Music and Lyrics (2007) สี่ห้องใจนี้ มีแต่เสียงเธอ
ผู้กำกับ: มาร์ค ลอว์เรนซ์ นำแสดงโดย : ฮิวห์ แกรนท์, ดรูย์ แบรี่มอร์, แบรด แกร์เร็ต, คริสเทน จอห์นสตัน, เฮลีย์ เบนเน็ทท์, แคมพ์เบล สก็อต
เหตุผลผลเพียงไม่กี่อย่างที่เลือกเดินเข้าไปดูหนังเรื่องนี้โดยไม่สนใจว่าจะคุ้มไม่คุ้มกับการซื้อตั๋วคือ ดารา และเพลง ล้วนๆ (อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลทั้งปวง)ก็คิดดูดิ ฮิวห์ แกรนท์ กับ ดรูย์ แบรี่มอร์(ชอบเป็นการส่วนตัว) มาเจอกันในหนังรัก บรรยากาศโรแมนติค มีเพลงป๊อบ บัลลาดเพราะๆ วัยรุ่นตอนปลายๆอย่างเราย่อมเกิดอาการหน้ามืดตามัว เข้าไปซื้อตั๋วควักเงินได้อย่างง่ายดาย อเล็กซ์ เฟลทเชอร์ (ฮิวห์ แกรนท์) เป็นหนึ่งในสองของนักร้องนำ วงป๊อบ ยุค 80's (รุ่นเดียว กับ ทิฟฟานี่, เดปบี้ กิ๊บสัน, Wham , Duran Duran อะไรประมาณนั้น)แต่หลังจากหนึ่งในนักร้องนำนั้นแยกตัวไปทำอัลบั้มเดี่ยว และทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ทำน้ำหอมของตัวเอง เล่นหนัง เป็นพิธีกรรายทีวี (คุ้นๆนะ)จนรุ่งไปแล้ว ส่วน อเล็กซ์ เฟลทเชอร์ นั้นไม่มีใครใคร่รู้ว่า หายไปไหน นี่คือการเปิดตัวของพระเอก
อเล็กซ์ เป็นนักดนตรีและนักร้อง เจ้าเสน่ห์และเปี่ยมพรสวรรค์(ที่มีท่าเต้น ส่ายสะโพกโยกย้ายบาดใจสาวๆ) แต่ตอนนี้มันหมดยุคเค้าไปแล้ว สิ่งที่เค้าทำได้คือ การเดินสายร้องเพลงตามงานคืนสู่เหย้า ในงานสมาคมสตรีหรือโรงเรียนสตรี (รุ่น 80's) และหารายการโชว์ดีๆไปออก โชคดีที่เค้าไม่ตัดสินใจไปออกรายการ ที่เอาดาราตกยุคมาต่อยมวยกัน ที่เอเย่นต์หาให้(คิดได้ไงอ่ะ) แล้วจู่ๆ อเล็กซ์ ก็ได้รับการติดต่อจาก คอร่า คอร์แมน (เฮลีย์ เบนเน็ทท์) ราชินีเพลงป๊อบผู้โด่งดัง (ในหนังบอกว่าเธอดังกว่าน้อง บิดหนี ถักเปีย ซะอีก) โดยคุณเธอบอกว่าตอนเธออายุได้ไม่ถึง 9 ขวบ พ่อแม่แยกทางกัน และเพลงของ อเล็กซ์นี่แหละที่เป็นเพื่อนแก้เหงาและเป็นแรงบันดาลใจให้กับเธอ เธอเลยอยากให้เค้าแต่งเพลงให้ นั่นหมายถึง ชื่อเสียงเงินทองกำลังอยู่ตรงหน้าเค้า แต่ปัญหาคือ เค้าไม่ได้แตงเพลงนานแล้ว และจะต้องแต่งให้เหมาะกับนักร้องราชินีเพลงป๊อบ(ที่ถนัดเลื้อยและร้อง ซี๊ดซาด อู้อ้า ตลอดเวลา)โดย คอร่า กำหนดว่าต้องการชื่อเพลงว่า Way Back in to Love และขอให้เสร็จทันปลายสัปดาห์นี้ เพื่อให้ทันคอนเสริ์ต และซิงเกิ้ลใหม่ และถ้าอเล็กซ์ไม่ทันเธอก็ยังมีนักแต่งเพลงอีก 7 คนรอช่วยอยู่(ประมาณขาดเธอชั้นก็ไม้เสียหายอะไร)
เอาล่ะสิทำไงดีล่ะ เงิน งาน โอกาสมาแล้วแต่มันจะได้งานนี้ได้ไง ในเมื่อร้างลาการแต่งเพลงไปนานแสนนาน และแล้วพรหมลิขิตก็บันดาลชักพา ให้ โซฟี ฟิชเชอร์ (ดรูย์ แบรี่มอร์) ก้าวเข้ามาหา อเล็กซ์ โดยบังเอิญ เธอมาทำหน้าที่ดูแลต้นไม้ให้เค้า โดยขณะที่เค้าลองเกลาเนื้อร้องอยู่ เธอก็ฮึมฮัมคำพูดของเธอได้อย่างเหมาะเจาะสละสลวย อเล็กซ์ จึงเกิด (หน้าหม้อ เอ้ย....