สมุดบันทึกผู้หญิงชอบเที่ยว "ภัทรานิตย์" -- www.atourthai.com --

"เที่ยวเมืองไทยด้วยหัวใจ แล้วคุณจะรักเมืองไทยอย่างยั่งยืน"


<<
มิถุนายน 2560
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
27 มิถุนายน 2560
 

สูงวัยไปด้วยกัน ตอนที่ 6 สละท่อ (เหล็ก) เรื่องยากแต่ก็ไม่ยากนะ





ในตอนที่แล้วได้เล่าถึง "การย้ายพ่อจากโรงพยาบาลมาที่บ้าน" หลังจากที่หมอบอกพวกเราว่าเราจะได้กลับบ้านแล้ว แม่เป็นคนที่ดีใจที่สุดเพราะแม่ไม่ชอบอยู่โรงพยาบาลเอาเสียเลย แม้ว่าเราจะเปลี่ยนห้องพิเศษเป็นให้เหมือนบ้านเราที่สุดแม่ก็รูสึกว่ามันไม่ใช่บ้านอยู่ดี วันที่รถพยาบาลมาส่งเตี่ยที่บ้านเป็นวันที่จะเปลี่ยนชีวิตอีกครั้ง ก่อนวันจะย้ายเตี่ยมาพวกเราทำความสะอาดบ้านกันอีกรอบเพื่อให้ฝุ่นมีน้อยที่สุด 

พอเตี่ยกลับมาอยู่บ้านพวกเราทุกคนก็ช่วยกันดูแลเตี่ย แม่ปฏิบัติเหมือนอยู่โรงพยาบาลทุกอย่าง ผ้าปูที่นอนประกอบด้วยผ้าปูที่นอน ผ้ายาง ผ้าขวาง แม่จัดครบเหมือนอยู่โรงพยาบาลเป๊ะ อุปกรณ์ล้างแผลต่างๆ ก็ซื้อมาให้เหมือนที่โรงพยาบาลใช้หมดเพื่อให้แม่ที่มีความคุ้นเคยอุปกรณ์โรงพยาบาลอยู่แล้วได้ใช้อย่างคล่องเหมือนเดิม ถาดหลุมล้างแผล ที่คีบ มากันครบ ถุงฉี่เตี่ยก็เตรียมแอลกอฮอล์ชุปสำลีไว้ในกระปุกให้พร้อม แม่จึงประหนึ่งพยาบาลพิเศษที่มีความชำนาญเพราะก่อนกลับบ้านทางพยาบาลได้สอนวิธีการให้เราได้ฝึกทำจริงจนชำนาญ

จากประสบการณ์ทั้งหมดก็พอโอเคไม่ได้รู้สึกว่ายากเท่ากับอุปกรณ์ดูดเสมหะ (Suction) อันนี้รู้สึกว่ายากจริงอะไรจริงเพราะกว่าจะหย่อนสายลงไปในคอเตี่ยช่วงแรกๆ มือสั่นเชียวล่ะ แล้วพยาบาลก็บอกว่าการซักชั่นเนี่ยถ้าลึกมากไปก็ไปโดนข้างในทำให้ผู้ป่วยเจ็บมาก หืม!! คำนี้เนี่ยทำเอามือสั่นทุกครั้งที่ทำเลยความที่เรากลัวพ่อเราเจ็บ เชื่อไหมว่าเรียนเรื่อง "อุปกรณ์สิ้นเปลี้อง" มาเพิ่งเข้าใจตอนการซักชั่นเนี่ยแหละ 

เพราะเวลาจะทำการดูดเสมหะด้วยเครื่องซักชั่นเราต้องใส่ถุงมือสองข้างซึ่งการใส่ก็ต้องพิถีพิถันมากห้ามให้ถุงมือโดยวัตถุอันใดเลย เพราะจะก่อให้เกิดเชื้อโรคได้คือมือที่ใส่ถุงมือห้ามโดนมือที่ไม่ใส่ถุงมือเลยเด็ดขาด โดนเมื่อไหร่ถอดทิ้งเลยสายซักชั่นก็เช่นกันด้วยความที่มันค่อนข้างยาวบางทีเราปล่อยสายไปโดนเตียงหรืออะไรก็ตามก็ต้องทิ้งเลยเช่นกัน เวลาจะทำต้องรีบม้วนสายเพื่อกันไม่ให้โดนอย่างอื่น 

แล้วคิดดูว่ามือใหม่อย่างพวกเราจะรอดไหม คำตอบ "ไม่รอด" ทิ้งกันกระจุยคือถ้าคนแบบเสียดายอ่ะมันไม่ได้เลอะนิไม่ทิ้งหรอก แต่พวกเราถูกฝึกมาอย่างเคร่งครัด "ทิ้งค่ะ" สายกับถุงมือเนี่ยสแปรกันไว้เป็นร้อยเลย จึงเข้าใจที่มาของวัสดุสิ้นเปลื้องได้เป็นอย่างดีก็งานนี้แหละ แต่เพราะความละเอียดพวกนี้จึงทำให้เตี่ยไม่มีการติดเชื้อใดๆ 




แต่ละวันของพวกเราเดินกันยังกะสวนสนามคือด้วยความเป็นห่วงเตี่ยก็เลยเวียนเข้าเวียนออกดูกันตลอดเวลา ช่วงแรกๆ ของเตี่ยเรางดห้ามใครมาเยี่ยมเลยเพื่อนๆ เค้าจึงได้แต่มองนอกห้อง ไกลๆ เพื่อกันการติดเชื้ออันนี้สำคัญนะ มันเป็นผลดีกับผู้ป่วยและทุกครั้งก่อนเข้าห้องเตี่ยทุกคนต้องล้างมือด้วยน้ำยาทุกครั้งจนฝึกเป็นนิสัยต้องลามือก่อนเข้าห้อง การใส่ใจพวกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญ แม่ก็เป็นคุณนายละเอียดอยู่แล้วเค้าก็จะเช็ดตัวเช้าเย็นไม่มีขาด

เตี่ยก่อนหน้าที่เคยพูดได้เสียงแจ้วๆ ตอนนี้ก็ไม่พูดเลยได้แต่แสดงออกท่าสีหน้าเท่านั้น พวกเราก็ให้เตี่ยได้ดูทีวีฟังเพลงต่างๆ เกี่ยวกับสมองเป็นระยะๆ ให้เค้าได้ฟื้นความจำ ซึ่งช่วงเดือนแรกเรารู้สึกได้เลยว่าเตี่ยจำใครไม่ได้เลย มองก็มองแบบสงสัยแต่คุ้นๆ เพราะเราเห็นหน้ากันบ่อยมากกว่า ทำให้พวกเราตั้งสมมุติฐานว่าเตี่ยน่าจะสูญเสียความจำเพราะการผ่าตัดสมองฝั่งขวา เหมือนความจำเค้ามาเป็นระยะๆ 

พวกเราพาเตี่ยไปหาหมอตามนัดทุกครั้งซึ่งเราอยู่กับแม่สองคนการเคลื่อนย้ายเตี่ยมาโรงพยาบาลทุกครั้ง เราเลือกใช้บริการรถพยาบาลของโรงพยาบาลเพื่อความสะดวกในการขนย้าย ดีที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลบ้านมากนักไม่เกิน 20 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายรอบละ 1,000 บาท ใช้บริการทุกอาทิตย์เลยเหอะ ดังนั้นในตอนยังไม่แก่เก็บตังค์กันไว้เยอะๆ นะค่าใช้จ่ายยามแก่สูงพอๆ กับวัยเด็กเลยทีเดียว 

เตี่ยใช้เวลา 2 เดือนก็มาถึงวันที่ข่าวดีมายังเราอีกครั้ง วันที่หมอบอกว่าน่าจะเอาเหล็กที่คอออกได้แล้ว วันนั้นเป็นอีกวันที่ลุ้นมากๆ เพราะหมอกำชับไว้ว่าให้บอกหมอที่ถอดท่อเหล็กว่าให้อยู่ดูอาการที่โรงพยาบาลก่อน ห้ามกลับทันทีซึ่งพวกเราก็ให้อยู่โรงพยาบาลจนกว่าจะแน่ใจ ซึ่งการถอดท่อเหล็กครั้งนี้ก็สำเร็จเตี่ยหายใจได้เป็นปกติไม่มีติดขัด แต่ยังคงใส่สายทางจมูก


เตี่ยถอดท่อเหล็กประมาณสิบโมงเห็นจะได้พวกเราขออยู่อาการจนเย็นเลยและค่อนข้างมั่นใจว่าหายได้เป็นปกติโดยหมอยังคงให้ใส่สายอาหารไว้ก่อน ส่วนแผลที่เอาท่อออกก็ต้องล้างแผลทำความสะอาดสามเวลากันเลยทีเดียว จนสุดท้ายแผลที่คอเตี่ยปิดสนิทเตี่ยก็เริ่มดีขึ้น พอแผลที่คอที่พวกเรากังวลถูกปิดลงความกังวลใจที่หนึ่งก็หมดไป อย่างน้อยๆ พวกเราก็มาประสบความสำเร็จขั้นที่ 1 แล้ว ก้าวต่อไปคือถอดสายอาหารเนี่ยแหละ 

