<<
กุมภาพันธ์ 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
20 กุมภาพันธ์ 2550

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง : ความเข้าใจที่เพียงพอ

ความนำ

ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ หรืออ่านหนังสือพิมพ์ ก็จะได้เห็นได้ยิน ได้เจอคำว่า “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” อย่างคุ้นชินเสมือนว่า คำๆ นี้ คือ ญาติสนิทมิตรสหายที่เข้ามาทักทายในชีวิตประจำวันอย่างไม่ขาดสาย
แม้ว่าจะคุ้นเคยกันอย่างนี้ แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจความหมายของ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” กันอย่างแท้จริง หลายคนอาจจะทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงได้พระราชทานปรัชญาเศรษฐกิงพอเพียงเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยเมื่อครั้งที่ เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ปี พ.ศ. 2540 แต่การจะเข้าใจให้ลึกซึ้ง เข้าถึงอย่างถูกต้องนั้น แค่ได้ยินได้อ่าน คงยังไม่เพียงพอจนกว่าจะได้คิดตามไปด้วย เพื่อให้เกิดความเข้าใจในระดับหนึ่ง (จากนั้นคงต้องเป็นหน้าที่ผู้อ่านไปคิดต่อ) ผู้เขียนควรจะต้องกล่าวถึงที่มาของแนวคิดนี้ ความหมายคำนิยาม ตลอดจนการนำแนวคิดนี้ไปสู่การปฏิบัติ




ความเป็นมา

“ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแกพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 25 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ



ความหมาย*




คำนิยามเกี่ยวกับ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ให้จำได้ง่ายที่สุด คือ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ปัจจัยสำคัญที่เป็นแก่นแท้ของ 3 ห่วง คือ 1.ความพอประมาณ (Moderation) หมายถึง ความพอดี (dynamic optimum) ไม่สุดโต่งจนเกินไป 2.การมีเหตุมีผล (Reasonableness) หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอประมาณโดยคาดผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำนั้น (expected results) อย่างรอบคอบ 3.มีภูมิคุ้มกันที่ดี (Self-Immunity) เพื่อเตรียมตัวพร้อมรับผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นลักษณะของพัลวัตร ความพอเพียง (systematic and dynamic optimum) จึงต้องคำนึงถึงสิ่งที่เป็นไปได้ (scenario) ในอนาคต ภายใต้ข้อจำกัดของความรู้ที่มีอยู่ (bounded rationality)
ส่วน 2 เงื่อนไขคือ การมีความรู้ (Set of knowledge) คู่คุณธรรม (Ethical Qualifications) หากมีสิ่งเหล่านี้ ไม่มีคำว่าไปไม่รอด ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญมากในการดำเนินชีวิต เบื้องต้นคงต้องใช้วิธีค่อยเป็นค่อยไป
เงื่อนไขแรก การมีความรู้นั้น ประกอบไปด้วย รอบรู้ (Stock of all relevant knowledge) คือมีความรู้คลอบคลุมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเป็นพื้นฐานการคิดตัดสินใจ รอบคอบ (Connectivity of all acquired knowledge ) คือ นำความรู้มาพิจารณาเชื่อมโยงสัมพันธ์กันก่อนนำไปประยุกต์ปฏิบัติ และ ระมัดระวัง (Utilization of knowledge at any poit of time with carefulness and attentiveness) คือ มีสติในการปฏิบัติเพราะในความเป็นจริง สถานการณ์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เงื่อนไขที่สอง คุณธรรม ต้องเสริมสร้างใน 2 ด้าน ได้แก่ ด้านจิตใจ คือ ซื่อสัตย์ สุจริต และด้านการกระทำ คือ ขยัน อดทน แบ่งปัน
ทั้งหมดนี้นำไปสู่ความพัฒนาอย่างรอบด้าน คือ ชีวิต เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ให้เป็นไปอย่าง สมดุล มั่นคง และยั่งยืน



ความไม่เข้าใจ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราโชวาทตอนหนึ่งว่า

“…เศรษฐกิจพอเพียง ได้พูดหลายต่อหลายครั้ง อธิบายแล้วอธิบายอีก 3 ปีกว่าจะเข้าใจ … …ไม่ใช่ดูถูกท่านว่าท่านไม่เข้าใจ… …แต่เข้าใจผิดมันต่างกัน ไม่เข้าใจกับเข้าใจผิด ไม่เข้าใจไม่เป็นไร เพราะถ้าไม่เข้าใจก็จะปฏิบัติไม่ได้ เมื่อไม่เข้าใจไม่ปฏิบัติก็ดีไป แต่ถ้าเข้าใจผิดและไปปฏิบัติแล้ว บอกว่าพระเจ้าอยู่หัวท่านเป็นอัจริยะอันนี้เสียหาย เสียหายต่อส่วนรวมและเสียหายต่อพระเจ้าอยู่หัว”

