พวกเราดูแลเตี่ยเป็นอย่างดีแทบจะทุ่มเวลาที่มีให้กับการรักษาเตี่ยเลยล่ะ ความที่โดนเจาะคอมาเลยทำให้เตี่ยไม่สามารถพูดได้ เราใช้การสื่อสารด้วยการดูจากการกระพริบตาเท่านั้น สิ่งหนึ่งที่พวกเรามาทราบทีหลังและพลาดไปคือ "การหัดให้นั่งและเดิน" ตอนที่ยังเจาะคออยู่ตลอดเวลา 4 เดือนไม่เคยให้เตี่ยได้นั่งและหัดเดินเลย นอนอย่างเดียวความที่กลัวสารพัดเลยไม่กล้าที่จะทำอะไร ฟันก็ไม่ได้แปรงด้วยเหอะ
พอเหลือแต่สายอาหารก็เริ่มทำอะไรได้มากขึ้น พาเตี่ยไปทำกายภาพที่โรงพยาบาล จ้างคนมานวด ฯลฯ ซึ่งสำหรับใครที่เจอเคสผู้ป่วยติดเตียงยังไงก็ต้องทำกายภาพนะคะ ไม่งั้นต่อไปมือกับเท้าเส้นเอ็นจะยึดแล้วจะไม่สามารถยกแขนขาได้เลย จะงออย่างเดียวอันนี้สำคัญมากนะ
ด้วยความที่มาทำกายภาพที่โรงพยาบาลบ่อยๆ ก็ได้เจอกับคนไข้ที่พูดต่อๆ กันว่า "ให้ไปโรงพยาบาลดอนตูมสิที่นั้นเค้าเป็นศูนย์รักษาแบบครบวงจรเลย" ด้วยความที่คนไข้หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไปที่นี่แล้วดีขึ้น พวกเราก็ไม่รอช้าไปดูโรงพยาบาลแล้วก็ติดต่อจนเตี่ยได้ไปเป็นผู้ป่วยใน มีโปรแแกรมการรักษาเช้ากายภาพ บ่ายฝั่งเข็ม เย็นนวด สลับวนไปทุกวัน ค่าใช้จ่ายเดือนละ 9,000 บาท เป็นค่าห้อง ส่วนค่ายาและการรักษาเตี่ยเป็นข้าราชการเลยใช้สิทธิ์เบิกตรงได้
พอติดต่อเรื่องห้องพักเสร็จก็ย้ายเตี่ยมาเข้าโปรแกรมการรักษาที่โรงพยาบาลทันที และก็ไปขอประวัติเพื่อทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลจากราชบุรีมาดอนตูม เป็นที่น่าเสียดายที่เราไม่มีฟิลม์หลังผ่าสมองเพราะโรงพยาบาลราชบุรีไม่มีทำสแกนหลังผ่า ทำให้ท่าน ผอ.โรงพยาบาลดอนตูมเลยไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าส่วนที่ผ่าออกไปเป็นส่วนไหน?
ตลอดเวลาสองเดือนเตี่ยก็เข้าโปรแกรมการรักษาครบ แต่ก็ไม่ดีขึ้นเลยจนแม่ถอดใจและแม่เองก็ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่โรงพยาบาลอีกแล้ว ประกอบกับ ผอ.บอกว่าเตี่ยได้แค่นี้แหละ พวกเราเลยตัดสินใจพาเตี่ยกลับมารักษาต่อที่บ้าน สำหรับเคสที่ผ่าตัดสมองแบบที่เป็นใหม่ๆ แนะนำให้ไปโรงพยาบาลดอนตูมเลย เพราะจากที่เห็นๆ หลายๆ เคสดีขึ้นมาก ด้วยความที่อยู่ภายใต้การดูแลของหมอและนักกายภาพ แต่ต้องรีบมาตั้งแต่แรกๆ
หลังจากกลับมาอยู่บ้านพวกเราก็พาเตี่ยไปทำกายภาพที่โรงบาลดอนตูมสม่ำเสมอทุกอาทิตย์ และยังคงมีสายจมูกห้อยมาด้วยทุกครั้งเวลาเดินทางก็จะกินได้แต่น้ำ เตี่ยชอบกินโกโก้ก็จะแวะซื้อให้กินหลังจากมาหาหมอทุกครั้ง แอบสังเกตุเค้าชอบออกมาโรงพยาบาลเพราะเค้าจะได้เจอคน เวลาขับรถพาไปไหนมาไหนเค้าก็ชอบมองซ้ายมองขวา เตี่ยพูดไม่ได้ตั้งแต่เข้ารับการผ่าตัด
ซึ่งปกติเตี่ยเป็นคนพูดมากถึงมากที่สุด แต่พอผ่าตัดกลับไม่พูดเลยไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเจาะคอด้วยหรือเปล่า เวลาอยู่บ้านพวกเราก็จับเตี่ยให้หัดนั่งก็นั่งไม่ได้เท่าไหร่ ล้มเป็นตุ๊กตาล้มลุกเลยทีเดียว บางทีก็แอบถอดใจบ้างเป็นบ้างเวลา เวลาเตี่ยเค้านั่งดูทีวีสิ่งที่เค้าชอบทำประจำคือ "ดึงสายจมูกออก" จนต้องสแปรสายนี้ไว้เยอะพอสมควร เพราะสายมีเบอร์ด้วยหาซื้อยากตามร้านขายยาตามตำบล
เวลาเตี่ยดึงสายจมูกทีไรแม่ก็จะโมโหทุกที เพราะต้องไปตามหมอมาใส่ตลอด หมอมาบ้านเราเป็นประจำบางวันดึงสองรอบสนุกสนานกันเลยทีเดียว จนกระทั่งมีอยุ่วันหนึ่งเตี่ยดึงสายตอนกลางคืนชนิดที่ว่าดึงออกมาทั้งเส้นเลยจ๊ะ ที่นี่ด้วยความดึกมากแล้วหมอก็ไม่อยู่ จึงรอจนเช้าพาเตี่ยไปโรงพยาบาลให้หมอดูอาการ หมอบอกว่าไม่ต้องใส่แระให้ไปซื้อโจ๊กมาลองป้อนดูว่าคนไข้กลืนได้ไหม
ปรากฏว่าเตี่ยกลืนได้เป็นปกติเลย โว้.. ไอ้เราก็ตั้งตาตั้งตาจะใส่สายกันทุกรอบไม่ได้สังเกตุเลยว่า ที่เตี่ยเค้าดึงออกเพราะเค้าอยากกินเองเปล่าหว่า?? สรุปเตี่ยก็ได้ถอด "สายจมูก" ออก ที่นี่สบายแล้วล่ะกินอาหารได้แล้ว ไม่ต้องไปซื้ออาหารปั่นอีกแระ พอเค้ากินได้นี่เคี้ยวข้าวใหญ่เลยจ๊ะ มันต้องฉลองสิจ๊ะ พาไปกิน MK เลย