สัพเพเหระ ตอนที่ 12 ไม่น่าเปรี้ยวเรยตู
คือว่า ผมไปเที่ยวปราณเป็นครั้งแรกอ่ะนะครับ ก็ขับรถไปเองคนเดียว เที่ยวคนเดียว กินคนเดียว ทุก ๆ อย่างคนเดียว ก็นะ คนมันโฉดนิ

เรื่องของเรื่องครับ ผมไปเที่ยวถ้ำมา ถ้ำพระยานครครับ เป็นหนึ่งใน unseen in Thailand ด้วยนะ แล้วก็เป็นอีกหนึ่งใน สิบสองเดือน เก้าตะวัน อะไรเทือกนี้ด้วยแหละ

ก่อนไปผมก็หาข้อมูลก่อนว่าจะไปให้ถึงถ้ำนี้ยังไง หาำตำแหน่งบนแผนที่แล้วก็ mark จุดให้เครื่อง GPS นำทางไป หลังจากหลงทางนิดหน่อย ก็มาถีึงจนได้

ถ้ำพระยานครตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เมื่อเข้าเขตอุทยานแล้ว ก็ต้องไปจอดรถที่จุุดจอดรถตรงตีนเขาเทียน แล้วจากนั้นมีสองทางเลือกคือ เดินข้ามเขาเทียนไปห้าร้อยเมตร แล้วก็เดินไปที่ทางขึ้นถ้ำเพื่อเดิน ๆ ปีน ๆ อีกสี่ร้อยสามสิบเมตร ก็จะถึงตัวถ้ำครับ

ทางเลือกที่สองคือนั่งเรือจากจุดจอดรถตีนเขาเทียน นั่งเรืออ้อมไปจนถึงทางขึ้นถ้ำเพื่อเดิน ๆ ปีน ๆ อีกสี่ร้อยสามสิบเมตรจนถึงตัวถ้ำ

คงจะเดากันไม่ยากนะครับว่าผมเลือกทางไหน

ใช่ครับ ความบ้าไม่เข้าใครออกใคร ผมก็เลือกที่จะเดินไป โอ้โฮเฮะ ไม่ใช่อุจจาระ ๆ เลยนะเนี่ย ถึงแม้ว่าแดดจะยังไม่แรงมาก เพราะว่าตอนที่ผมเริ่มเดินขึ้น เป็นเวลาประมาณแปดโมงกว่า ๆ แต่ว่าทางที่ค่อนข้างชัน และเต็มไปด้วยหิน ทำให้เดินลำบากและเปลืองแรงมากทีเดียว

ห้าร้อยเมตรแรกผ่านไป เหงื่อท่วมตัว น้ำหมดไปครึ่งขวด ผมเดินตามหาดไปเริ่อย ๆ จนถึงทางขึ้นถ้ำ ซึ่งจะต้องปีนไปตามทางอีกสี่ร้อยสามสิบเมตร พระเจ้าช่วยด้วย ทางชันกว่าห้าร้อยเมตรแรกซะอีก

ผมก็ เอาฟะ ลุย ไหน ๆ มาถึงแล้ว ก็เลยลุยแหลก ผมก็เริ่มเดินไต่ไปตามทางไปเรื่อย ๆ แต่ความที่ผมเร่งมากไปหน่อย ก็เลยทำให้ขาผมเริ่มไปไม่ค่อยจะไหว ต้องนั่งพักซักหน่อย

เรื่องมันมาเกิดตรงนี้ครับ พอผมลุกขึ้นจะเดินต่อ ผมต้องนั่งลงต่อทันที หน้ามืดครับ วิงเวียน หูอื้อ ตาลาย คล้ายจะเป็นลม ครบเลย เอาไงดีล่ะเนี่ย

ผมก็นั่งพักอยู่ตรงนั้นไปเรื่อย ๆ ระหว่างนั้นผมก็นั่งคิดว่าจะเอายังไงดี จะยอมแพ้ แล้วค่อย ๆ ลงไป หรือจะไปต่อดี ก็เลยตกลงกับตัวเองว่า นั่งดูอาการไปก่อน