เกิดไอเดีย)หวังทาบทามให้ โซฟี มาช่วยแต่งเพลงให้เค้า(ไมต้องเจาะจงเลือกเธอซะขนาดนั้น) แต่ด้วยบุคลิกส่วนตัวของ โซฟี ที่ดูแปลก ขี้กังวล หวาดระแวง และไม่เคยแต่งเพลงมาก่อน(เธอเขียนแต่โคลงฉันท์ กาพย์กลอน) ทำให้มันไม่ง่ายที่เค้าและเธอจะร่วมแต่งเพลงด้วยกัน หลังจากการเปิดความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ที่ชี้ให้เห็นตัวตนของ อเล็กซ์ ที่ ไม่ได้มีความเชื่อมั่นในพรสวรรค์ของตัวเองเอาเสียเลย คิดแต่กังวลเรื่องการตลาดและธุรกิจดนตรี (เค้าเคยออกอัลบั้มเดี่ยวแต่มันแป้กเพราะเพลงมันไม่ใช่ตัวเค้า ที่จริงๆมีพรสวรรค์แต่เค้าไม่รู้จักนำมาใช้) ส่วน โซฟี ที่ไม่อยากรับงานจากเค้าเพราะเพิ่งผ่านประสบการณ์เลวร้ายจากความสัมพันธ์กับนักเขียนชื่อดัง(เค้าเอาตัวเธอเป็นวัตถุดิบในการแต่งนิยายฉาวโฉ่)หลังจากนั้นเธอจึงไม่อยากทำงานร่วมกับใครเลย
ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ต่างเหมือน "คำร้อง"และ "ทำนองเพลง" ที่ประสานกัน ระหว่างแต่งเพลงกันไปเรียนรู้กันไป ขัดเกลาให้เข้ากันโดยไม่รู้ตัว จนพอแต่งใกล้จบเพลงความสัมพันธ์ก็เลยเถิดไปไกลถึงขั้น หลงรักกันและกัน แต่จะให้มันลงเอยกันง่ายๆได้ไง มันก็ต้องมีอุปสรรคมาให้ฝ่าฟันกันบ้าง ทั้งคู่แต่งยังไม่ทันจบเพลงดี เหลือเนื้อท่อนสุดท้าย คอร่า she เกิดอยากเปลี่ยนทำนอง(ให้เป็นดนตรีแขก ไว้ให้เธอ เลื้อยและครวญคราง อู้อ้า ตามแบบฉบับนักร้องยุคใหม่...โดยเธออ้างว่า ชากีร่า ส่านสะโพกวิ่ง(เลื้อย)ตามเธออยู่ และเธอต้องการส่ายสะโพกเลื้อยหนี) โซฟีไม่เห็นด้วยทันที เพราะคำร้องไม่เหมาะกับดนตรีแนวนั้น แต่อเล็กซ์ ไม่กล้าพอที่จะค้าน คอร่า(คงกลัวเธอวีนแล้วยกเลิกงานที่เค้าจะได้ร่วม)เมื่อ"ทำนอง"และ"คำร้อง" ไม่ลงตัวกัน ความสัมพันธ์ก็เปลี่ยน(สะท้อนถึงการก้าวผ่านความกลัวของคนทั้งคู่) หนังเข้าสูตร ของหนังรักโรแมนติคที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ให้ชวนซึ้งหรือติดตา อย่าง Nothing hill (1999) , Love actually (2003) เคยทำให้ประทับใจ เพราะ Music and Lyrics ดูแล้วเดาตอนจบได้ตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งเรื่อง(แต่จะมานั่งเดาทำไมล่ะ...ไม่ใช่หนังสืบสวน สอบสวนนะ) สิ่งที่ได้จากหนัง คือ อารมณ์สบาย กุ๊กกิ๊ก หวานแหวว โดยส่วนตัว แค่เพลงเพราะ กับ ดรูย์ แบรี่มอร์ เราก็พอใจแล้วอ่ะ แต่น้องๆ วัยรุ่นยุคเพลง น้อง บิดหนี น้อง ถูทา จะอินรึเปล่าไม่รู้นะ เพราะดาราทั้งคู่(พระเอกนางเอก)มันก็เข้ารุ่นใหญ่กันแล้ว เอาเป็นว่า หนังหน้าจะโดนใจ คนวัยทำงาน (ยิ่งทันรุ่น เด๊ปบี้ กิ๊บสัน , ทิฟฟานี่ )รับรองโดน เพลงเพราะน่าจะโดนรุ่นนี้มั่กมาก
ปล. สังเกตตอนจบที่ คอล่า ขึ้นคอนเสริ์ตตอนจบเพลงแรกเธอไหว้แล้วพูดภาษาอะไรอ่ะ เราได้ยินว่า " สันติ สันติ" (ในหนังคอล่า เธอออกจะเพี้ยนๆ หลุดๆ เป็นพวกชอบลัทธิตะวันออก(ธิเบต) ทั่งๆที่ไม่รู้ว่า ดาไลลามะ เป็นใคร ชอบไหว้ เอาดนตรีแขกมามิกซ์มั่วไปหมด...พลอยให้นึกถึงเพลง Doom Doom ของน้อง ถูทา )และที่ชวนหวาดเสียวคือการเอาพระพุทธรูปใหญ่มาเป็นฉากหลังเวทีคอนเสริ์ต (เลยโดนเซนเซอร์ซะเลย)
Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2550 |
|
8 comments |
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2550 15:25:58 น. |
Counter : 2797 Pageviews. |
|
|
|
แล้วกลัวดูเรื่องนี้ไม่สนุก แหะๆ