Group Blog
 
<<
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
28 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
ยุโรปครั้งแรกในชีวิต : วันที่ 6 เชสกี้ครุมลอฟ – ซาลส์เบิร์ก

11 เม.ย. 2549 เชสกี้ครุมลอฟ – ซาลส์เบิร์ก



ตื่นขึ้นมาแต่มืดเลย เพราะวันนี้เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้า วันนี้เป็นอีก 1 วันที่ต้องเดินทางกันอย่างทรหด เพราะต้องนั่งรถหลายต่อ โดยเราต้องนั่งแท๊กซี่เพื่อไปสถานีรถไฟ แล้วนั่งรถไฟไปเมือง Cheske Budejovice นั่งรอ 2 ชั่วโมง เพื่อรอรถไฟไปเมือง Linz และต่อรถไฟไป Salzburg เป็นอันถึงจุดหมายปลายทาง เฮ้อ เหนื่อยจัง

ตอนที่ตื่นขึ้นมา มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นฝนตกพรำ ๆ แต่ว่าทำไม่พื้นไม่เปียก ปรากฏว่ามันไม่ใช่ฝนง่ะ มันเป็นหิมะค่ะ โอ้ว หิมะ เกิดมาไม่เคยเห็นเลย ไม่คิดว่าไปช่วงนี้จะมีด้วยอ่ะ ดีใจจังเลย ก็เลยหายงัวเงียในทันใด รีบอาบน้ำแต่งตัวแต่โดยดี แบบว่าอยากอยากออกไปจับหิมะแรกในชีวิตอ่ะค่ะ แล้วรถแท๊กซี่ก็มาจอดรอแล้วด้วย ดีนะที่ตัดใจจองแท๊กซี่แต่แรก เพราะหิมะตกแบบนี้ ถ้าไม่ได้จองรถไว้ก่อน ก็คงต้องลากกระเป่าเดินขึ้นเนิน ลงเนิน ฝ่ากองหิมะไปสถานีรถไฟ แล้วคุณนายทั้ง 3 ต้องตายคาเมืองแน่ ๆ เลย รถไปที่เราโดยสารจาก Chesky Krumlov ไปเมือง Cheske Budejovice เป็นรถไฟท้องถิ่น ตู้ขบวนและเก้าอี้เป็นไม้ เพื่อนร่วมทางในขบวนนี้เป็นเด็กนักเรียนเกือบทั้งหมดเลย ซึ่งก็มีจุดหมายอยู่เมือง Cheske Budejovice เหมือนกะเราเลย วันนี้ก็เป็นอีก 1 วันที่จะใช้ตั๋ว European East Pass โดยประเดิมที่รถไฟขบวนนี้ รู้สึกว่าตั๋วนี้จะใช้ไม่ได้ เพราะขบวนนี้เป็นรถไฟท้องถิ่น แต่นายตรวจตั๋วปล่อยเราให้ผ่านไป คิดว่าเนื่องจากไม่อยากสื่อสารกะเราแน่ ๆ เลย โฮ่ รอดจากการจ่ายตังค์ไปอีก 1 ครั้ง และเมื่อถึงที่เมือง Cheske Budejovice หิมะก็ยังคงตกอยู่ และตกหนักขึ้น ทำให้หมดโอกาสในการเดินเที่ยวเมืองนี้เลย เพราะหนาวมาก ๆ และหิมะ+ฝนตกตลอดจนต้องกางร่ม แต่เราก็ยังไม่ละโอกาสในการออกไปเล่นหิมะ ถึงแม้ว่าคนจะมองด้วยความประหลาดใจก็ตาม ก็คนมันไม่เคยเจอนี่นา





เราต้องนั่งรอรถไฟที่สถานีเมือง Cheske Budejovice ราว ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อต่อรถไฟไปเมือง Linz ระหว่างที่นั่งหง่าวรอรถไฟอยู่เพราะออกไปไหนไม่ได้ ก็สังเกตุเห็นว่าภายในสถานีรถไฟมีพวก Homeless มานั่งกันอยู่เต็มไปหมด เวลาตำรวจเดินมาที ก็จะย้ายที่นั่ง หรือเดินออกไปข้างนอกที แล้วซักพักก็กลับมานั่งที่เดิม บางคนสามารถยืนหลับอยู่ข้าง ๆ heater ได้เป็นนาน

