สายโลหิต : โสภาค สุวรรณ
สายโลหิตโดย โสภาค สุวรรณสำนักพิมพ์ คลังวิทยา (๒ เล่มจบ)พิมพ์ครั้งที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๔๔-- คำโปรยปกหลัง--นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ชาติไทยปลายกรุงศรีอยูธยา ก่อนเสียกรุงแก่พม่าข้าศึกเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเหตุการณ์ไม่เตรียมพร้อมและประมาทของพลเมืองความขัดแย้งสืบเนื่องจากความไม่สามัคคี การทำลาย ฆ่าฟันกันเองอันเป็นผลให้คนดีมีฝีมือลดน้อยลงเป็นสาเหตุสำคัญที่อาจเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง แม้ว่าจะต่างวาระกันก็ตาม-- เรื่องย่อ-- พ.ศ.๒๓๐๑ดาวเรืองวัยสิบขวบ บุตรีพระสุวรรณราชาเป็นช่างทองหลวง คุณย่านิ่มเป็นผู้เลี้ยงดู ด้วยกำพร้ามารดาแต่ยังเด็ก ลำดวนผู้เป็นพี่สาวได้ออกเรือนกับหลวงเทพฤทธ์อริศัตรูพ่าย บุตรชายของพระยาพิริยะกับคุณหญิงศรีนวล ขุนไกร นายทหารกองทะลวงฟัน วัยยี่สิบปี เป็นน้องชายของหลวงเทพ ขุนไกรนั้นจะเอ็นดูดาวเรืองยิ่งนักด้วยเป็นเด็กช่างเจรจา ซักถาม ทั้งขุนไกรและหลวงเทพ นั้นเป็นข้าราชการเก่าในขุนหลวงหาวัด พม่ายกทัพเข้ามาทางทวาย มะริด ตะนาวศรี ขุนไกร หลวงเทพ หลวงเสนาสุรภาค พี่ชายของดาวเรือง ล้วนออกไปทัพ ดาวเรืองชวนพี่เยื้อนพี่เลี้ยงไปดูขุนไกรตอนเคลื่อนทัพ ดาวเรืองให้พระคล้องคอของเธอกับขุนไกรหมื่นทิพ ได้กลับมาแจ้งข่าวว่าทัพไทยพ่าย ขุนไกร หลวงเทพ หลวงเสนา ล้วนเสียชีวิต แต่แท้จริงแล้วเมื่อขุนไกรมาปรากฏตัวที่เรือนคุณย่า ที่แท้ที่ทัพไทยพ่ายครั้งนี้เพราะผู้เป็นแม่ทัพ และคนอย่างหมื่นทิพ ต่างขลาด รักตัวกลัวตาย ทิ้งทัพหนีกลับมา แล้วยังมากุข่าวสร้างความดีความชอบให้ตัวเอง หลวงเสนา และ พระยาพิริยะ ได้เสียชีวิตจากการต่อสู้กับข้าศึก ซึ่งเป็นไปตามที่คุณย่าได้ใช้ความรู้ด้านตำรามหาทักษาของท่านตรวจชะตาก่อนไปทัพหมื่นทิพนั้นได้มาติดพันแม่เยื้อน น้องสาวขุนไกร แต่ขุนไกรพยายามขวางไว้ ด้วยหมื่นทิพนั้นยังเป็นชายเจ้าชู้ ฝักใฝ่แต่ในเรื่องสตรี ต่อมาขุนไกรไปทัพสู้ศึกพม่าที่ลำน้ำจักราช และหมื่นทิพก็ไปทัพนี้เช่นกัน ที่บ้านคุณย่ามีบ่าวพบทหารมานอนบาดเจ็บอยู่ พันสิงห์เป็นทหารคนสนิทของขุนไกร กลับมาพร้อมดาบคู่กายของขุนไกร ซึ่งเป็นดาบบรรพบุรุษ และมีคู่กันกับหลวงเทพ ต่างมีสัจจะว่า เป็นตายจะรักษาดาบเท่าชีวิต หลวงเทพออกตามหาจนพบขุนไกรบาดเจ็บสาหัส แต่แล้วข้าศึกบุกตีทางท้ายคูเมือง ครอบครัวพันสิงห์เสียชีวิตหมด ขุนไกรทั้งทีเจ็บไม่หายดี ทนไม่ไหว ขอออกอาสาสู้ศึกรักษาเชิงเทินกับพันสิงห์แต่แล้วทัพพม่ายกกลับ ด้วยมีข่าวพระเจ้าอลองพญาถูกสะเก็ดปืนใหญ่แตกเสียชีวิตส่วนขุนไกรเมื่อเกินจะทัดทานทั้งมารดาและแม่หญิงเยื้อนเรื่องหมื่นทิพ จึงขอออกไปอยู่พิษณุโลก พันสิงห์และเยื้อนตามไปอยู่ด้วยแม่หญิงเยื้อนหลังออกเรือนแล้วก็ได้แต่ตรอมใจ กับพฤติกรรมของหมื่นทิพ จนเสียชีวิตในที่สุด และคุณหญิงศรีนวลมื่อทราบข่าวก็ตกบันไดเสียชีวิตตามขุนไกรกลับมางานศพ ดาวเรืองรู้สึกดีใจที่จะได้เจอพี่ไกรอีก ยามพบกับครั้งนี้เด็กหญิงเล็กๆได้เป็นสาวน้อยแล้ว และความรู้สึกในใจของนายทหารหนุ่มที่มีต่อดาวเรืองก็แปรเปลี่ยน เช่นเดียวกับดาวเรืองขุนไกรได้เลื่อนเป็นหลวงไกรสรเดช ต่อมาพระเจ้ามังระประกาศสงครามกับกรุงศรีอยุธยา ขุนไกรกลับไปช่วยทัพด้านสุโขทัย เมื่อขุนไกรลงมาราชการด่วน ทราบเรื่องที่มีคนใจหยาบล่มเรือของดาวเรือง และยิ่งรู้ว่าเป็นฝีมือหมื่นทิพ จึงตัดสินใจสู่ขอดาวเรืองด้วยตัวเองกับพระสุวรรณราชา พิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นตามมี่คุณย่าจับฤกษ์ยามให้ขุนทิพซึ่งหมายมาดดาวเรืองไว้ แค้นยิ่งนัก หาทางแกล้งขุนไกร และก็มีหมายเรียกตัวให้ออกทัพในวันมงคลนั่นเองข่าวทัพกรุงศรีฯพ่าย ถูกตีเข้าใกล้พระคร คุณย่าเสียชีวิต ขุนไกรกลับมาช่วยเฝ้าป้อมเชิงเทิน พ่อดาวเรืองถูกปืนข้าศึกเสียชีวิตที่กำแพงเมืองไอ้มิ่ง คนรับใช้ขุนทิพ ลอบบอกหลวงไกรเรื่องขุนทิพและใครบางคนส่งเสบียงออกให้พม่า หลวงไกรพาไอ้มิ่งไปพบขุนทิพ และนายบ่าวแทงกันตายตกตามกันและก็ถึงวันสิ้นกรุงศรีอยุธยา หลวงเทพพาครอบครัวไปคุ้มกันสมเด็จพระมหาอุทุมพร ขุนไกรคิดจะพาลำดวน พันสิงห์ เยื้อน ไปสมทบกับพระยากำแพงเพชรที่ตั้งมั่นอยู่ที่จันทบุรีแต่แล้วทางพวกขุนไกรที่ปลอมเป็นชาวบ้านถูกจับได้ กักเป็นเชลยอยู่ที่ค่ายโพธิ์สามต้น ชาวบ้านที่ค่ายเล่าว่า ขุนหลวงหาวัดและข้าราชบริพารถูกต้อนไปกรุงอังวะ...ในใจของขุนไกรยามนี้ให้หมองนัก พี่น้องคงจะไม่ได้พบกันเสียแล้ว พระนครถูกเผาทำลาย ...แต่ไทยต้องเป็นไท จะให้ทนเป็นเชลยไปตลอดหาได้ไม่ ขุนไกรคิดหาทางหนีจากค่าย ...ความตั้งใจที่จะกอบกู้บ้านเมืองนั้นแน่วแน่นัก แต่หนทางนั้นเล่าจะเป็นเช่นใด...-- จากในเรื่องค่ะ --น.๘๒เมื่อไหร่จะเป็นญาติกันเสียทีล่ะดาวเรือง ผู้อาวุโสกว่าก้มตัวลงถาม เจ้าน่ะเด็กตัวกระจิ๊ดริดเรียกตำแหน่งราชการพี่เต็มยศ ฟังแล้วเหมือนไม่ได้เกี่ยวดองกัน ขุนไกรน่ะเป็นตำแหน่งชื่อเดิมก็มีเรียกว่าพี่ไกรเป็นไง สะดวกหูแล้วก็สะดวกปากเจ้าด้วยไม่ใช่รึเด็กหญิงยิ้มเขินๆ ก่อนจะหลุดปากออกไปว่า ค่ะ พี่ไกรน.๑๒๖กลัวสงครามไหมคะ พี่ไกรผู้อาวุโสกว่าหัวเราะหึๆ ศึกสงครามเป็นอย่างไร ยังไม่เคยรู้เลยดาวเรือง แต่ทหารและไพร่พลที่เกณฑ์มาก็คิดอย่างเดียวกันนั่นคือเป็นหน้าที่...