสารนี้

3.บางสายพันธุ์สามารถเพิ่มระดับฮีสตามีน แบคทีเรียบางสายพันธุ์ที่ใช้ในอาหารเสริมโพรไบโอติกสามารถผลิตฮีสตามีนในระบบทางเดินอาหารของมนุษย์ 

ฮีสตามีน(Histamine)เป็นโมเลกุลที่ปกติสร้างขึ้นโดยระบบภูมิคุ้มกันเมื่อตรวจพบภัยคุกคาม หากระดับฮีสตามีนสูงขึ้น หลอดเลือดจะขยายตัวเพื่อนำเลือดไปยังบริเวณที่ได้รับผลกระทบมากขึ้นหลอดเลือดยังสามารถซึมผ่านได้มากขึ้น เพื่อให้เซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถเข้าไปในเนื้อเยื่อที่เกี่ยวข้องเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค

กระบวนการนี้ทำให้เกิดรอยแดงและบวมในบริเวณที่ได้รับผลกระทบและสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ เช่น คัน น้ำตาไหล น้ำมูกไหลหรือหายใจลำบาก(คนที่เป็นภูมิแพ้จะมองเห็นภาพชัดเจนกว่าใครเพราะเป็นอยู่ประจำ)

โดยปกติฮีสตามีนที่ผลิตในระบบทางเดินอาหารจะถูกย่อยสลายตามธรรมชาติโดยเอนไซม์ที่เรียกว่า diamine oxidase(DAO) เอนไซม์นี้ยับยั้งระดับฮีสตามีนไม่ให้เพิ่มขึ้นมากพอที่จะทำให้เกิดอาการ  อย่างไรก็ตามบางคนที่แพ้ฮีสตามีนจะมีปัญหาในการทำลายฮีสตามีนในร่างกายอย่างเหมาะสม เนื่องจากผลิต DAO ไม่เพียงพอ

โพรไบโอติกสายพันธุ์ที่สร้างฮิสตามีน ได้แก่ Lactobacillus buchneri, Lactobacillus helveticus, Lactobacillus hilgardii and Streptococcus thermophilus

4.ส่วนผสมบางอย่างอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ ผู้ที่มีอาการแพ้หรือแพ้ง่ายควรอ่านฉลากของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโพรไบโอติกอย่างละเอียด เนื่องจากอาจมีส่วนผสมที่สามารถตอบสนองได้
เช่น มีสารก่อภูมิแพ้ อาทิ นม ไข่ ถั่วเหลือง

ทุกคนที่แพ้ควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมเหล่านี้ เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ หากจำเป็นที่จะต้องใช้ควรอ่านฉลากอย่างละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยง  ในทำนองเดียวกันโพรไบโอติกที่ใช้ยีสต์ไม่ควรนำมาใช้กับผู้ที่แพ้ยีสต์ ควรเลือกโพรไบโอติกที่ใช้แบคทีเรียแทน

น้ำตาลในนมหรือแลคโตส(lactose)ยังใช้เป็นอาหารเสริมโพรไบโอติกหลายชนิด ในขณะที่การศึกษาชี้ให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่ที่แพ้แลคโตสสามารถทนต่อแลคโตสได้ถึง 400 มิลลิกรัมในยาหรืออาหารเสริม

คนที่แพ้แลคโตส อาจพบแก๊สที่ไม่พึงประสงค์ ไม่สบายท้องและท้องอืดเมื่อบริโภคโพรไบโอติกที่มีแลคโตส 

นอกเหนือจากการมีโพรไบโอติกที่มีประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบางอย่างยังมีพรีไบโอติก(prebiotic)ซึ่งเป็นเส้นใยพืชที่ระบบทางเดินอาหารมนุษย์ไม่สามารถย่อยได้ แต่แบคทีเรียสามารถใช้เป็นอาหารได้ ชนิดที่พบบ่อยได้แก่ แลคตูโลส(lactulose)อินนูลิน(inulin)และโอลิโกแซ็กคาไรด์(oligosaccharide)

อาหารเสริมที่มีทั้งจุลินทรีย์โพรไบโอติกและเส้นใย prebiotic เรียกว่า synbiotic

5.สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อสำหรับบางคน โพรไบโอติกปลอดภัยสำหรับประชากรส่วนใหญ่ แต่อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน บางกรณีแบคทีเรียหรือยีสต์ที่พบในโพรไบโอติกสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและทำให้เกิดการติดเชื้อในผู้ที่อ่อนแอ

ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงสุดในการติดเชื้อจากโพรไบโอติก ได้แก่ ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกกดจากการรับประทานยาสเตียรอยด์ การเข้ารับ การรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน การสวนหลอดเลือดดำหรือผู้ที่เพิ่งได้รับการผ่าตัด(ร่างกายผู้ป่วยเกิดความอ่อนแอ จึงเป็นโอกาสที่ทำให้เกิดติดเชื้อแบคทีเรียโพรไบโอติกได้)

อย่างไรก็ตามผลข้างเคียงมักเกิดขึ้นในผู้ที่อายุน้อยหรือผู้สูงอายุและผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรงหรือระบบภูมิคุ้มกันที่เสียหาย เช่น ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีหรือป่วยระยะสุดท้าย โพรไบโอติกอาจไม่ดีสำหรับผู้ที่ป่วยหนักอยู่แล้ว

การวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าผู้ที่เป็นโรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันอย่างรุนแรงไม่ควรรับประทานโพรไบโอติก เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต

ทุกคนที่เลือกรับประทานอาหารเสริมโพรไบโอติกต้องใช้ความระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุและผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกรุกราน 

สำหรับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันถูกรุกรานเนื่องจากโรคหรือการรักษาโรค เช่น ผู้ป่วยมะเร็งที่รับเคมีบำบัด ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีหรือป่วยระยะสุดท้าย การใช้โพรไบโอติกอาจเพิ่มโอกาสในการป่วยได้ 

การใช้โพรไบโอติกต่างๆสำหรับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือผู้ป่วยที่มีลำไส้รั่ว ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อและภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารเสริมภายใต้สถานการณ์เหล่านี้

หากกำลังรับเคมีบำบัด ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะหรือเพิ่งผ่าตัด ควรรอจนกว่าจะหายเป็นปกติก่อนที่จะเริ่มรับประทานโพรไบโอติก


ที่มา 

When Probiotics Are Bad For You - Heart to Heart Medical ...hearttoheartmedicalcenter.com › Blog

5 Possible Side Effects of Probiotics - Healthlinewww.healthline.com › nutrition › probioti...

 

Probiotics, Prebiotics & Synbiotics: Benefits, Definition, Side ...www.medicinenet.com › probiotics › article

 

Could You Benefit From a Probiotic Supplement? | Everyday ...www.everydayhealth.com › digestive-health

 

โพรไบโอติกส์ - โรงพยาบาลนนทเวชwww.nonthavej.co.th › Probiotics




Create Date : 30 มีนาคม 2564
Last Update : 30 มีนาคม 2564 20:12:36 น.
Counter : 1290 Pageviews.

0 comments

แป้งปังปอนด์
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 878 คน [?]



เริ่มเขียนblog 20ก.ค55
ปัจจุบัน ( 3 มี.ค 57 ) แป้งได้มีเพจแป้งปังปอนด์ สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์แชร์ข้อมูลจาก blog ให้ท่านที่สนใจได้ติดตามอ่านอย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาโหลดเนื้อหาจาก blog ดังนั้นขออนุญาตงดตอบคำถามใดๆทางเพจและ facebook ค่ะ






หากท่านใดมีคำถามเกี่ยวกับการกินวิตามินเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพและบำรุงผิวพรรณ รบกวนส่งคำถามไปยัง blog แป้งปังปอนด์ นานาสารพันปัญหา volume 5 อย่างเดียวเท่านั้นค่ะ


ขออนุญาตฝากกด like เพจแป้งปังปอนด์ เพื่อเป็นกำลังใจในการสรรค์สร้างผลงานด้วยมันสมองและสองมือพยาบาลสาวภูไท คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จบการศึกษา ปี พ.ศ 2539 จากที่ราบสูงคนนี้ด้วยนะคะ


สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการนำชื่อ " แป้งปังปอนด์ " ไปใช้เพื่ออ้างอิงหรือติดป้ายสินค้าในเวปไซด์หรือที่ใดๆหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน " Blog แป้งปังปอนด์ " แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยการเผยแพร่เพื่อการอ้างอิงหรือนำรูปภาพไปโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด




New Comments
MY VIP Friend