.....~~ว่าด้วยสหรัฐอเมริกา ตอนที่ 1 US Presidential elections part III~~.....
Electoral College = เครื่องมือที่ถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญสหรัฐสำหรับการเลือกประธานาธิบดี
how it works : ใช้งานยังไงกันล่ะ ก่อนอื่น แต่ละรัฐห้าสิบรัฐจะมีคะแนน Electoral College Votes (ECVs) ซึ่งจะเท่ากับจำนวนผู้แทนใน Congress (House of Representative + Senate ) อีซีวีมากสุดคือ California 55 ECVs ( 53 Representatives + 2 Senators) น้อยที่สุดคือ รัฐที่มี 3 ECVs ( 1 Rep + 2 Senators) e.g. Montana, North Dakota แต่ที่สำคัญคือ Washington DC ไม่ได้เป็นมลรัฐ แต่ก็มีเสียงด้วย 3 ECVs
ในระยะนี้แต่ละพรรคจะมีตัวแทนพรรคที่ชนะการแข่งขันในรอบ primaries and caucuses มาแล้ว เช่น 2000 Bush(Rep) VS Al Gore(Dem) การเลือกตั้งในขั้นตอนนี้จะจัดในวันเดียวกัน กล่าวคือทุกรัฐจะมีการเลือกตั้งนี่พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันอังคารแรกหลังจันทร์ที่หนึ่งของเดือนพฤศจิกายน ย้ำว่าวันอังคารหลังจันทร์แรก เพราะถ้าเป็นวันอังคารที่ 1 Nov การเลือกตั้งจะจัดให้มีในวันที่ 8 Nov หลังวันจันทร์แรกคือวันที่ 7 Nov แทน เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะมีในช่วง 2-8 Nov ในทุกๆสี่ปีค่ะ
ผู้สมัครของพรรคที่ได้คะแนนสูงที่สุดในรัฐก็จะได้คะแนนอีซีวีไปทั้งหมด ยกเว้นในรัฐ Maine และ Nebraskaที่จะมีการแบ่งสรรปันส่วนคะแนนลดหลั่นกันไปตามเปอร์เซนคะแนนเสียง ตัวอย่างเช่น เมน มีคะแนนอีซีวี สี่คะแนน ผู้สมัครที่มีคะแนนเสียงมากที่สุดอาจจะได้สามคะแนน คนที่สองได้หนึ่งคะแนน เป็นต้น
ทุกรัฐมีคะแนน ECVs รวมกันทั้งหมด 538 = 435 (Rep) + 100 (50X2) + 3 ผู้สมัครพรรคที่ได้คะแนน 270 คือเกินกึ่งหนึ่งก่อนจะได้เป็นประธานาธิบดี แต่ที่สำคัญก็คือ จะมีระบบแปลกๆ การที่ผู้สมัครจะได้คะแนนอีซีวี ไม่ใช่สักแต่ว่าชนะนะคะ แต่ละพรรคต้องส่งตัวแทนรัฐไปลงคะแนนเสียงรับรองอีกทีที่เมืองหลวงคือกรุงวอชิงตันดีซีในเดือนธันวาคม ที่น่าประหลาดคือไม่มีการบังคับว่าผู้แทนเหล่านี้ต้องออกเสียงเลือกตั้งผู้ชนะในรัฐนั้น!! เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาแล้วในปี 2000 เมื่อผู้แทนที่เรียกว่า Elector คนหนึ่งต้องลงเสียงให้อัลกอร์ แต่พี่แกดันงดไม่ออกเสียงแทนซะงั้น เอ้า เอาเข้าไป ตรงนี้แหล่ะที่สนุกค่ะ มีคนบอกว่า เอ๊ะ อัลกอร์ได้คะแนน popular vote มากกว่าบุช แต่ทำไมแพ้ล่ะ ก็เพราะระบบ Electoral College นี่ล่ะค่ะ ปีนั้น Bush ได้คะแนน 271 ECVs เฉือนอัลกอร์ไปหวุดหวิดมาก ทั้งที่คะแนนป๊อปปูล่าร์โหวตนั้นอัลกอร์ชนะด้วยคะแนนเกินครึ่งล้านด้วยซ้ำ สาเหตุไม่ได้มาจากแค่ฟลอริดาที่เป็น Swing state คือเดโมแครตและรีพับลิกันจะผลัดกันชนะผลัดกันแพ้เท่านั้น แต่เป็นเพราะถ้าบุชชนะในรัฐๆหนึ่ง บุชชนะด้วยคะแนนเสียงเกินอัลกอร์เพียงนิดเดียว แต่ขณะเดียวกันอัลกอร์กลับชนะบุชถล่มทลายในรัฐที่เค้าได้คะแนนอีซีวี เหอๆ อย่างกรณีฟลอริดา คะแนน 27 ECVsบุชชนะกอร์ด้วยคะแนนเสียงป๊อปปูล่าร์โหวตแค่ห้าร้อยกว่าคะแนน !!ถึงกับต้องมีการนับคะแนนใหม่เลยทีเดียว ห้าร้อยกว่าเสียงจากคนเป็นล้านคน ถือว่า margin เล็กมากๆ เส้นยาแดงผ่าแปดทีเดียวค่ะ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าระบบนี้มันทำให้เกิด disproportionality between popular vote and electoral vote คนที่ได้คะแนนเสียงจริงๆมากที่สุดอย่างอัลกอร์กลับต้องแพ้ให้แก่บุชไปอย่างน่าเสียดาย
อ้อ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น หากไม่มีผู้สมัครจากพรรคไหนได้คะแนน 270 ในทางปฏิบัตินี่เกิดขึ้นได้ยากมาก แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงคองเกรสจะเลือกประธานาธิบดีค่ะ คือมีสิทธิ์จะเลือกผุ้สมัครคนไหน ได้คะแนนอีซีวีเท่าไหร่ก็ได้มาเป็นประธานาธิบดี เช่นกันเดียว วุฒิสภาจะเลือกรองประธานาธิบดีค่ะ
Create Date : 11 พฤศจิกายน 2550 |
|
4 comments |
Last Update : 20 ตุลาคม 2552 3:10:52 น. |
Counter : 606 Pageviews. |
|
|
|
ว่าแต่ที่ Fahrenheit 9/11 กล่าวหาว่านังบุชโกงคะแนนในฟลอริด้า (ที่มีน้องชายตัวเองเป็นผู้ว่าการรัฐ) อันนี้มีหลักฐานยืนยันมั้ยหว่า... (ในสารคดีบอกว่า รีพับลิกันซื้อช่อง Fox Channel ให้รายงานว่ายุชชนะในฟลอริดา ทั้งที่จริงๆกอร์ชนะ จนช่องอื่นไขว้เขว)