ต้องป้องกันบ้านเมือง ถึงตัวตายแต่บ้านเมืองยังอยู่พี่น้องลูกหลานเหลนจะได้รับความร่มเย็นเป็นสุข ทั้งพี่และหลวงเสนาพี่ชายเจ้าก็มีเลือดทหารสมเด็จพระนเรศวร และพระนารายณ์เป็นเจ้าเต็มตัว สืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษ มาออกศึกสงครามอย่างนี้ ก็ต้องทำหน้าที่ให้เต็มที่จริงไหมน๔๖๗พี่อยากกินแกงสายบัว แถวนี้บัวสายเกลื่อนไป ช่วยกันเก็บประเดี๋ยวก็ได้พอแกงหม้อโต ไม่ต้องไปซื้อให้ลำบากนังพุ่มนังตาด มิไปรอที่วัดโน้นกันแล้วหรือคะ พี่ไกร มามัวเก็บสายบัวอย่างนี้น่ะขุนไกรหัวเราะหึๆ เก็บสายบัวหลายคนสนุกที่ไหนเล่าดาวเรือง เจ้ากับพี่สองคนช่วยกันเก็บเพลินกว่ากล่าวจบคนพูดก็ราพาย ปล่อยให้เรือลอยลำอย่างาบายใจ ตาจับอยู่ที่ใบหน้านวล ดาวเรืองหลบนัยน์ตาคู่นั้นวูบวาบ ไถลเหนี่ยวรั้งสายบัว เจ้าของเรือก็ยิ้มในหน้า วางพายลง ขยับเข้ามาช่วยน๔๖๙สายบัวยังไม่ได้สักสายเดียวนะคะ คนทั้งบ้านหลายครัว ยังพวกทาสในเรือนตั้งโขยง แกงหม้อโตเห็นจะต้องใช้สายบัวมากอยู่ละค่ะ ไม่เร่งเก็บให้แล้วๆจะค่ำมืดเปล่าๆผู้อาวุโสกว่าขยับเข้าใกล้อีกนิดหนึ่ง ก็ใครจะพาเจ้ามาลำบากเก็บสายบัวจริงๆเล่าดาวเรือง อยากได้จริงๆให้บ่าวไปซื้อหาที่ตลาดถมไป ตลาดบก ตลาดเรือที่แม่น้ำรอบกรุง เขามีขายเกลื่อนกลาดมือแข็งแรงของคนพูดเอื้อมมากุมมืออีกฝ่ายไว้มั่น อุ้งมือใหญ่นั้นกุมมือบางๆได้มิดชิด เสียงกล่าวสืบไปว่า พี่รำคาญนังตาด นังพุ่ม ยังอีพูกับไอ้ทาสฝีพายคุณย่ามันคอยแลตาม ระแวดระไวเจ้าดีนักถึงได้พาเรือลัดเข้าทุ่งมานี่แหละน๔๙๓ชื่นใจ คนพูดหัวเราะหึๆ แสงจันทร์จับผิวแก้มคนข้างๆเลือนราง เจ้าห่วง แต่พี่น่ะ ทั้งห่วง...ทั้งหวงเจ้าเชียวนะ ไปคราวนี้จะได้กลับหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ก็ชื่นใจที่รู้ว่ามีคนคอยห่วงอยู่ข้างหลัง เจ้ากังวลนะดาวเรือง ไม่ตายเสีย...พี่จะกลับมาสู่ขอน๖๓๙มือแข็งแรงของคนพูดเลื่อนมาที่สไบผืนงาม เสียงพูดมาอีกว่า น้ำตาเจ้าเปื้อนสไบผืนนี้เป็นดวงขึ้นหลายแห่ง แต่ก็ยังหอมกรุ่น..กลิ่นกายเจ้าติดต้อง ...ปลดให้พี่เถอะคนดี ขอติดตัวแนบใจไปทัพเถิดสไบผืนนั้นถูกสอดพับเข้าไว้ในอกเสื้อ ดาบกระชับอยู่ในมืออีกครั้ง หลวงไกรตัดใจได้ฉับพลันสั่งว่า พี่จะให้นังเยื้อนมาดูแลเจ้า อย่าร้องไห้นะแม่คุณของพี่ เจ้าเป็นเมียทหาร จงเข้มแข็ง...ไม่มีแผ่นดินแลบ้านเมือง เจ้าหรือพี่ก็ไม่มีที่อาศัยเช่นกัน...พี่ไปละน๘๖๖ถึงกรุงศรีอยุธยาจะเหลือแต่ซาก ตนและใครอื่นก็ยังอยู่ จะยังสืบสานสายโลหิตลูกหลานไทยต่อไป ไทยที่เป็นไท เป็นอิสระเสรีไม่เป็นข้าผู้ใดไม่ยอมให้ชาติใดมากดขี่ครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม--ความคิดเห็น--นิยายเรื่อง สายโลหิต ของ คุณโสภาค สุวรรณนี้ เป็นงานชิ้นเยี่ยมของท่านของท่านเลยนะคะ ท่านเขียนในคำนำไว้ว่า เรื่องนี้เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับประวัติความเป็นมาของบรรพบุรุษก่อนเสียกรุง( ฝ่ายบิดา ทางสายสกุลสุวรรณสาร) เรื่องจะเริ่มในปี พ.