ในที่สุด รถไฟที่เรารอก็มาถึงซะที ค่อนข้างจะมาช้ากว่าเวลาที่บอก ซึ่งนั่นก็ทำให้เราต้องตกรถไฟที่เราต้องไปต่อที่เมือง Linz แต่พอดีกว่ามันมีรถไฟที่วิ่งไป Salzburg มาเกือบทุกชั่วโมง พอลงจากรถ รอซัก 10 นาที ขบวนไป Salzburg ก็มา เลยสบายไป เราได้นั่งรถไฟขบวน Mozart เข้ากะบรรยากาศเมืองที่เรากำลังจะไปเยือนพอดีเลย เรานั่งรถไฟขบวน Mozart ไปถึงเมือง Salzburg เวลาประมาณ 13.30 น. วิบากกรรมครั้งใหม่ก็เริ่มขึ้น เนื่องจากมีฝนตกพรำ ๆ ตอนไปถึง และเราหาทางไปโรงแรมไม่ได้อีกแล้ว คือว่าแผนที่บอกทางเขียนไว้เข้าใจง่าย แต่ให้คนโง่อ่านก็คงเป็นแบบนี้แหละ คือว่ารู้ว่าไปยังไงนะ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มออกเดินไปทางทิศไหนอ่ะ ก็เลยไปถามที่ Tourist Information ก่อนเลย แล้วก็ถือโอกาสซื้อ Salzburg card 48ชั่วโมงไปเลย คุ้มมากๆ

แล้วเราก็มาเริ่มออกผจญภัยไปหาที่พักของเรากันต่อ เราจะเข้าพักที่ Pension Elizabeth โดยในแผนที่แจ้งว่า เราต้องเดินข้ามสะพานลอยข้ามทางรถไฟที่อยู่ด้านหลังสถานี เพื่อที่จะเดินไปโรงแรม ใช้เวลาเพียง 10 นาที แต่ปรากฏว่า เดินไป 30 นาทีแล้ว ก็ยังไม่เจอซะที จนโดนลูกทัวร์บ่นแล้ว เพราะโรงแรมที่ผ่าน ๆ มาก็จองแบบว่าลงรถแล้วก็ “5 - 10 minute walk” ทุกที่ แต่ถึงเวลาจริง ๆ มันมักจะเดินนานกว่านั้นทุกที่เลย เพราะมัวแต่หลงทาง จนที่นี่เป็นที่ ที่ 3 แล้ว เลยโดนลูกทัวรค่อนแคะเอา แหม ไม่งั้นมันจะสนุกเหรอ ถ้าไม่หลงซะบ้างอ่ะ เราก็เดินถามทางไปเรื่อย ๆ จนเจอที่พัก เราจองที่พักแบบนอน 3 คน มีห้องอาบน้ำในตัว ราคาคืนละ 86 ยูโร ก็เลยโดนขึ้นไปอยู่ชั้น 3 โอ้ว นรกบังเกิดอีกแล้ว เราต้อแบกกระเป๋าขึ้นบันไดไปชั้น 3 อีกแล้ว แต่เริ่มมีประสบการณ์ ก็เลยใช้วิธีลากเอาค่ะ วางเอนลงไปเยอะ ๆ แล้วก็เอาคันลาก ลากมันขึ้นบันไดไป ทุ่นแรงไปเยอะ แต่ต้องยอมให้กระเป๋าเป็นรอยนะ เรายอมเสียกระเป๋าดีกว่าเสียสุขถาพอ่ะ เสร็จเรื่องที่พักก็เริ่มออกเที่ยวตามสูตร บัตร Salzburg Card ที่เราซื้อมีระยะเวลา 48 ชั่วโมงหลังจากที่ทำการ Validate แล้ว ซึ่งสามารถใช้เข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ของเมืองได้เกือบหมด จะมีเพียงส่วนน้อยมาก ๆ ที่ต้องเสียเงินเพิ่มต่างหาก ซึ่งถ้าคิดจะเที่ยวเมืองนี้ล่ะก็ ซื้อบัตรนี้จะคุ้มากค่ะ เพราะด้วยเวลา 48 ชั่วโมงที่ได้มา คุณไม่สามารถเก็บสถานที่เที่ยวที่สามารถเข้าฟรีได้หมดทุกที่หรอก (เราทำไม่ได้ เพราะ วันที่ไป ฝนตกตอนบ่าย ๆ ทุกวันเลย) นอกจากนี้เรายังสามารถขึ้นรถโดยสารภายในเมืองได้ฟรีหมด