เนื่องจากรัฐบาลปัจจุบันน้อมรับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวนโยบายในการบริหารประเทศ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจความหมายอย่างลึกซึ้ง เพื่อขับเคลื่อนในเกิดการปฏิบัติอย่างได้ผล แต่ที่เห็นและเป็นอยู่นั้น พบว่า มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกัน ทั้งในระดับประเทศ ระดับผู้บริหารและระดับชุมชน
ความไม่เข้าใจในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้นเป็นประเด็นสำคัญระดับชาติในทันทีที่มีการแต่งตั้ง คณะกรรมการประงานงานและกระชับความสำพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เมื่อวันแห่งความรัก (วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550) ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อให้การสร้างความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจกับนานาประเทศดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับแนวนโยบายเศรษฐกิจไทย ซึ่งยึดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดประโยชน์อย่างมากต่อประเทศ
ตีความได้ว่า ต่างประเทศเองก็ยังสับสนกับท่าทีของประเทศไทยเรา แม้กระทั่งในประเทศเราเองก็ยังสับสนว่าจะขยับเขยื้อนไปทางใด หากพิจารณาความหมายของ ปรัชญาเศราฐกิจพอเพียงอย่างละเอียดจะพบว่า การพอเพียง ไม่ใช่การพึ่งตนเอง 100% หรือ Sufficiency Economy ไม่ใช่ Self-Sufficiency เพราะนั่นเท่ากับว่า เกินพอดี ที่สำคัญอย่าคิดว่าเมืองไทยอยู่คนเดียวได้ ในเมื่อเศรษฐกิจของเราเป็นแบบ ทุนนิยม ก็คงไม่สามารถจะต้านกระแสโลกาภิวัตน์ได้ จึงต้องรู้อย่างเท่าทัน
นอกจากนี้ การเข้าใจว่า “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นเรื่องของคนที่ยากจน คนที่เกิดวิกฤตในชีวิต ซึ่งเป็นการตีความที่ผิด นำไปสู่ภาพลักษณ์ว่า ใครที่ใช้หลักคิดนี้ คือคนที่มีปัญหาเศรษฐกิจ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว บรรดาผู้มีเงิน หรือเศรษฐีทั้งหลายก็ยิ่งไกลห่างออกจากแนวคิด
ความจริงแล้ว แนวคิดนี้ เหมาะกับประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ภาคส่วนใดของสังคม กระทั่ง ภาคธุรกิจ ยิ่งสามารถนำไปใช้ได้อย่างดี เพราะปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่ากมากและรวดเร็ว การลงทุนใดๆ จึงควรมีความใช้หลักความมีเหตุผล และความรู้ ตลอดจนมีภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันเหตุการณ์อันคาดไม่ถึง
สำหรับผู้ที่รายได้สูงอยู่แล้ว ก็ไม่รอให้ประสบวิกฤตในชีวิต โดยควรยึดหลักนี้ เพื่อการ “ป้องกัน” มากกว่าที่จะ “แก้ไข” ยามที่สายเกินไป ย่อมดีกว่ารอให้เกิดความเสียหายก่อน ในทางปฏิบัติ ก็คงไม่ต้องถึงกับ “เลิก” บริโภคสินค้าราคาแพงตามรสนิยม (แต่ถ้าทำได้ก็ดีอย่างยิ่ง) แค่เพียงค่อยๆ “ลด” อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่เปลี่ยนแปลงแบบกลับหลัง 180 องศา เท่านี้ก็ถือว่าได้ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว



ความส่งท้าย

คำว่า พอเพียง เป็นคำที่ไม่ได้มีความหมายตายตัว ด้วยความที่มีลักษณะเป็นพลวัตร จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คนๆเดียวกัน เมื่อเวลาเปลี่ยนไป เส้นแห่งความพอเพียงก็อาจเปลี่ยนแปลงไปด้วย อย่าว่าแต่ต่างคนต่างจิตต่างใจ ดังนั้น ความพอเพียงของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน และไม่มีเส้นแบ่งที่แน่นอน แต่หากทุกครั้งที่จะกระทำการใดๆ ได้ระลึกถึง หลัก “ 3ห่วง 2 เงื่อนไข” ก็เท่ากับว่า ได้น้อมรับเอาแนวคิดของพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวทางของชีวิตแล้ว


* คำนิยาม คัดมาจาก เวบไซต์ ขับเคลื่อนเศรฐกิจพอเพียง


หมายเหตุ : ได้บัญชา เอ๊ย ! แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้จากน้องแว่นครับ


Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2550 15:23:10 น. 47 comments
Counter : 1549 Pageviews.  

