ธันวาคม 2550

 
 
 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
22
23
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
เมื่อฉันไปสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น(อีกครั้ง)
เพิ่งสอบเสร็จหมาดๆค่ะ เลยมาเขียนเล่าบรรยากาศการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น แต่ไม่ใช่ที่เมืองไทย (สอบที่โตเกียวค่ะ)

เขา(น้องชาย)บอกว่า ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่ใช้โครงสร้างข้อสอบแบบเดิม ปีหน้าจะเป็นไงยังไม่มีใครรู้ เพราะยังไม่ได้เปิดโผออกมา

ดังนั้นปีนี้จึงควรไปสอบเก็บไว้อย่างยิ่ง เพราะเขาคงจะปล่อยผี(หมู่)เป็นครั้งสุดท้าย

ด้วยเหตุผลทั้งปวงข้างต้น จึงสมัครสอบ ทั้งที่ยังไม่จำเป็นต้องเอามาใช้อะไร เอาเหอะ คะแนนเก็บได้ปีหรือสองปี ถือว่า วัดระดับความสามารถทางภาษาของตนเองไปด้วย เคาะสนิมไวยากรณ์ของตัวเองไปด้วย

พอได้เจอข้อสอบวันนี้ ที่ว่า จะปล่อยผี อาจจริงก็ได้แฮะ

ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้คิดว่า ตนเองเก่งนะคะ แต่ว่า ข้อสอบปีนี้ เทียบกับเมื่อปี 2004 ที่สอบครั้งสุดท้ายแล้ว ครั้งนั้นยังมีอะไรที่พลิกโผนิดหน่อยบ้าง ปีนี้ไม่ค่อยพลิกเท่าไหร่ (หรือว่า เตรียมตัวดี อิอิ ไม่จริงเลยค่ะ ทำแต่ข้อสอบเก่าเป็นหลักกับท่องอีกนิดหน่อย)

ส่วนของ Reading กับ ไวยากรณ์ที่จัดว่ายากสุด ก็เฉยๆ รีดดิ้งออกเกี่ยวกับความหมายของ "รัฐ" มาข้อหนึ่ง เด็กรัดสาดเก่า อ่านผ่านๆแล้วก้มลงไปตอบได้เลย ดีจริง ประหยัดเวลา

ข้อสอบยังมีอะไรที่ขำก๊าก อ่านไปพลาง ฮาไปพลาง อย่างเช่น

"มุกตลกของเขาก็ดีอ่ะนะ...แต่ว่า" คำตอบที่ต้องตอบคือ "ให้ฟังซ้ำๆก็ไม่ไหว" (เออ...จริงของมัน)

แล้วรีดดิ้งเรื่องที่ยาวที่สุดเป็นเรื่องแม่กับลูกสาวที่ไม่สามารถสนทนากันรู้เรื่องเพราะต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างพูด ไอ้ที่คิด คิดเรื่องตัวเอง แล้วก็พูดเรื่องตัวเอง ดังนั้นการสนทนามันเลยไม่เป็นการสนทนา อ่านไปก็นึกถึงตัวเองกับแม่ เพียงแต่ว่า บ้านนี้หนักกว่า เพราะไม่ได้สนใจบทสนทนาของฝ่ายตรงข้ามทั้งสองฝ่าย

ยังพอมีจังหวะที่จะนึกขำได้ เพราะฉะนั้นจะเรียกว่า ข้อสอบคราวนี้ช่วยให้คนไม่ค่อยได้ท่องหนังสือสักเท่าไหร่ พอทำได้...(มั้ง)

นอกจากปัจจัยเรื่องความยากง่ายแล้ว สถานที่สอบยังแสนสบายใกล้กับหอมั่กๆค่ะ นั่งรถไฟไปแค่ 14 นาที สถานที่สอบยังใกล้สถานีอีก เดิน 30 วิ แต่อิชั้นเดิน 1 นาที เพราะแหลนใส่บู้ทส้นสูงไปค่ะ

สอบภาคเช้าเป็นคำศัพท์ (คันจิ-Vocabulary) และสอบฟังเรียบร้อย ก็พักกลางวันค่ะ อิชั้นเตรียมอาหารไปตามที่แนะนำไว้ในบัตรสอบที่ส่งมาให้ เป็นพาสต้าผัดด้วยโอลีฟออยล์กับกุ้งและผักปวยเล้ง เย็นไปนิด แต่ว่าเปี่ยมด้วยคาร์โบไฮเดรตที่ดูดซึมพลังงานได้ง่าย ไม่ต้องย่อยมาก เหมาะกับการนำพลังออกมาใช้ได้เร็วทันใจในช่วงเวลาที่ต้องเค้นสมองเป็นอย่างยิ่ง

สาวเกาหลี(น่าจะใช่)ที่นั่งอยู่ไม่ห่าง ควักกิมจิออกมากินกับข้าวและกับอีกอย่าง หน้าตาสวยเสียป่าว ยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาเชยคางไปกินข้าวไป โอ้แม่เจ้า ที่แผ่นดินโสมเขายอมให้หล่อนทำอย่างนี้ได้อย่างไรกัน

ส่วนสาวที่นั่งข้างหน้าเป็นสาวจีน หุ่นสวยเซ็กซี่เหมือนน้องอั้ม(พัชราภา) แต่ว่าคุณน้องเล่นสะบัดผมเฉียดข้อสอบอิชั้นไปมา (โต๊ะมันแคบค่ะ พิงหลังปุ๊บก็เกยมายังโต๊ะหลังเลย) ทำเอาอิชั้นต้องระวังตัวเหมือนกัน เดี๋ยวเกิดพิงไปแล้วคนข้างหลังมันจะรำคาญเหมือนที่รำคาญน้องอั้ม...