มาดูกันดีกว่าว่าที่เที่ยวไหนที่ฟรีและน่าสนใจบ้างใน Salzburg Card อันนี้ตามความคิดเห็นของเราแต่เพียงผู้เดียวนะ


1. Stiegl – Brauwelt The World of Beer พิพิธภัณฑ์เบียร์ ตัวพิพิธภัณฑ์ก็งั้น ๆ ดูเงียบเหงา มีคนเดินอยู่ประมาณ 4-5 คน จัดแสดงวิธีการทำเบียร์และแก้วเบียร์แบบต่าง ๆ ส่วนที่เด็ดสุด ๆ จะอยู่ตอนจบค่ะ เพราะหลังจากเดินดูพิพิธภัณฑ์เสร็จ เราก็เดินไปกินเบียร์กัน ที่นี่แหละ ทำให้เรารู้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวนี้มีคนนิยมมาเที่ยวกันเยอะ เพราะในห้องอาหารที่นั่งกินเบียร์กัน มีคนนั่งกันอยู่เต็มเกือบทุกโต๊ะเลย เขาจะให้เบียร์คนละ 2 แก้ว มีให้เลือก 3 แบบ คือ เบียร์รสผลไม้ พิวส์เนอร์(อันนี้อร่อยที่ซู้ดดด) เบียร์ดำ และเบียร์ลาเกอร์ ถ้าไม่นิยมแอลกอฮอล์จะเปลี่ยนเป็นน้ำอัดลมก็ได้ (เสียดายแย่เลย) แล้วก็จะเสิร์ฟ ขนมปังเพรสเซิลร้อน ๆ จากเตากินแกล้มกะเบียร์ อร่อยสุด ๆ กินเสร็จแล้วก็ได้ของที่ระลึกเป็นเบียร์ ฉลากโมสาร์ท 1 ขวด คุ้มมาก ๆ กะการที่ต้องเดินตากฝนไปตั้งเกือบ 1 กิโล (พอดีนั่งรถเมล์ไปเรื่อย ๆ แล้วเห็นว่ามันอยู่ไม่ไกล แต่ต้องเดินต่อไปพอสมควร)
2. ไปเที่ยววัง Helbrunne ไปดู tricky fountain อันนี้ถือเป็น Hi lightอีกที่หนึ่ง และที่พลาดไม่ได้คือ ตู้กระจกกลางสวนที่เป็นฉากเต้นระบำ “I am Sixteen” .ในหนังเรื่อง “The Sound of music”
3. ไปขึ้นกระเช้าที่ Unterburg ซึ่งเป็นแหล่งน้ำปะปาของเมือง ขึ้นไปชมวิวเมือง Salzburg ในมุมสูงกัน และไปเล่นหิมะที่ปกคลุมอยู่บนยอดเขา และรู้สึกว่า จะเป็นหนึ่งในฉากตอนเปิดเรื่อง The Sound of Music วิธีไปก็นั่งรถเมล์สายที่ไปวัง Helbrune นั่งผ่านวังไปจนสุดสายก็ถึงเลย สาย 5, 25
4. ล่องเรือชมแม่น้ำ Salzach (เสียดายจัง เราไม่ได้นั่ง สงสัยเพราะไปช่วง Easter พอดี เรือหยุดวิ่ง)
5. Mozart’s Birth Place ไปดูบ้านเกิดของโมสาร์ทกัน
6. Mozart’s Residence ไปดูบ้านของโมสาร์ทกัน ซึ่งจะแสดงถึงผลงาน และชีวิตในวัยหนุ่มของเขา ถ้าไม่อยากฟังประวัติ แค่ไปเอา Audio Guide มาฟังเพลงโมสาร์ท ก็คุ้มแล้ว
7. Monchsberglift ขึ้นลิฟท์ไปชมวิวเมืองในมุมสูงกัน ข้างบนก็มีMuseum of Modern Art ซึ่งบัตรเข้าได้ฟรี
8. Cable car ขึ้น Hohensalzburg Fortess อันนี้ก็ขึ้นไปชมวิวอีกนั่นเอง ข้างบนก็ยังมีสถานที่อื่น ๆ เช่น World of Marionettes, Fortress Museum ฯลฯ (ไม่ได้เข้าไปซักที่ เพราะอยากนั่งแต่ Cable car และขึ้นไปตอนเย็นมากแล้ว)
9. Residenz state rooms and Gallery ไปม่ได้เข้าไปเพราะช่วงที่ไปปิด

