.....~~TiPs การเรียนเล็กๆน้อยๆ ตอนที่๑ Self-esteem~~.....
วันนี้ขอรับใช้เรื่องเคล็ดลับการเรียนเล็กๆน้อยๆนะจ๊ะ แบบว่าวันนี้พี่พอมีเวลาว่างนิ๊ดดดนึงส์ก่อนจะไม่ว่างไปอีกเป็นเดือน
มีคนบอกว่า อยากทราบวิธีทำให้เรียนเก่ง
ก่อนอื่น พี่อยากฝากให้คิดว่า อยากเรียนเก่ง หรือว่าอยากเรียนเก่งขึ้นอ่ะ ฟังดูเหมือนไม่ต่างกันนะ บางมุมมันก็ไม่ต่างกันจริงๆป่ะ เพราะมันก็เป็น an end in itself ได้เหมือนกัน แปลว่าไรหรอ เเปลว่า น้องๆสามารถมองการเรียนเก่งและการเรียนเก่งขึ้นเป็นจุดมุ่งหมายได้ทั้งคู่ แต่พี่คิดว่ามันก็มี slight difference อยู่หน่อย การเรียนเก่ง มันไม่ได้เป็น a means to an end ซึ่งต่างกับการเรียนเก่งขึ้น ที่ทำให้มองเห็นภาพ progress มากกว่า คำถามต่อมาก็คือ น้องให้ความสำคัญกับส่วนไหนมากกว่ากัน ระหว่าง means กับ end ?
ถามว่าแล้วมันสำคัญด้วยหรอ สำหรับพี่คือสำคัญมาก คนที่ตอบว่าอยากเรียนเก่ง เป็นไปได้ว่าจะให้ความสำคัญกับ output มากกว่าคนที่ตอบว่าอยากเรียนเก่งขึ้น ซึ่งจะไปเน้นที่ input มากกว่า In other words, the former มักจะมองว่า คนที่เรียนเก่งคือคนที่สอบได้เกรดดี ไปแข่งแล้วได้รางวัลตลอด ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสที่จะไม่ได้มองว่า ทำอย่างไรถึงจะเรียนเก่ง แต่ the latter จะมองทั้งภาพที่ออกมาด้วย (output) ว่าเกรดดีขึ้นไหมแล้วก็จะมองด้วยว่า ทำอย่างไรถึงจะเก่งได้มากขึ้น
สำหรับพี่เองเป็นคนตอบว่าอยากเรียนเก่งขึ้นๆ คือพี่จะไม่ได้มองว่าพี่ต้องได้เกรด 4.00 หรือไปแข่งแล้วพี่ต้องชนะเลิศได้ที่หนึ่งเสมอ สำหรับพี่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับการที่พี่ได้รู้สึกว่าพี่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆมากขึ้นเรื่อยๆ
พี่จะไม่แปลกใจเลยถ้าน้องที่ได้อ่านบทความนี้จะตอบว่าเกรดสำคัญกับการเรียน เพราะระบบมันทำให้คนมองความสำคัญของเกรดเกินไปจริงๆ ระบบนี้ไม่ได้เป็นแค่เมืองไทย แต่เป็นกับประเทศอื่นด้วย อย่างน้อยๆก็ที่อังกฤษที่พี่กำลังเรียนอยู่นี่ แต่ที่ต่างกันคือระบบเมืองไทยบางทีมันวัดอะไรได้มากมายไม่เท่าที่อังกฤษ คนที่จะเข้ามหาลัยดังๆที่นี่ได้บางครั้งต้องสอบสัมภาษณ์ ในขณะที่เมืองไทยยังมีอยู่น้อยมากๆ สิ่งที่พี่กำลังพยายามบอกก็คือ ถ้าน้องมองแค่output มีโอกาสสูงมากที่น้องจะขาด self-esteem ในขณะที่ถ้าน้องมองว่า เอาล่ะ โอเค ทำดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยวันนี้น้องได้เรียนรู้อะไรเพิ่มจากเมื่อวาน น้องจะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น