 
ขอบคุณ คุณพี่ปลาหมึด มากมายที่ช่วยเค้าทำงาน
ถ้าไม่มีพี่ปลาหมึดเค้าคงแย่แน่ๆๆ อะ
จากน้องหมั่นมั้น


โดย: น้องแว่น IP: 203.131.212.11 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:27:08 น.  

 



โดย: พี่ปลาหมึด (Nutty Professor ) วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:31:14 น.  

 
ตอนนี้ กลายเป็น แฟชั่น กลายๆไปแล้วคัรบ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเนี่ย

เท่าที่ผมเห็นและมีประสบการณ์ มา
หลายๆคนเอาไปใช้และอธิบายกันแบบเลอะเทอะก็มีนะ

ล่าสุดลงไปภาคใต้ คุยกับพวกอาจารย์ในมหาลัย ทางนั้น เค้าก็บ่นกันเรื่องการทำวิจัยเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง

บ่นว่าไม่รู้จะชีวัดกันยังไง

ป.ล.
แล้ว คุณสมคิด จะตอบคำถามเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง ได้มั้ยอ่าครับ พี่ปลาหมึด (ขอเนียนเรียกไปกับคุณใน คอมเม้นท์แรกด้วย หุ หุ )


โดย: กุมภีน วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:03:28 น.  

 
ท่านกุมภีน...ผมคิดว่า คุณสมคิดซึ่งมีทั้งประสบการณ์และความสัมพันธ์กับนักธุรกิจอันดี น่าจะอธิบายให้ต่างชาติเข้าใจได้ในระดับหนึ่งนะฮะ
อาจไม่ต้องเข้าใจลึกซึ้งมาก แต่แค่ไม่คิดว่าเรา ปิดประเทศ ก็น่าพอใจได้ในชั้นต้นฮะ



โดย: Nutty Professor วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:09:24 น.  

 
สอบผ่านหมดย่ะ มือชั้นนี้แล้ว ฮิๆโฮะๆ

เหลือสัมพราดอ่ะ จะไม่ได้ก็ตรงนี้แหละ

ไม่ยอมคุยกะเราในเอ็มจำไว้ๆพี่ณัติอ้วน


โดย: ผี IP: 203.144.184.163 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:11:44 น.  

 
^
^
^
ฮิ้ววววววววววววว....อิจฉาวุ้ย


น้องเราได้เป็นลูกกุญแจแล้ว เหอ เหอ เหอ อย่าลืมเอาใจช่วยพี่ด้วยนะเจ้านัท

อ่านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แล้วก็ประมาณเข้าเค้าหลัก มัชฌิมาฯเลยเนอะ คนเราถ้ามีความพอดี ก็จะมีความสุข แต่นั่นแหละ ทุกข์ส่วนมากของมนุษย์ ก็ คือ "ไม่รู้จักพอ" นั่นเอง


โดย: PANDIN วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:15:04 น.  

 
ไม่มีฟามรู้ ทฤดง ทฤษดีหรอกค่า

รู้แค่ อย่าโลภมาก เอาตัวเองให้รอดไม่เดือดร้อนคนอื่น ก็น่าจะพอนะ จิงมะ


โดย: ตอง (Kazalong ) วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:50:46 น.  

 
ความพอเพียง คือ....เฮ้อ....


โดย: mungkood วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:20:41:04 น.  

 
เม้นต์ 1 เม้นต์ 2 ... ฮิ้วววววว


โดย: rebel วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:07:28 น.  

 
อะไรคือ "เศรษฐกิจพอเพียง"ที่รัฐบาลกำลังต้องการทำกันแน่ ยิ่งวันก็ยิ่งงง...ไม่สนอะไรแล้วตอนนี้ เอาแค่ชีวิตรอดไปวันๆเหอะ


โดย: cat in the cradle IP: 58.9.140.201 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:45:34 น.  

 
ตอนนี้กำลังทำรายรับรายจ่ายอยู่ค่ะ 1 เหรียญก็จด.. อิอิ


โดย: KungGuenter วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:2:35:43 น.  

 
เข้ามาจะมาเม้นแบบมีสาระซะหน่อย เจอเม้น 1 เม้น 2 เข้าไป อิจฉาอ่ะ

enjoy your day


โดย: Holden Caulfield วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:04:38 น.  

 
ผีหยก...โฮ่ๆ ดีใจด้วยผ่านด่านอรหันต์ไปได้ เอ แต่ด่านสัมพราดเนี่ย ไม่น่าจะยากนะ ถ้าไม่ไปกวนอาจานเค้าเข้า
เอ ออน m ตอนไหนเหรอ ไม่ได้ไม่คุย แต่ไม่รู้ว่า ออนนี่ฝ่า

เจ๊อ๊อป...ช่ายแล้วครับ ก็คือหลักพุทธศาสนานี่เอง แต่พอมันกลายเป็นกระแส ก็มีทั้งด้านดีและไม่ดีฮะ
อ่า "เรื่องนั้น" ต้องเอาใจช่วยอยู่แล้วฮะ เจอแม่กุญแจไวๆละกันนะฮะ


น้องตอง...ถ้ามี ทฤษเดา อีกก็ครบสูตรเลย ฮิฮิ เห็นด้วยครับ เอาตัวให้รอด แต่อย่าเดือดร้อนคนอื่น


เจ๊มังคุด...อาราย เฮ้อ...เธอ หรอ


แข... กิ๊บ กิ๊ ว ว ว ว ว


เมี้ยว...นั่นนะสิ "หัว" ยังรู้จะเอาไง "ท้าย" จะส่ายยังไง


คุณKung...ขอสักเหรียญสิฮะ



เด้ง...สาร้ง สาระ ไม่ต้อง เอาฮาไว้ก่อน เหอๆๆ
จริงๆไม่ได้ตั้งใมจเขียนบลอกสาระหรอก แต่เพราะว่า มีแรงบันดาลใจไง กิ๊วๆ


โดย: Nutty Professor วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:13:54:39 น.  

 
ที่เขียนนี่เพราะ"แรงบันดานใจ" เค้าจะทำรายงาน หรือเพราะเค้าเศรษฐกิจไม่ค่อยพอเพียงเหรอจ๊ะ


โดย: เจ๊ CC (ชิด-ชิด เข้ามาอีกหน่อย ) วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:32:05 น.  

 
2-1


โดย: rebel วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:6:28:00 น.  

 
อยาก "พอเพียง"
แต่คนมันไม่เคย "เพียงพอ"

=)


โดย: hunjang วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:8:38:34 น.  

 
โห่...สาระเต็ม blog ไปหมดเลย




โดย: aseptic วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:9:45:32 น.  

 
สวัสดีค๊าคุณณัติ สบายดีมั้ยคะ

แบมได้ฤกษ์อัพบล๊อกแล้วคะ ดองไว้นาน

คิดถึงนะคะ


โดย: yadegari วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:20:07:13 น.  

 
อ่านไม่รู้เรื่อง...รู้แต่เนื้อหาใน Blog นี้ต้องมีเบื้องหลัง หรือมีใบสั่งมาก่อนแน่นอน


โดย: TooNew วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:9:58:52 น.  

 
แวะมาเยี่ยมนะแก
อ้วนขึ้นป่ะ
หรือว่าเดินสายมาก ผอมลง


โดย: mungkood วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:48:54 น.  

 
สงสัยตอนนี้พี่ณัติมองอะไรๆก็เป็นน้องแว่นไปหมดแล้วมั้ง

ส่วนคำว่า ด๋อย มันฮิตตอนพี่ณัติอยู่มัธยมจริงๆเหรอ



โดย: โลกส่วนตัว วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:11:58:00 น.  

 
นัทตี้
หมูแอมแวะมาบอกว่า
หมูแอมจะย้ายอ่างปลาทองแล้วจ้า
แล้วไงจะแจ้งให้ทราบนะค่ะ


โดย: sugarhut วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:12:47:01 น.  

 
หึหึ ในที่สุดก็เข้าบลอกได้ซะที


โดย: จขบ IP: 125.24.167.58 วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:12:47:48 น.  

 
ถ้าเรารู้จักนำการอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ตั้งแต่ตอนไอเอ็มเอฟเข้า เมืองไทยคงไม่ต้องเผชิญกับภาวะแบบนี้นานนัก เฮ้ออออ


โดย: hypnotizer วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:22:17:38 น.  

 
เจ๊ชิดชิด...เห็นจะเป็นที่อย่างแรกนะครับ อิอิ


แข...ของมันแน่อยู่แล้ว


คุณ aseptic...นานๆทีน่ะครับ ...ไว้ตอนไร้สาระลองแวะมาอีกนะฮะ


คุณแบม...ช่วงนี้ ถึงไม่ได้ดอง ก็ต้องโดนบังคับดองละครับ แหะๆ


ตูน...นักศึกษานะ ไม่ใช่ ตำรวจ จะได้ออกใบสั่งได้ เหอๆๆ



เจ๊คุด...อ้วนขึ้นแต่น้ำหนักลด! โอ้ว มันเป็นไปแล้ว เหอๆๆ


น้องเจี๊ยบ...ถือว่าถูกต้อง อิอิ สมัยนั้น มันฮิตจริงๆนะ มีเพื่อนนึง ได้รับเกียรติให้เป็นชื่อมาเป็นเป็น ด๋อย ด้วยแหละ


น้องวิว...จริงๆ แล้ว พระเจ้าอยู่หัวทรงแนะแนวทางนี้มานานแล้วล่ะ แต่อย่างว่าแหละ ถ้าไม่มืดก็ยากจะเห้นแสงสว่าง



คุณหมูแอม...เสียดายอ่างปลาทองใบเก่านะฮะ ....ถ้าย้ายไปใบใหม่ก้แจ้งข่าวด้วยนะครับ


โดย: Nutty Professor วันที่: 14 มีนาคม 2550 เวลา:9:52:28 น.  

 
โอ้..ขอบคุณมากๆ เนาะที่เอามาให้อ่านจ้า


อ่า..ตอนนี้กู้กลับคืนมาได้แล้วแหละ มีแค่บางบล็อกที่หายไป แต่ก็..ช่างมันเต๊อะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 มีนาคม 2550 เวลา:18:25:57 น.  

 
สวัสดีค่ะ ดีใจจัง ที่ได้กลับมาอัพบล็อคไดอารี่อีกครั้ง และมีโอกาสได้แวะเวียนมาเยี่ยมเยือนเพื่อนๆชาวบล็อคอีกครั้งค่ะ สบายดีน่ะคะ

วันนี้เจนนี่แวะมาชวนไปร่วมทายผลเจ้าตัวเล็กของเจนนี่ที่บล็อคไดอารี่เจนนี่ค่ะว่า เจ้าตัวเล็กเจนนี่จะเป็น ผู้หญิง หรือ ผู้ชายดี ฮิฮิ อย่าลืมแวะไปร่วมทายน่ะคะ เจนนี่มีของขวัญเล็กๆน้อยๆ มอบให้สำหรับท่านที่ทายถูก เพียง 19 คนแรกด้วยน่ะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ


โดย: jenny (สาวอิตาลี ) วันที่: 14 มีนาคม 2550 เวลา:19:43:03 น.  

 
หวานแต่พอเพียงคงไม่ได้แล้วมั้งน้อง

ศึกเมืองมิลานวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ยอมรับอินเตอร์ทำได้ดีกว่าในครึ่งหลัง แต่มีบางจังหวะหมั่นไส้มาเต





โดย: keyzer วันที่: 15 มีนาคม 2550 เวลา:0:24:16 น.  

 
บล็อกแก๊งค์เดี้ยง
อดอัพผลศึกแดงเดือดเลย

=)


โดย: hunjang วันที่: 15 มีนาคม 2550 เวลา:8:57:20 น.  

 



โดย: โสมรัศมี วันที่: 16 มีนาคม 2550 เวลา:9:55:47 น.  

 
ตอนแรกกะลังซึ้งเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง

แต่พอเจอสองคอมเม้นแรก

ก้อเผลอไปซึ้งเรื่องอื่นแทน


โดย: PADAPA--DOO วันที่: 17 มีนาคม 2550 เวลา:20:26:11 น.  

 
ไม่รู้ว่า จขบ. แอบไปกุ๊กกิ๊กกะเจ้าของแรงบันตาลใจ จนลืมอัพบล็อกแล้วรึเปล่าน๊อ


โดย: ตอง (Kazalong ) วันที่: 17 มีนาคม 2550 เวลา:21:21:10 น.  

