ในวันที่พ่อป่วย ตอนที่ 1 เมื่ออุบัติเหตุเกิดขึ้นกับครอบครัวเรา
9 มีนาคม 2557 วันเกิดเหตุ .. เตี่ยไปไหนอ่ะ "ไปงานแต่งงาน" จากน้ั้นก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ออกไป ไปวิ่งดีกว่าเราแล้วก็อัพรูปรองเท้าวิ่งใส่เตตัสว่าจะไปวิ่งสลัดไขมันซะหน่อย เข้าห้องน้ำจะอาบน้ำแล้วเชียว .. เสียงตะโกนหน้าประตูรั้วมีใครอยู่ไหม แม่ทัก "อยู่นี่ว่าไง" ลุงแกรถล้มไปดูเร็วที่ตลาดวัดเหนือ เราก็อยู่ในห้องน้ำไม่ได้ยินอะไร จากนั้นก็มีคนมาบอกอีกว่า เตี่ยสลบไปเลยตอนนี้เค้าเอาไปส่งโรงพยาบาลโพธารามแล้ว
วินาทีนั้นเปลี่ยนเสื้อเลยยังไม่ทันจะอาบน้ำมาเอารถออกขับไปดูที่เกิดเหตุเห็นรถเตี่ย ประเมินจากสายตาแป๊บเดียวไม่เป็นอะไรหรอกดูเหมือนชนไม่หนักมากมั้ง ก็ขับรถไปโรงพยาบาลพอไปถึงเข้าห้องฉุกเฉิน วันนั้นคนก็มาใช้บริการกันเยอะมาก หาเตี่ยไม่เจอปรากฏว่าเข้าไปห้องในสุด วินาทีแรกที่เห็นบอกตรงๆ ว่าช็อกเลยคือดูอาการแล้วไม่ธรรมดาแน่นอน เห็นเลือดออกที่ศีรษะตรงอื่นไม่เป็นอะไรแต่เหมือนชักแล้วอ่ะ มีอาการอาเจียน วินาทีนั้นบอกตรงๆ ว่าตั้งสติคำเดียว
พยาบาลค่ะขอย้ายโรงพยาบาลสามารถย้ายไปที่ไหน ตอนแรกจะย้ายไปโรงพยาบาลเอกชน พยาบาลบอกว่าไปโรงพยาบาลราชบุรีดีกว่าเครื่องมือพร้อมกว่า แม่หันมามองหน้าให้ตัดสินใจงั้นไปโรงพยาบาลราชบุรี เลยค่ะ วิ่งเดินเรื่องเอกสารส่งตัวระหว่างนั้นพยาบาลก็ทำหน้าที่จัดการล้างแผลและเย็บแผลให้เตี่ยเรียบร้อย ต้องบอกว่าพยาบาลโรงพยาบาลโพธารามทำหน้าที่ได้ดีกว่าหมอซะอีก ต้องขอบพระคุณพี่พยาบาลที่ช่วยอธิบายค่ะ ระหว่างนั้นก็สองจิตสองใจจะโทรบอกน้องดีไหม ตัดสินใจโทรเลยแระกันน้องชายไปถ่ายงานจากเพชรบุรีกำลังเข้ากรุงเทพฯ พอดีอยู่บ้านแพ้วเลยตีรถมาราชบุรี
การส่งตัวเอกสารเดินเรื่องและประสานงานเกือบครึ่งชั่วโมงส่งตัวไปโรงพยาบาลในเมืองราชบุรี เราขับรถตามเป็นครั้งที่สองในชีวิตที่ขับรถตามรถฉุกเฉิน ในใจคิดอย่างเดียวว่าเตี่ยต้องไม่เป็นอะไร ถึงโรงพยาบาลราชบุรีประมาณหนึ่งทุ่ม เข้าห้องฉุกเฉินรอหมอตรวจ หมอบอกว่าเอ็กซ์เรย์ก่อนแล้วกันตอนนั้นเตี่ยดิ้นแรงมากสามคนจับไม่อยู่เลยทีเดียว เข้าห้องเอ็กซ์เรย์สมองและปอดเรียบร้อยก็กลับมาอยู่ห้องฉุกเฉินเหมือนเดิม รอหมอดูผลเอ็กซ์เรย์ บอกว่ามีเลือกคั่งที่สมองส่วนหน้านะ ต้องไปรอดูอาการ 10 ชั่วโมง
เตี่ยถูกส่งตัวขึ้นตึกศัลยกรรมระบบประสาท แม่เจ้า .. รอบตัวเตี่ยอาการหนักๆ ทั้งนั้นเลยอ่ะ เรียกว่ามองแล้วก็หดหู่เป็นที่สุด แต่ด้วยความที่เราเป็นคนไม่สนใจใครเราก็ดูแต่เตี่ยเราอย่างเดียวเลย เตี่ยก็ดิ้นๆ ตลอดเวลา จนต้องผูกเชือกติดกับเตียงเลย ในใจตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าต้องผ่าแน่ๆ ระหว่างที่นั่งเฝ้าเตี่ยก็หาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตโดยส่วนใหญ่อาการเลือกคั่งในสมองต้องผ่าเท่านั้นอ่ะ จนตีสองสายน้ำเกลือหลุดเข้าไปช่วยพยาบาลอาบน้ำเลย เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นวิธีอาบน้ำบนเตียงคืองงมากอ่ะ เพิ่งเคยเห็นการอาบน้ำผู้ป่วย บ๊ะเจ้ารวดเร็วมากตอนนั้นก็แบบว่าเหมือนพลิกไปพลิกมาเตี่ยเค้าเจ็บอ่ะ พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพยาบาลให้ยาลดบวม เตี่ยก็นอนได้ดีขึ้น พยาบาลบอกว่าญาติไปนอนเถอะค่ะ บอกตรงๆ ว่าใครจะไปหลับลงเตี่ยยังไม่รู้จะยังไงเลยอ่ะ ก็เลยนั่งหาข้อมูลประกอบไปเรื่อยๆ
10 มีนาคม 2557 ตีห้า .. แม่เจ้าเสียงอะไรเนี่ยหนวกหูชะมัด หลับไงไม่ไหวอ่ะง่วงตื่นมามันเกิดอะไรขึ้นฟ่ะ คนมาบานทุ่งเหมือนรู้หน้าที่ต่างคนต่างมาอาบน้ำเปลี่ยนผ้าให้คนไข้ รวดเร็วและชำนาญมาก โชคดีที่เตี่ยอาบไปแล้วตอนตีสอง เราสบายหน่อยให้อาบเองตายแน่ขนาดมีพยาบาลช่วยยังสามคนเลยอ่ะ ตอนเช้าอาการเตี่ยก็ยังเหมือนเดิม นั่งจับมือเตี่ยและคุยไปเรื่อยๆ เค้าก็เหมือนจะตอบสนองนะ เตี่ยกำมือเราแน่นเลย
จนเกือบบ่ายอ่ะเราไปกินข้าวข้างล่างกับน้าๆ พอมาที่เตียงน้าทักทำไมลิ้นจุกปากอ่ะ เราไปเรียกพยาบาลมาดูต้องใส่ออกซิเจนแล้วค่ะ วินาทีนั้นเราเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ดีแระ พอใส่อ๊อกซิเจนเตี่ยอาการที่ขึ้นไม่ดิ้นมากนัก แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ดีอย่างที่คิดจริงๆ จากนั้นเตี่ยถูกส่งตัวไปสแกนสมองและปอดอีกครั้ง ผลออกมาไม่ดีดังคาดอาการเลือกคั่งในสมองเริ่มลามใหญ่ขึน หมอให้ผ่าตัดด่วน เค้าก็เรียกเราไปชี้แจง วินาทีนั้นด้วยความมั่นใจหมอและประกอบกับหาข้อมูลมาเรียบร้อยแล้ว เซ็นต์ชื่อยินยอมจากนั้นเตี่ยก็ลงไปเข้าคิวผ่าตัดทันที ระหว่างนั้นก็โทรขอวงเงินชั่วคราวรอไวเลย เพราะเราคิดว่าค่าใช้จ่ายเป็นแสนแน่ๆ ครั้งนี้ โทรไป KTC และ GE อนุมัติวงเงินทันที กสิกรโทรให้ตายก็ไม่มีคนรับ มันเลยทำให้รู้ว่าต่อไปเราควรใช้บริการบัตรใบไหนต่อไป
ประมาณบ่ายสามแหละการผ่าตัดใช้เวลาเร็วมากประมาณ 20 นาทีเสร็จแระ พยาบาลให้ลงไปรอที่ห้องอภิบาลผู้ป่วยหนัก ความรู้สึกตอนนั้นเราว่าเตี่ยเรารอดนะ การผ่าสมองยิ่งผ่าได้เร็วเท่าไหร่โอกาสรอดก็จะมีสูงเท่านั้น แต่ที่หมอยังไม่ผ่าให้เมื่อวานเพราะเป็นความดันสูงมาก จากนั้นก็รอเยี่ยมตอนหกโมงเย็น
ตอนที่เข้าไปเยี่ยมเห็นแล้วบอกตรงๆ ว่าทำใจไม่ได้เลยอ่ะ คือเตี่ยไม่เคยเจ็บมากขนาดนี้ แล้วเค้ารู้สึกตัวตลอดอ่ะเหมือนปากอยากบอกว่าเจ็บอ่ะ เรากระซิบข้างหูเตี่ย เตี่ยต้องหายนะ พวกเราเชื่อว่าเตี่ยต้องหาย เตี่ยต้องสู้นะ เรารู้ว่าเตี่ยเค้าสู้อยู่เช่นกัน จากนั้นก็กลับบ้านเพราะทำอะไรไม่ได้เฝ้าก็ไม่ได้