ข้อสังเกตนอกจากเรื่องข้อสอบกับสาวๆที่นั่งใกล้ๆแล้วมีอีก 2 ข้อดังนี้

ข้อแรก อายุเฉลี่ยของคนที่มาสอบมันสูงยังไงพิกล คิดไปเองป่าวไม่รู้ แต่ก่อนคนที่มาสอบหน้าตาเด็กๆกันทั้งนั้น เดี๋ยวนี้หัวเถิกมาบ้าง อายุสักสี่สิบแบบมองออกกันบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาๆนั่งนับได้เพียบในห้องสอบเดียวกัน

หรือว่า ห้องสอบนี้มันรวมแต่คนแก่กันฟะ

อีกข้อ คราวนี้มีฝรั่งตั้งหลายคนอยู่ในห้องสอบเดียวกันด้วย แต่ก่อนฝรั่งไม่นิยมสอบขั้น 1 กันสักเท่าไหร่ แต่ฝรั่งเดียวนี้เขาพัฒนาแล้ว ได้ยินพูดภาษาญี่ปุ่นแบบชัดเปรี๊ยะ เจอฝรั่งพูดโทรศัพท์เรียกตนเองว่า "โอเระ" (คำแทนตนเองของผู้ชาย ไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ แต่หนุ่มๆชอบใช้กัน เคยเจอเพื่อนที่ห้องวิจัย อยู่ที่มหาลัยมันใช้ "โบขุ" (ผมแบบสุภาพ-ถ่อมตัว)พอมาเที่ยวเมืองไทย ไหง...มันเรียกตัวเองว่า โอเระหน้าตาเฉย แกมาตีซี้กับฉันเหรอยะ)

เออหนอ...ใช่ว่า ภาษาญี่ปุ่นของคนไทยคนนี้ดีขึ้นนิดหน่อย ฝรั่งหรือคนอื่นๆเขาก็พัฒนาแล้วกันทั้งนั้น

ควรดีใจมั้ยนี่...

จบการรายงานค่ะ



Create Date : 02 ธันวาคม 2550
Last Update : 2 ธันวาคม 2550 14:37:15 น.
Counter : 674 Pageviews.

8 comments
  
เอ้อ..วันนี้มีแต่คนไปสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นกันเพียบเลยนะคะ
เข้าไปอ่านมาหลายบล๊อคแล้ว ท่าจะได้รับความนิยมจริงๆแหล่ะ
โดย: ~PLAYFULGIRL~ วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:17:47:35 น.
  
เรายังคงอีกนาน เพราะยัง baby ภาษาญี่ปุ่นมากๆ
โดย: หลังจอ วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:18:26:56 น.
  
เคยสอบระดับ 3 ไว้เมื่อนานมาแล้วมากๆเลยคะ


ดีจังสอบที่ญี่ปุ่น
โดย: Louise Redknapp วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:18:45:29 น.
  
สอบครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2002 ^_^; จริงๆก็หาโอกาสไปสอบใหม่อยู่เพราะผ่านแบบคะแนนไม่ได้สวยงามอะไร.. ถ้ารู้ว่าเค้าจะเปลี่ยนโครงสร้างปีหน้าก็น่าไปสอบปีนี้นะคะ T^T (พลาดอีกแล้ว)

ใจก็คิดว่าจะสอบๆ แต่ก็ยังงกอีกว่ารอสอบที่ไทยดีกว่าเพราะค่าสอบถูกกว่า (แล้วเมื่อไหร่จะได้สอบอีกรอบ) สามีบอกว่าสอบได้แล้วทำไมต้องสอบอีก ไม่เข้าใจ -_-; แต่ถ้าคะแนนไม่สวยงามก็อยากสอบใหม่นะคะ

รู้สึกไทกะดราม่าปีหน้าจะเป็นชินเซ็นคุมินะคะ วัยรุ่นเซ็งเลย... -_-;
โดย: Warabimochi วันที่: 3 ธันวาคม 2550 เวลา:14:02:37 น.
  
มาชวนไปดูโรงเรียนตีนดอย จ.เชียงใหม่ ที่บล็อก ค่ะ
โดย: ปิ่นเดือน ครูดอย วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:16:21:33 น.
  
กำลังจะเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นแล้ว
มีการ์ตูนเป็นแรงบันาดลใจค่ะ
โดย: BoOKend วันที่: 9 ธันวาคม 2550 เวลา:19:15:04 น.
  
แวะมาอ่านบล็อกจ้า

ที่ญี่ปุ่นต้องมีสอบวัดระดับกันเป็นประจำแบบนี้เลยหรือคะ เป็นพี่คงเครียดแย่ แหะๆ
โดย: ปอมปอมเกิร์ล วันที่: 11 ธันวาคม 2550 เวลา:15:17:28 น.
  
เป็น blog เกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่น และการแปลภาษาญี่ปุ่นที่ดีจริงๆครับ
โดย: คุณ โตน วันที่: 11 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:11:24 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

pinlada
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



知恵者一人馬鹿万人---คนมีความรู้คนเดียวเท่ากับคนโง่หมื่นคน ---สงสัยว่าต้องมีขงเบ้งเป็นเพื่อนสถานเดียวถึงได้เท่าสุภาษิตนี้