 
พี่มั่วเอา พี่ว่า เศรษฐกิจพอเพียง เป็นความหมายเดียวกับ สันโดษ ในทางพุทธศาสนา

หนูโก้ พี่รู้แล้ว ทำไมพี่อ่านบล็อกของน้องแล้วปวดหัว มันเป็นเพราะโก้เขียนติดกันเป็นพืดและไม่ค่อยย่อหน้าอ่ะ


โดย: ตะเกียงแก้ว วันที่: 17 มีนาคม 2550 เวลา:22:24:11 น.  

 
บลอกไม่ยอมเปลี่ยนแปลง


โดย: rebel วันที่: 18 มีนาคม 2550 เวลา:10:50:12 น.  

 
จขบ. อยู่ บ้านนอกครับ ขออภัยที่ยังไม่สามารถอัพบลอกได้ อิอิ



โดย: จขบ@ แม่ระมาด IP: 203.113.17.169 วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:13:33:15 น.  

 
ย่องมาเยี่ยม

=)


โดย: hunjang วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:8:41:36 น.  

 


โดย: PANDIN วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:9:18:28 น.  

 
ขอบใจมากสำหรับความรู้จ๊ะ

และ ขอบใจน้องแว่นด้วย สำหรับแรงบันดาลใจ อิ อิ


โดย: เป่าจิน วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:16:29:10 น.  

 
ดองนะ

ไปเที่ยวถ่ายรูปมาให้ดูมั่งจิ ให้อ่านแต่วิชาการ บอกตรงๆขี้เกียจมากมาย 555


โดย: เนียนอ๋อง วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:19:18:47 น.  

 
แวะมาเยี่ยมจ้า


โดย: ตะเกียงแก้ว วันที่: 24 มีนาคม 2550 เวลา:22:07:44 น.  

 
มังคุดก็มีพอเพียงค่ะ
พอกินอิ่ม นอนหลับ จนอ้วนเลยตอนนี้


โดย: mungkood วันที่: 25 มีนาคม 2550 เวลา:14:26:32 น.  

 
รายงานตัวค่า ได้รับ postcard เรียบร้อยแล้ว ลายมือยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ อ่านง่ายเชียว ชอบมากๆ ขอบคุณค่ะ

จริงๆแวะเข้ามาหลายครั้งแล้วแหละแต่ไม่ได้เม้นท์ไว้ แบบว่าดูมีสาระจนคนไร้สาระเม้นท์ไรไม่ถูก (แต่ก็ตั้งใจอ่านจนจบแล้วนะ)


โดย: Pab_angle IP: 202.28.180.201 วันที่: 26 มีนาคม 2550 เวลา:9:25:39 น.  

 


โดย: โสมรัศมี วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:14:48:09 น.  

 
คำว่าเศรษฐกิจพอเพียงความจริงแล้วตอนเล็กๆพ่อแม่สอนให้เราทุกคนใช้วิถีชีวิตแบบพอเพียงอยู่แล้วแต่เราไม่เคยเข้าใจเลยว่านี้คือวิถีชีวิตแบบพอเพียงเช่นที่บ้านของเราปลูกข้าวกินเองแล้วทำข้าวซ้อมมือกินเองไม่เคยต้องซื้อข้าวกิน ปลูกผักกินเหลือจากกินก็สามารถนำไปขายมีผลไม้ปลูกกินเองถ้าพูดให้สั้นกว่านี้คือที่บ้านของเรามีของที่ต้องซื้อมากินคือเกลือกับหมู(ไม่กล้าฆ่าหมูเอง)พ่อแม่บอกว่าเดี๋ยวนี้ไม่มีหิ้งห้อยเพราะมีไฟฟ้ามาแทนความสุขที่เป็นธรรมชาติจริงๆนั้นไม่มีน่าเศร้าจริงๆ
วันที่ 6 เมษายน 2550


โดย: คุณอี๊ด IP: 203.113.36.6 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:43:45 น.  

 
เจ๋งดี


โดย: t t IP: 203.113.114.162 วันที่: 12 ธันวาคม 2550 เวลา:13:38:16 น.  

 


โดย: พลอย IP: 203.113.114.162 วันที่: 12 ธันวาคม 2550 เวลา:13:38:25 น.  

 
พอเพียงดีจริง


โดย: l เฟ่ย IP: 203.113.114.162 วันที่: 12 ธันวาคม 2550 เวลา:13:40:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nutty Professor
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Madagascar : The Island of Opportunity
[Add Nutty Professor's blog to your web]