อาการไม่ดีขึ้นเลย นั่ง ๆ อยู่นี่แบบว่า รู้สึำกได้ว่าอาการแย่ลงเรื่อย ๆ เหงื่อก็ไหลเอาไหลเอาจนเสื้อเปียกไปหมดทั้งตัว จนผมเริ่มคิดว่าจะยอมล่ะ เพราะว่าจุดที่นั่งพักอยู่ยังไม่ถึงครึ่งทางเลย แต่แล้วก็เหมือนจะเกิดปาฏิหารย์ ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นเรื่อย ๆ ตาเริ่มกลับมามองเห็น หูหายอื้อ แต่ยังเวียน ๆ หัวอยู่ ก็เลยตัดสินใจนั่งดูอาการต่อไป

ผมนั่งพักอยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่คาดว่าต้องมีไม่ต่ำกว่าสี่สิบนาทีแน่นอน แล้วผมก็เริ่มเดินต่อไป ปีนไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดชมวิว ซึ่งหมายความว่า ครึ่งทางแล้ว ค่อยยังชั่วที่อีกครึ่งทางที่เหลือไม่สาหัสเท่าครึ่งแรก แต่สำหรับผมที่สภาพร่างกายไม่เต็มร้อยซะแล้ว ก็่ค่อนข้างแย่เหมือนกัน แต่ผมก็เดินต่อไป คราวนี้ไม่หยุดแล้ว กลัวหน้ามืดอีกรอบ

และแล้วผมก็มาถึง บริเวณถ้ำจะชื้น ๆ เล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ ยังครับยัง ถึงถ้ำแล้วก็จริง แต่ก็ยังต้องเดินต่อไปอีก เดินยากซะด้วยกว่าจะเข้าถึงตัวพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ผมก็แทบแ่ย่เหมือนกัน แต่เชื่อผมเถอะครับ คุ้มครับ ทุกอย่างมันพอเหมาะพอเจาะมาก ๆ ตัวพระที่นั่งเมื่อกระทบกับแสงแดดที่ส่องลงมาแล้ว มันเหมือนกับตัวพระที่นั่งกำลังเล่นกับแสงอยู่ มองขึ้นไปจะเห็นใบไม้ใบเล็ก ๆ ที่ร่วงลงมา กระทบกับแสงแดดแล้ว มันเหมือนกับละอองทองที่กำลังร่วงลงมา

สรุปว่า สวยครับ

เป็นทริปที่แสนเหนื่อย แต่ก็คุ้มมาก ๆ สมแล้วที่เป็นหนึ่งใน Unseen ครับ แนะนำว่า ถ้าร่างกายยังแข็งแรงอยู่ ควรไปครับ แต่ถ้ามีโรคประจำตัวที่เหนื่อยมากไม่ได้เช่นโรคหัวใจ ผมก็ไม่แนะนำครับ

ก็ขอจบดื้อ ๆ เลยแล้วกันครับ ถ้ายังไหว ผมว่าผมจะมาอีกครับ



Create Date : 06 พฤษภาคม 2553
Last Update : 6 พฤษภาคม 2553 21:17:20 น.
Counter : 645 Pageviews.

2 comments
  
เป็นทริปที่ลุยจริงๆเลย นี่ถ้าชวนหนูไปด้วยนะ สบายไปแล้ว ไม่ต้องมานั้งหน้ามืดด้วย

เพราะหนูจะูเลือกทางเลือกที่สอง อย่างแน่นอน

Ps.ไม่น่าเปรี้ยวเลยจาน...^^
โดย: kaesri IP: 58.9.246.42 วันที่: 6 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:46:10 น.
  

โดย: tongsehow วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:24:12 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

The Queenslander
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



พฤษภาคม 2553

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog