The Village Album (2006) ภาพถ่ายจากใจ...นานแค่ไหนมิเคยลืม
กำกับโดย: มิตสุฮิโระ มิฮาระ :นักแสดง: ทัตสุยะ ฟูจิ ,เคน ไคโตะ
เราทุกคนต่าง มีถิ่นฐานบ้านเกิดกันทุกคน.... และเชื่อแน่ว่า อดีตในวันวานของชีวิตเราต้องมีความผูกพันไม่มากก็น้อยกับถิ่นกำเนิดเหล่านั้น เคยนึกดูไหมว่า..เราได้ห่างไกลกับความรู้สึกผูกพันกับถิ่นฐานบ้านเกิดมานานแค่ไหน ภาพถ่ายของครอบครัวที่เป็นเหมือนสิ่งที่บันทึกความทรงจำในอดีต ครั้งล่าสุดนั้นเราถ่ายกันไว้เมื่อไหร่.... หนังเรื่องนี้ทำให้เรา ได้คิดถึงสิ่งเหล่านั้น ความผูกพันธ์ของครอบครัว ชุมชน ถิ่นกำเนิด .... เรื่องเล่าย้อนกลับไปในปี 2003 ที่โตเกียว เมืองที่มีคนหลงทางมากกว่าจำนวนเสาไฟฟ้า ทากาชิ ก็เป็นหนึ่งในจำนวนคนหนุ่มสาวที่เข้ามาทำงานในเมืองหลวง เค้าทำงานในร้าน คาราโอเกะ พร้อมกลับ ฝึกงานเป็นผู้ช่วยในกองถ่ายแบบ(ความฝันที่เค้าอยากเป็นคือช่างภาพ) อยู่มาวันหนึ่ง มีโทรศัพท์ฝากข้อความจากเจ้าหน้าที่เทศบาลหมู่บ้านฮานาตานิ จังหวัดบ้านเกิดของเค้า ข้อความต้องการให้เค้าติดต่อกลับ ทากาชิ โทรกลับถึงรู้ว่า ทางหมู่บ้านอยากให้เค้ากลับไปช่วยถ่ายภาพ เพื่อทำอัลบั้มหมู่บ้าน เพราะรัฐบาล ต้องการใช้พื้นที่บริเวณหมู่บ้านก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่จึงอยากเก็บความทรงจำของชุมชนไว้ในอัลบั้มรูปภาพ ทากาชิคิดว่าไม่อยากกลับบ้าน(นอก)เลย เพราะที่นั้นมันช่างไม่มีอะไรน่าสนใจ ..แต่เพราะคานะน้องสาวโทรมาว่าอยากให้กลับมางานครบรอบวันตายของแม่ ทากาชิ จึงตอบตกลง แบบขอไปที ระหว่างทางกลับบ้านในใจเค้ากระหยิ่มว่า ตัวเค้าเนี่ย เป็นช่างภาพฝีมือดีจากเมืองหลวงเลยเชียวนะ(โม้เอาไว้เยอะ) ตลอดเส้นทางเค้าได้เห็นป้ายประท้วงเรื่องเขื่อน แต่เค้าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะคิดว่ายังไงมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเค้า พอถึงบ้าน (ซึ่งเป็นห้องภาพเก่า)เขาได้เจอกับพ่อ..บรรยากาศที่ทั้งคู่เจอกันมันดูมาคุและอึมครึม (นัยยะว่าความสัมพันธ์ ระหว่างเค้ากับพ่อนั้น มีปัญหากันมานานแล้ว) จนพ่อเค้าต้องเป็นคนเอ่ยปากก่อนว่า " ยืนอยู่ทำไมไปไหว้(อัฐิ)แม่ซะสิ" คุณพ่อของทากาชิ(เคนอิจิ) ได้เสนอตัวเป็นช่างภาพของโปรเจ็คนี้และให้ทากาชิเป็นผู้ช่วย เค้าไปรับเงิน ค่าใช้จ่ายจากเจ้าหน้าที่ที่สำนักงาน ดูเค้าจริงจังกับงานนี้มาก พอเจ้าหน้าที่คนนั้น พูดเล่นๆว่า ไอ้รูปคนเฒ่าคนแก่พวกนี้จริงๆแล้วเค้าไม่ชอบเลย ถ้าเป็นสาวๆอึ๋มๆ เนี่ยคงจะดีกว่า เคนอิจิ (พ่อของทากาชิ) ถึงกลับฉุนเดินออกมาอย่างรวดเร็วสร้างความมึนงงแก่ เจ้าหน้าที่คนนั้นอย่างยิ่ง
การถ่ายภาพได้เริ่มในวันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ได้นำรถมารับสองพ่อลูก ... เคนอิจิ ปฏิเสธ ที่จะขึ้นรถ ขอเดินเท้าจะดีกว่า สร้างความมึนงงให้แก่ ทากาชิ เค้าจึงเดินแบบหน้า บูดๆ และ เดินห่างๆตามหลังเคนอิจิ ระหว่างทาง เคนอิจิเดินผ่านชาวบ้านต่างทักทายกันและกันไปตลอดทาง ..พอมาถึงครอบครัวแรกซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ ทุกคนดูตื่นเต้น กับการถ่ายภาพ ครั้งนี้ เคนอิจิเข้าไปจัดท่าทางโดยให้คุณตาวางหลานไว้ที่ตัก ให้ทุกคนยิ้ม เสร็จจากการถ่ายทุกครั้งก็จะโค้งคำนับพร้อมกล่าวขอบคุณชาวบ้าน เคนอิจิจริงจังกับงานนี้มาก ผิดกับ ทากาชิ ที่มองเป็นเรื่องน่าเบื่อ และเห็นกล้องคู่กายที่พ่อใช้มันช่างโบราณอะไรอย่างงี้.... ทากาชิพยายามบอกพ่อว่า ทำไมไม่ใช้รถในการเดินทาง จะได้ทำงานได้มีประสิทธิภาพ พ่อถามกลับว่า อะไรมีประสิทธิภาพ ..... ทากาชิถึงกลับอึ้ง เค้าจึงโทรศัพท์ไปบอกที่ทำงานทันที ว่า ถ้ามีงานอะไรก็บอกได้ทันที(ในใจคงอยากจะกลับ โตเกียวเร็วๆ) การถ่ายภาพของสองพ่อลูก เป็นไปอย่างเรื่อยๆ ชาวบ้าน ที่เค้าไปถ่าย ต่างดีใจและพยายามนำสัตว์เลี้ยง พืชผักที่ตน ใช้เลี้ยงชีพมาเป็นส่วนหนึ่งของภาพ (ทุกคนคงอยากให้เก็บความทรงจำในผืนแผ่นดินที่ตนใช้กินอยู่มาหลายชั่วอายุคนเอาไว้)
มาถึงบ้านหลังนึงที่อยู่บนหุบเขา ในบ้านมีเพียง คุณยาย แก่ๆท่านนึง ชื่อคุณยาย ฮามาโมโต(แก่มั่กมาก) เธอขอบคุณที่ เคนอิจิมาถ่ายรูปให้ถึงบนเขา....พอถึงเวลาถ่ายรูป ซึ่งก็มีเพียงคุณยายคนเดียวเท่านั้น... (คุณยายฉีกยิ้มมือสองข้างถือรูปสามีและลูกชายไว้แน่นน่ารักมาก) หลังจากถ่ายเสร็จ คุณยายก็ เอาอาหาร มาเลี้ยง เธอก็เปรยว่า"ไม่รู้เวรกรรมอะไรที่ทำให้ชั้นอายุยืนจนคนอื่นๆตายไปหมดแล้ว" "ที่อยู่ได้ก็เพราะผืนแผ่นดินนี่แหละที่ล่อเลี้ยงชีวิตชั้น (ประมาณว่าเก็บผักเก็บผลไม้ที่ปลูกไว้กินเลี้ยงชีวิต) แล้วเธอก็เอารูปสมัยก่อนมาอวด (เป็นรูปครอบครัวเธอที่เคนอิจิเคยถ่ายไว้ให้) พร้อมทั้งฮัมเพลงสมัยก่อน .....แววตาเธอดูมีชิตชีวาเมื่อได้ย้อนกลับไปในอดีต........ แต่ทากาชิไม่ได้อินอะไรกับคุณยายเลย ....เสียงโทรศัพท์ของทากาชิดังขึ้น เสียงตามสายบอกว่ามีงานรอเค้าที่โตเกียว เค้าลุกขึ้นคุยอย่างไร้มารยาท เคนอิจิไม่พอใจลูกชายอย่างแรงเข้ามาหยิบมือถือเค้าทิ้ง พร้อมชกทากาชิ ทากาชิ เหลืออดเลยชกกลับ พ่อลูกเลยฟัดกันพลันวัน จนเจ้าหน้าที่ที่มาด้วยต้องมาห้าม ดูเหมือนการถ่ายภาพงานนี้ ท่าจะไปไม่รอด ทากาชิ ไม่อยากทำงานร่วมกับเคนอิจิ ...และระหว่างรองานวันพิธีครบรอบวันตายของแม่ ..... ทากาชิ ได้มีโอกาสได้เจอเพื่อนเก่า ที่รักถิ่นกำเนิด...ได้พบวิถีชีวิตของเด็กๆ ที่เค้าเองก็เคยสัมผัสมาแล้ว และที่สำคัญ เค้าเพิ่งได้ทราบว่า จริงๆแล้ว ..แรกทีเดียวทางเจ้าหน้าที่ได้ลองติดต่อช่างภาพมาจากโตเกียวหลายราย แต่ทุกรายไม่มีใครยอมมาเพราะมันเป็นงานเล็กๆ ....พอรู้ถึงหูพ่อของทากาชิ เคนอิจิ ออกตัวขอรับหน้าที่เป็นช่างภาพเอง..พร้อมทั้ง ขอร้องให้โทรตาม ทากาชิมาช่วยด้วยเค้าด้วย.. ทากาชิจึงยอมกลับมาทำงานกับพ่ออีกครั้ง... สองพ่อลูกออกเดินทางไปด้วยกันอีกครั้ง ....เค้าเดินตามหลังพ่อเหมือนเคยแต่ระยะห่างของเค้ากับพ่อใกล้กันมากกว่าครั้งก่อนๆ...ครั้งนี้เค้าเต็มใจที่จะเป็นลูกมือให้พ่ออย่างเต็มใจ หลังจากถ่ายเสร็จก็คำนับพร้อมกล่าวคำขอบคุณ เหมือนพ่อของเค้า..... เคนอิจิ ได้บอกลูกชายว่า.. "จำไว้นะ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ตาม อย่าลืมว่าจุดเริ่มต้นของเรามาจากหมู่บ้านนี้"และ มีฉากนึง เค้าพูดถึงต้นไม้ และภาพถ่าย..."อีกร้อยปี มันก็ยังอยู่ และมันจะทำให้เรามีความสุขเมื่อเราได้มองมัน" สุขภาพของเคนอิจิ แย่ลง เรื่อยๆ ทากาชิจึงปฎิเสธงานที่กรุงโตเกียว เพื่อจะได้อยู่กับพ่อ(มันเพิ่งเริ่มคิดได้)....และเค้าก็มีโอกาสได้รู้ความรู้สึกของพ่อที่มีต่อเค้า ...จากปากเจ้าหน้าที่ในหมู่บ้านคนหนึ่งว่า ..".รู้ไหมว่า พ่อของทากาชิ น่ะภูมิใจในตัวนายมาก เมาทีไรคุยโม้ว่าทากาชิเป็นช่างภาพที่เก่ง(ทั้งๆที่ความจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น....) และจริงๆในอดีต เคนอิจิ เป็นช่างภาพฝีมือดี จนได้ไปทำงานหนังสือพิมพ์ที่โตเกียวมาแล้ว แต่เพราะแม่ของทากาชิสุขภาพไม่ดีเค้าเลยตัดใจมาอยู่ที่นี่..(ยอมสละสิ่งที่ตัวเองรักเพื่อครอบครัวและคนรัก) ภาพย้อนอดีตเข้ามาในหัว ทากาชิ ใช่แล้ว...คนที่สอนให้เค้าถ่ายภาพคนแรกก็คือพ่อของเค้า และกล้องที่ใช้สอนก็คือกล้องเก่าๆ ตัวนั้น ทากาชิถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่.. เคนอิจิต้องนอนที่โรงพยาบาล... เค้าจึงได้ฝากงานภาพที่จะถ่ายใบสุดท้ายให้ ทากาชิ เป็นผู้จัดการ โดยได้บอกเคล็ดวิชาว่า" อย่าลืมนะเวลาถ่ายภาพให้มองที่ตาของผู้ถูกถ่าย และต้องถ่ายมันด้วยใจ"...ทากาชิ รับหน้าที่ไปอย่างเต็มใจ..แต่ไอ้ภาพที่ถ่ายออกมาไหงกลับดูแข็งกระด้างไร้ชีวิต ชีวา.. เมื่อเทียบกับรูปถ่ายของพ่อของเค้า... ตรงนี้เองที่ทำให้ ทากาชิ เข้าใจว่าสิ่งที่พ่อเค้าได้ทำ..พ่อทำด้วยใจ ให้ชุมชนที่พ่อรัก ...ให้ผืนแผ่นดิน..ที่พ่อใช้ทำมาหากิน..ให้กับชาวบ้านที่เปรียบเสมือน ญาติพี่น้อง... ทากาชิ จึงกลับไปขอร้อง เคนอิจิว่า ภาพสุดท้ายเค้าจะถ่ายไม่ได้ ...ถ้าขาดพ่อ
สองพ่อลูกจึงถ่ายภาพสุดท้ายด้วยกัน ครั้งนี้ ทากาชิและเคนอิจิ เดินไปด้วยกัน(ทากาชิไม่ได้เดินตามหลังอีกต่อไป) ถึงแม้ต้องไปถ่ายกันที่ภูเขา ทากาชิ ก็ยินดีแบกพ่อของเค้าขึ้นไปเพื่อถ่ายรูปสุดท้ายอย่างไม่ย่อท้อ ขากลับ พ่อได้แวะให้ทากาชิดูจุดที่เห็น วิวหมู่บ้านได้มากที่สุด พร้อมชี้ให้ดูต้น ซากุระ ที่แม่ของทากาชิชอบ ...ทากาชิเค้าได้เห็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย สงบ สวยงาม ที่เขามองข้ามไป ..ตลอดมา เสียงเพลงบอกเวลาแว่วมาแต่ไกลเพลงนี้เค้าได้ยินมาตั้งแต่เด็กแต่ไม่เคยสนใจมันเลยจนมาวันนี้ หลังจากเสร็จงาน ทากาชิก็กลับโตเกียว..เคนอิจิสุขภาพไม่สู้ดีนัก จึงเป็นหน้าที่ของ คานะที่จะดูแล วันนึง ทากาชิ พาพี่สาว (โนริโกะ)กลับมาพร้อมหลานสาว.. โนริโกะโผเข้ากอดพ่อพร้อมขอโทษกับสิ่งที่ตนได้ทำลงไป(ที่ไปแต่งงานโดยไม่ฟังคำทัดทานจากพ่อ)...ทากาชิ บอกเคนอิจิว่า เค้าจะมาถ่ายรูป...เพราะอัลบั้มยังขาดอยู่อีกหนึ่งรูปและภาพสุดท้ายในชีวิตของเคนอิจิ คือ ภาพครอบครัวของเค้านั้นเอง......
ดูจบแล้วอยากกลับบ้านนอกจัง....คิดถึงพ่อแม่ญาติพี่น้อง ...หมาตัวโปรด...เพื่อนๆแถวบ้าน .... พอมานึกถึงเรื่อง ภาพของคนในครอบครัวที่ถ่ายร่วมกัน...ครั้งสุดท้ายนี่มันเมื่อไหร่น้าาา โห....มันตั้งแต่เราเป็นเด็กเลยนะเนี่ย..นี่ถ้าไม่สนใจเราคงไม่คิดถึงเรื่องนี้เลย ถึงแม้ว่าไอ้เรื่องรูปถ่ายมันจะเป็นสิ่งเล็กน้อยสำหรับบางคน แต่อย่าลืมว่าพอเรารื้อกลับมาดูทีไร... เรื่องราวในอดีตของเรา... . ก็ย้อนมากลับมาให้เราได้หวนคิดเสมอ....................... แล้วนี่ถ้าเราไม่ใส่ใจจะบันทึกช่วงเวลาประทับใจกับครอบครัวไว้ .....พอเวลาผ่านไปอย่ามาเสียดายที่ไม่ได้เก็บความทรงจำเอาไว้นะ....ว่าแล้วไปชวนคนที่บ้านถ่ายรูปเก็บไว้ดีกว่า..
.
****The Village Album ได้ตระเวนสร้างความซาบซึ้งประทับใจให้ผู้ชมตามเทศกาลหนังต่างๆ ไปแล้วมากมายหลายแห่ง ในจำนวนนั้นมีเทศกาลภาพยนตร์กรุงเทพฯ และเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเซี่ยงไฮ้รวมอยู่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เซี่ยงไฮ้นั้น หนังสามารถคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาครองได้สำเร็จ อีกทั้งการแสดงที่โดดเด่นของทัตสุยะ ฟูจิ ยังส่งผลให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมอีกด้วย
Create Date : 13 พฤศจิกายน 2549 |
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2549 17:10:53 น. |
|
2 comments
|
Counter : 3300 Pageviews. |
|
|