พวกเราเริ่มให้เตี่ยกินอาหารพวกน้ำทางปากก่อน ตามด้วยขนมนิ่มๆ ชิ้นเล็กๆ อันนี้แอบแม่ให้กินแม่จะว่าเสมอกลัวเตี่ยติดคอแล้วงานมาก แต่เราแอบสังเกตุว่าเตี่ยเค้ากลืนได้นะจึงเป็นสัญญาณที่ดีต่อมา เตี่ยชอบดึงสายอาหารออกประจำจนหนักๆ เข้าอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ซึ่งสายอาหารเนี่ยต้องให้หมอมาใส่เราไม่สามารถใส่เองได้ ทำให้หมอมาบ้านเราบ่อยมากสนิทกันไปโดยปริยาย ขาประจำ!!

จากการที่เตี่ยดึงสายบ่อยๆ มีวันหนึ่งสายหมดก็ทำเอาหมอวิ่งกันให้คึกหาสายมาให้ ซึ่งสายเนี่ยมันมีเบอร์นะไม่ใช่ซื้อสุ่มสี่สิ่มห้าต้องเอาสายที่หมอใส่ให้เนี่ยไปซื้อทุกครั้ง มีความแปลกใจมากที่สายพวกนี้ทางอนามัยไม่มีติดไว้เลยสักเส้น อันนี้สร้างความไม่เข้าใจอย่างยิ่งจริงๆ เพราะจากการสำรวจประชากรติดเตียงบริเวณนี้มีคนไข้เหมือนเตี่ยเกือบ 20 ราย แต่อนามัยไม่มีสายสแปรเลย อันนี้มีความงงมากจริงๆ และครั้งนั้นทำให้รู้ว่าต้องเช็คสต็อกของที่มีเป็นประจำอย่างให้ขาดเลยเด็ดขาด 

เราเห็นคนป่วยที่เค้าติดเชื้อมาหลายเคสพวกอุปกรณ์พวกนี้สำคัญมากนะ อย่าเสียดายถึงเวลาก็ต้องเปลี่ยน ถุงยางที่ต่อท่อฉี่กับอวัยวะเพศก็เช่นกันพวกเราเปลี่ยนวันเว้นวันเพราะจะได้ลดการหมักหมม การดูแลผู้ป่วยติดเตียงต้องดูอย่างใกล้ชิดและใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทุกอย่าง กำลังใจก็สำคัญมากเช่นกันพอเตี่ยถอดทุกสิ่งอย่างออกได้ การออกไปสู่โลกภายนอกก็ทำได้ง่ายขึ้น ไว้จะมาเล่าตอนต่อไปให้ฟังนะคะ





Photo and Story By
Patthanid C.



Create Date : 27 มิถุนายน 2560
Last Update : 3 กรกฎาคม 2560 1:47:42 น. 2 comments
Counter : 1441 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณฟ้าใสวันใหม่

 
 
 
 
สวัสดีค่ะคุณภัทร..

สุดยอดคุณลูก สู้เพื่อคุณพ่อเลยนะคะ

ดีใจด้วยที่ไม่ต้องใส่สายจมูกFeed อาหาร..

สมัยคุณแม่เจ้าโว๊ยกะคุณตาเหม่ง ก็ดึงเป็นประจำคะ

เอาท่อเหล็กที่คอออก ก็ดีเหลือหลายล่ะ

สู้ๆต่อไปนะคะ..จะให้ช่วยอะไรก็บอกมาได้คะ

 
 

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:7:07:30 น.  

 
 
 
แวะมาอ่านและส่งกำลังใจให้นะคะ
ชอบอ่านค่ะ เคยมีประสบการณ์แบบนี้เหมือนกัน
แต่ยังไม่มากเท่านี้ สู้ ๆ นะคะ

 
 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:13:05:27 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

patthanid
 
Location :
ราชบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




: การท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ
: คืออีกก้าวของประสบการณ์
: ทุกๆ ก้าวที่ก้าวเดิน
: มีจุดหมายที่อยากสัมผัส
: โลกใบกลมๆ ใบนี้

ติดต่อผู้เขียน
Email :: patthanids@hotmail.com
Line :: @atourthai
Facebook :: Patthanid Cheang
Fanpage :: โสดเที่ยวสนุก

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิดโดยนำภาพถ่าย
รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึง
ข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้
ไปใช้ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัว
หรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็น
ลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
New Comments
[Add patthanid's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com