แล้วความรู้สึกนี่ล่ะที่จะเป็นกำลังใจให้น้องอยากเรียนรู้มากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มเห็นบางหรือยังว่าถ้าน้องมองแค่อยากเรียนเก่ง แล้วระดับที่ว่าเก่งน่ะมันอยู่ตรงไหน น้องอาจจะมองว่าระดับนี้ แต่คนอื่นมองว่าอีกระดับหนึ่ง น้องไม่เครียดหรอ ที่ต้องรับฟังความเห็นจากคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ต้องคอยแคร์ว่าเค้าจะ judge/catch you out ยังไงบ้าง
เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่น้องจะเริ่มฝึกพัฒนาตัวเอง ก็คือน้องต้องมีศรัทธาในตัวเองนั่นเอง ว่าเราต้องทำได้ ตัวอย่างก็คือ ตอนที่พี่เรียนภาษาอังกฤษที่เอนคอนเซปต์นั่นแหล่ะ มีรุ่นพี่นักเรียนทุนที่เรียนออกซ์ฟอร์ดมาแนะแนว วันนั้นพี่ก็ประทับใจว่า คนไทยก็สามารถเรียนในมหาวิทยาลัยระดับโลกได้ พี่ไม่เคยคิดว่าตัวเองก็จะมีโอกาสเป็นนักเรียนทุนมาเรียนที่อังกฤษได้เช่นกัน แต่ก่อนสอบทุนพี่ก็พยายามเยอะทีเดียว ถึงแม้จะเป็นเวลาแค่หนึ่งเดือน แต่ศรัทธาที่พี่มีให้ตัวเองก็ทำให้พี่มีกำลังใจฮึดสู้ว่า 'สิ่งที่คนอื่นเรียนรู้มาเป็นเวลามากกว่าสามปี ตั้งแต่มอสี่ ฉันต้องรู้ให้หมดภายในหนึ่งเดือน'
ทำไมศรัทธาในตัวเองถึงมีพลังสร้างสรรค์ได้ขนาดนี้ พี่เองขอตอบว่า เพราะมันเป็นพลัง inside-out อย่างที่ Covey เขียนไว้ในหนังสือ 7 Habits of Highly Effective Teens/People ซึ่งได้รับยกย่องจาก Forbes ว่าเป็นหนึ่งในสองเล่มที่ทรงพลังที่สุดในศตวรรษนี้ ขอแนะนำให้น้องๆอ่านนะคะ ในขณะที่วิธีการ outside-in อาจจะทำให้บางคนไม่สามารถทำตามได้ เพราะนั่นไม่ใช่ตัวของเค้าเอง แต่ถ้า inside-out แล้ว นั่นคือการที่คุณดึงสิ่งที่ดีที่สุดในตัวคุณออกมา ทุกคนมีความเป็นอัจฉริยะในตัวเองนะคะ แต่จะเป็นด้านไหนเท่านั้นเอง หามันให้เจอ แล้วก็ดึงมันออกมาใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ที่สุดนะคะ
วันนี้ขอรับใช้เรื่องศรัทธาในตัวเองก่อน คราวหน้าจะมาแนะนำเรื่องวิธีการคิดเพื่อประสบความสำเร็จในชีวิตและการเรียนค่ะ
PPpIRCU
Create Date : 03 พฤศจิกายน 2550 |
|
4 comments |
Last Update : 20 ตุลาคม 2552 3:20:51 น. |
Counter : 518 Pageviews. |
|
|
|
ช่วงนี้โรงดรียนเปิดแล้วแหละ การงานกำลังแห่มาในอีกไม่ช้านี้
อื้มวิชอ่านหนังสือวิเคราะห์เกี่ยวกะสังคมอังกริดด้วยนะ เป็นหนังสือที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ทำให้เกิดมุมมองใหม่ๆๆเกี่ยวกับเมืองผู้ดีมากขึ้น แต่เสียอย่างที่หนังสือเขียนเมื่อ ปีที่แล้ว แล้วคนเขียนก็ไปอยู่อังกริดนานแล้ว ข้อมูลบางส่วนจึงเป็นข้อมูลเก่าที่ยังไม่ค่อยอัพเดท
อ่านและก็อยากไป 555+