ยังที่ที่อื่น ๆ อีก แต่ที่เลือกมานี้ก็เฉพาะที่เราคิดว่าน่าไปสำหรับการมีเวลาเพียง 2 วัน

มาเข้าเรื่องเที่ยวของเราดีกว่า เราใช้เวลาในตอนบ่าย ๆ ที่ฝนพรำไปกะการนั่งรถเมล์เที่ยวชมเมืองกัน และพอดีว่ารถเมล์สายที่ขึ้นไปนั้นมันดันวิ่งเฉียด ๆ กะ Stiegl – Brauwelt The World of Beer ที่ ที่เราหมายมั่นปั้นมือว่า ยังไงก็ต้องแวะให้ได้ (เมื่อผีแอลกอฮล์เข้าสิง อยากกินเบียร์ฟรี+มีของฝากกลับบ้านด้วย) เราก็เลยลงรถเมล์แล้วก็เดินฝ่าฝนไปตามแผนที่ ก็เดินผ่านบ้านคนไปไกล็ประมารกิโลกว่าได้ ถึงเจอ ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของโรงงานเบียร์ ที่กันส่วนหนึ่งมาเปิดเป็นพิพะภัณฑ์ เราก็โชว์การ์ดเพือเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ บรรยากาศดูเงียบเหงา ไม่ค่อยมีคน ก็รู้สึกแปลก ๆ เพราะเห็นมีรถบัสนักท่องเที่ยวมาจอดอยู่ 3-4 คัน พอเดินดูพิพิธภัณฑ์จบก็เจอเฉลย ตอนเข้ามากินเบียร์ฟรีว่า ทุก ๆ คนที่มา มารวมตัวกันนั่งกินเบียร์กันอย่างสนุกสนานอยู่ที่นี่ นี่เอง เต็มโรงเบียร์ไปหมด ที่นี่ เราก้เลยสั่งเบียร์หลาย ๆ แบบมาลองดู กินพร้อมกับเพรสเซิลที่อบร้อน ๆ ใหม่ ๆ ออกจากเตา แสนสุขใจจริง ๆ พอกินเสร็จ 2 แก้ว ก็ไปรับของที่ระลึกเป็นเบียร์ฉลากโมสาร์ทแบบต่าง ๆ คนละขวด เอากลับไปเมาต่อ



และสุดยอดของการเข้ามาชมโรงเบียร์แห่งนี้คือ การได้ชิมเบียร์แกล้มกะเพรสเซิลร้อน ๆ อบใหม่จากเตา โอ้ว! สวรรค์


