.....~~TiPs การเรียนเล็กๆน้อยๆ ตอนที่2 Think outside (of)the Box~~.....
วันนี้พอมีเวลาว่างเล็กน้อยเลยอยากเขียนบทความที่เป็นประโยชน์เล็กๆน้อยๆบ้างค่ะ เมื่อวานว่าไปแล้วเรื่อง Self-power หรืออีกในหนึ่งก็คือ power of the self หรือศรัทในตัวเองนั่นเองค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องย้ำว่าไม่ได้เน้นให้ผู้อ่านเปลี่ยนตัวเองเป็น egocentric คือเน้นตัวเองเป็นศูนย์กลางนะคะ หัวข้อนี้จะว่าในโอกาสอื่นค่ะ
ตอนนี้จะพูดถึงเรื่องแนวการคิด ก่อนอื่นผู้เขียนขอแจกแจงก่อนว่า ระเบียบวิธีทางการคิดนั้นมีหลายรูปแบบด้วยกันค่ะ 1)Analytical thinking เป็นแนวการคิดหนึ่งในสำคัญที่สุดค่ะ 2)Critical thinking เป็นขั้นสูงต่อจากแนวความคิดแรก 3)Synthetical thinking 4)Comparative thinking 5)Systematic thinking 6)Integrated thinking ลำดับต่อไป จะเข้าสู่หัวข้อนั่นก็คือการคิดออกนอกกรอบค่ะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับระบบความคิดข้างต้น คำตอบคือเกี่ยวมากๆค่ะ การที่จะคิดออกนอกกรอบจำเป็นต้องมีหลักการหรือรูปแบบค่ะ ไม่อย่างนั้นมีโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการเบี่ยงเบนออกจากประเด็นหลัก diversion(n) divert (v)นั่นเอง
การคิดนอกกรอบคืออะไรล่ะ คำตอบง่ายๆคือก็การคิดนอกเหนือไปจากสิ่งที่อ่าน สิ่งที่เห็นหรือได้รับรู้ผ่านประสาทสัมผัสอื่น ผู้เขียนย้ำประสาทสัมผัสอื่นค่ะ รวมถึงสัมผัสที่หกด้วย ไม่ว่าสัมผัสที่หกจะเป็นอะไรก็ตาม แปลกใจบ้างไหมคะว่าทำไมคนสองคนที่นั่งเรียนในห้องเรียนเหมือนกัน ได้ฟังสิ่งที่ครูสอนเหมือนกัน แต่ออกมาแล้วทำข้อสอบได้ไม่เท่ากัน ก็เพราะระเบียบวิธีทางการคิดต่างกันนั่นเองค่ะ ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับการมีความจำดีเสมอไปนะคะ ย้ำว่าไม่เสมอไป เพราะคนที่มีความจำดี ต้องบอกเลยว่ามีบุญมั่ก คือมีชัยน้ำหน้าคนที่ความจำไม่ดีไปแล้ว แต่คนที่บอกว่าความจำไม่ดีอย่าเพิ่งเสียกำลังใจไปนะคะ และนี่เองคือการที่ระบบวิธีความคิดทั้งหกข้างบนจะเข้ามา อิอิ ความสามารถของคนเราปกติทั่วไปไม่สามารถจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาได้หมดหรอกนะคะ แต่ว่าถ้าหากเราเรียนรู้ที่จะคิดนอกกรอบแล้วและยิ่งถ้ามีการค้นคว้าเพิ่มเติมด้วย ปัญหาเรื่องความจำไม่ดีก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป เพราะเมื่อใดก็ตามที่คนเราได้คิดอะไรด้วยตัวเองแล้ว independent learning สมองจะได้รับการกระตุ้นให้ทำงาน ถึงแม้จะอาจจะลืมเลือนไปบ้าง แต่ถ้าหากเจอสิ่งนั้นอีกครั้งก็จะจำได้ค่ะ
ก่อนจะว่ากันถึงรายละเอียดย่อยของการคิดแต่ละรูปแบบ สิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่การคิดนอกกรอบก็คือการตั้งคำถามค่ะ Good questions lead to good answers. เมื่อมีสิ่งใดวิ่งผ่านเข้ามาในสมองแล้ว การที่จะคิดได้ ควรจะมีการตั้งคำถามค่ะ เช่น หากได้อ่านบทความเกี่ยวกับรัฐทหารในพม่า ผู้อ่านก็สามารถตั้งคำถามต่อเนื่องได้ เป็นต้นว่า การแทรกแซงทางการเมืองของทหารเกิดขึ้นในที่ใดอีกบ้าง แล้วตัวเรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับประเทศเหล่านั้น ทำไมจึงต้องมีการแทรกแซงของทหารในการเมือง อะไรเป็นสาเหตุให้บางประเทศมีแนวโน้มของการแทรกแซงของทหารมากกว่าประเทศอื่น เป็นต้นค่ะ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งก็คือเมื่อรู้จักตั้งคำถามแล้ว ต้องมีความต้องการอยากแสวงหาคำตอบด้วยค่ะ นี่เป็นสาเหตุที่ผู้เขียนรับใช้บทความตอนที่๑ ว่าด้วยศรัทธาในตัวเอง เพราะหากเรามีศรัทธาในตัวเองเสียแล้ว ความคิดที่ว่า จะหาเพิ่มเติมไปทำไม ยังไงก็จำไม่ได้ หรือไม่ได้ใช้ ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตัวผู้คิดมีความคิดที่จะพัฒนาตัวเองมาจากภายในค่ะ
วันนี้ขออนุญาตรับใช้แค่นี้ก่อน โอกาสหน้าจะเริ่มว่าด้วยระบบความคิดแต่ละระบบที่ผู้เขียนคิดขึ้นเองค่ะ
Create Date : 05 พฤศจิกายน 2550 |
|
5 comments |
Last Update : 20 ตุลาคม 2552 3:20:14 น. |
Counter : 495 Pageviews. |
|
|
|