ศ.๒๓๐๑ กรุงศรีอยุธยาในสมัยพระเจ้าเอกทัศ ซึ่งว่างเว้นศึกสงครามมานานผู้คนตกอยู่ในความประมาท ข้าราชการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แตกสามัคคี ท่านบรรยายให้เรานึกเห็นถึงความงดงามตระการของบ้านเมือง วัดวาอาราม ความเป็นอยู่ ผ่านทางสายตาของดาวเรืองในวัยเด็ก ซึ่งชอบเที่ยว ช่างเจรจานัก ขุนไกรนั้น เป็นทหารกล้า ที่รักชาติยิ่งชีวิต ยามออกศึกไม่มีถอยหนี อยู่กองหน้าเข้าฟาดฟันต่อสู้ศัตรู ถึงแม้จะแข็งแกร่ง แต่สำหรับดาวเรืองแล้วจากความรู้สึกเอ็นดูในวันเด็ก เมื่อแปรเปลี่ยนเป็นความรัก ก็มีทั้งรัก ห่วง หวานล้ำ ละมุนละไม เชียวล่ะค่ะ ส่วนขุนทิพนั้นเป็นตัวแทนของคนไม่ดีแท้ๆ นอกจากมักมากในสตรีไม่สนใจว่าจะลูกเขาเมียใคร ยังเป็นคนขลาดรักตัวกลัวตาย ไม่สัตย์ซื่อต่อประเทศชาติ เป็นเรื่องที่อ่านได้สนุกมากค่ะ อ่านแล้วรู้สึกรักชาติยิ่งขึ้นเหลือเกิน เอาใจช่วยขุนไกรตลอดยามออกศึก เพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่าอย่างไรกรุงศรีอยุธยาก็ต้องพ่าย และพอในยามรักก็หวานไม่แพ้การรบเลยล่ะค่ะ แล้วก็น้ำตาคลอไปด้วยยามที่ชีวิตต้องสูญสิ้นเพื่อปกป้องชาติบ้านเมือง อนึ่ง...จริงๆแล้วหนังสือที่เรามีเป็นรุ่นเก่ามากแล้วล่ะค่ะ แต่พอนึกอยากคุยถึงเรื่องนี้ก็เลยไปรื้อจะเอามาอ่านอีกครั้ง แต่หาไม่เจอ ก็เลยไปเช่าที่ร้านมาค่ะ พอมาอ่านเล่มพิมพ์ใหม่ ถึงได้ทราบจากสำเนาจดหมายที่ทางสนพ. นำมาพิมพ์ลงไว้ด้านในว่า.. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชประสงค์ ให้มีการแปล เรื่อง สายโลหิต เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อถ่ายทอดแนวความคิดของคนไทยที่มีมาแต่อดีตให้ชาวโลกได้รับรู้และจากในคำนำ ท่านได้เขียนไว้ว่า ...เรื่องสายโลหิต ฉบับภาคภาษาอังกฤษ มีชื่อว่า HERITAGE ประกอบภาพปกโดยจิตรกรผู้มีชื่อของประเทศ คือ คุณจักรพันธ์ โปษยกฤต...พออ่านแล้วก็รู้สึกปลื้มปีติไปกับท่านจังเลยล่ะค่ะ ถ้าเพื่อนๆคนไหนยังไม่ได้อ่าน อยากชวนให้หามาอ่านกันดูนะคะ เป็นเรื่องที่น่าอ่านมากจริงๆค่ะ
เพลง อยุธยา
คำร้อง พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ
กรุงศรีอยุธยา ราชธานีไทย ถึงเคยแตกแหลกไป ก็ไม่สิ้นคนดี
เราจะรบศัตรู ต่อสู้ไพรี เราจะกู้เกียรติศรี- อยุธยาไว้เอยฯ
อยุธยารุ่งเรืองกระเดื่องนาม เมืองงามธรรมชาติช่วยสนอง
บริบูรณ์ลุ่มน้ำและลำคลอง ท้าวอู่ทองทรงสร้างให้ชาวไทย
ครั้งโบราณแพ้พม่าเป็นข้าเขา พระนเรศวรเจ้าทรงกู้ได้
ไล่ศัตรูไปพ้นแผ่นดินไทย ศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี
ชาวศรีอยุธยามาด้วยกัน เลือดไทยใจมั่นไม่พรั่นหนี