จบจาก Stiegl – Brauwelt ก็ค่อนข้างเย็นแล้ว สถานที่ส่วนใหญ่จะปิดแล้ว เลยไปขึ้นลิฟท์ไปชมวิวยามแย็นของเมือง Salzburg บน Monchsberg พอขึ้นไปบนนั้น ก็เดินหลงไปเข้าห้องน้ำแสนเก๋ ปรากฎว่าเป็นห้องน้ำของพิพิธภัณฑ์ Modern art ของเขา ค่าเข้าตั้ง 8 Euro แต่มีบัตร เข้าฟรี (โดยที่เราไม่รู้เรื่องเลย) ก็เดินดูภาพตามประสาคนไม่รู้เรื่องงานศิลปะ คือไม่ได้ดูภาพ แต่เดินดูการออกแบบสถานที่ทำให้น่าเดินแทน แล้วก็ออกไปดูวิวอันแสนมืดครึ้ม อึมครึมเพราะฝนตกตลอดเวลา หนาวสุด ๆ แต่เราก็อดที่จะกินไอติมประชดความหนาวไม่ได้ จึงวื้อมากินกันคนละ 1ลูก ประกฎว่าเจ้าของร้านไม่ให้กินในร้าน เพราะว่าเราซื้อแบบ takeaway(ใส่โคน) จึงไม่มีสิทธิ์นั่งกินในร้าน โดนไล่ออกมาเลียไอติมไปขาสั่นไปอยู่หน้าร้าน ใจร้ายจริง ๆ

อ่างล้างหน้าเก๋ ๆ ในพิพิธภัณฑ์


ในตอนเย็น เมือง Salzburg มีคนเดินกันพลุกพล่านมาก รถก็ติดด้วย เพิ่งเคยเจอ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเจอรถติดเลย เมืองนี้เป็นเมืองแรก เราก็เดินชมวิวเมืองตากฝนไปเรื่อย ๆ เพื่อหาท่าเรือที่จะล่องแม่น้ำ Salzach แต่ท่าเรือยังคงปิดบริการเช่นเคย สงสัยจะอดแน่ ๆ เลย รายการนี้เป็นอีก 1 รายการที่เราจะได้ใช้บริการฟรี โดยผ่านทาง Salzburg card ขาดทุนไป 1 รายการซะแล้ว (อันนี้ราคาแพงด้วยสิ) วันนี้เลยนั่งรถเมลกลับโรงแรม ระหว่างทางก็แวะ Bella Supermarket เพื่อซื้ออาหารเย็นกลับไปกินกันที่โรงแรม(เพื่อความประหยัด) แล้วก็นอนแต่หัวค่ำ ชดเชยกะที่วันนี้ตื่นกันตั้งแต่มืด


Create Date : 28 มกราคม 2550
Last Update : 28 มกราคม 2550 21:20:13 น. 8 comments
Counter : 1348 Pageviews.

 
อยากไปเที่ยวมั่งจังครับ

เห็นเบียร์กับเพรสเซิลแล้ว เปรี้ยวปากจัง ฮุๆๆ


โดย: หมื่นทิพ TRAVOLTA (เทพบุตรตบะแตก!! ) วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:1:31:45 น.  

 
ขอให้มีความสุขในการท่องเที่ยวที่ยุโรปนะค่ะ




โดย: saengjan วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:4:36:33 น.  

 
อ่านแล้วอยากไปมั่งจังค่ะ ว่าแต่รูปมีมาเพิ่มอีกป่าวคะ จะได้กลับมาดูอีกค่า


โดย: กิน ๆ เที่ยว ๆ วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:8:29:02 น.  

 
เหมือนมันจะหน๊าววววววววว หนาว นะคับ


โดย: นิรมาณ วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:11:23:31 น.  

 
น่าไปจริงๆ เพรสเซลก็น่ากิน อยากไป๊....


โดย: หลั่มหมั่นเหม่ง (หลั่มหมั่นเหม่ง ) วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:18:55:58 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามานะคะ แล้วจะมาลงตอนต่อๆไปค่ะ ช่วงนี้กะลังฟิต


โดย: นู๋Poopy วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:21:22:29 น.  

 
อยากกินเพรสเซลด้วยคน... หนาวจังงงงง


โดย: Mocha Macchiato วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:21:42:11 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ


โดย: ปักเป้า (puxkapou ) วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:23:20:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นู๋Poopy
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




http://fastwebcounter.com
Friends' blogs
[Add นู๋Poopy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.