11 มีนาคม 2557 หมอให้ไปหาเก้าโมง ไปเที่ยงเหอะ พยาบาลถามว่าเรานัดกันกี่โมงเนี่ย โชคดีที่พยาบาลห้องนี้ใจดีไม่งั้นโดนด่าเละไม่ไหวจริงๆ อ่ะคือไม่ได้นอนสองวันร่างกายก็ไม่ไหว ไปถึงเราก็เข้าเยี่ยมเตี่ยก่อนเลย ก็ดูดีนะแต่เหมือนแก้มจะบวมๆ นะ แต่ก็โอเคนะตรงอื่นไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก พอบ่ายก็ไปเดินเรื่องเอกสารเกี่ยวกับ พรบ. รถ เลยได้รู้ว่ารถเนี่ยโอนลอยมาเจ้าของก็ไม่รู้ว่าใคร เราก็ไม่รู้จักเหมือนกัน คือ พรบ.อ่ะ 15,000 คือไม่ซีเรียสไงได้ก็ได้ไม่ได้ก็ไม่ได้ เพราะคู่กรณีหนีอ่ะจะไปให้ใครรับผิดชอบอ่ะ อีกอย่างเตี่ยเป็นข้าราชการบำนาญเบิกได้ ก็เลยกลับมานั่งทำงานมันหน้าห้องไอซียูนั่นแหละ
จนกระทั่งหกโมงเย็นเข้าเยี่ยมได้อีกครั้ง ต้องบอกเลยว่าช็อกอ่ะ คือเที่ยงยังไม่บวมเลยอ่ะ ตกเย็นมาหน้าบวมซีกซ้ายแบบตกใจมากอ่ะ เห็นแล้วใจคอไม่ดีเอาเสียเลย แต่พอได้คุยกับเตี่ยเรียกเค้ายังมีอาการตอบสนองดีอยู่ เลยถามพยาบาลว่าทำไมบวมขนาดนี้อ่ะ เค้าบอกว่าปกติหลังผ่าตัดต้องบวมงี้แหละ ขึ้นอยู่กับว่าบวมมากหรือบวมน้อย เห็นเตี่ยตอนนี้แล้วสงสารจับใจอ่ะ คือคนไม่เคยต้องมาเจ็บอ่ะ หน้าตาเค้าเจ็บมาก คือเตี่ยเนี่ยเค้าเป็นคนทำงานตลอดเวลา ใครมาจ้างทำอะไรทำหมดอ่ะ คือเค้าเป็นคนไฮเปอร์อ่ะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ พอมาเจอแบบนี้เลยเข้าใจเค้าเลยอ่ะ แบบเหมือนคนอยากจะลุกไปทำงานอ่ะ แต่ร่างกายมันไม่ลุกตาม เค้าก็พยายามดิ้นอ่ะ .. ถามว่าเครียดไหมเครียดนะไม่ใช่ไม่เครียดแต่ไม่รู้จะทำยังไง พยาบาลถามว่าจะถามอะไรหมอไหมไหนลองถามพยาบาลมาก่อนสิ พรุ่งนี้จะได้ถามหมอถูกก็ยิงไปหลายคำถาม แล้วพยาบาลก็ถามว่า "ไม่ถามเหรอว่าคนไข้ฟื้นแล้วจะกลับมาได้แค่ไหน" เราตอบคุณพยาบาลว่า "เรามีตัวเลขในใจแระ" พยาบาลถามว่า "แล้วคิดว่ามันจะตรงกับหมอเหรอ" เราก็บอกว่า "คือตอนนี้เท่าไหร่ก็รับได้ขอให้เตี่ยฟื้น" แม่บอกว่า ให้เตี่ยฟื้นมานั่งเฉยๆ ก็ได้แม่เลี้ยงได้อ่ะ
จากอุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้รู้สึกว่า 1. เก็บเงินไว้เพื่อยามฉุกเฉินเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันมีหลายสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่คาดคิด การรักษาก็จะเป็นไปได้รวดเร็วและการตัดสินใจอะไรก็เร็วตามไปด้วยเช่นกัน 2. ตั้งสติใช้ได้กับทุกเหตุการณ์เสมอ ผู้นำเสาหลักต้องตั้งสติให้ได้ 3. การช่วยกันเป็นทีม พวกเราสามคนพี่น้องช่วยกันหน้าที่ของตัวเองคนละอย่าง คนหนึ่งเคลียเอกสารโรงพัก คนหนึ่งดูแลเตี่ย คนหนึ่งเตินเอกสารโรงพยาบาล เรียกว่ายามสงบเราทะเลาะกันได้ แต่ยามฉุกเฉินไม่ว่าสถานการณ์ไหนพี่น้องต้องสามัคคีกัน การตัดสินใจมันถึงจะราบรื่น 4. การให้กำลังใจกันและกันเป็นสิ่งสำคัญ พี่น้องเราสามคนต่างดูแลกันและกัน และดูแลความรู้สึกแม่ให้แม่ได้อุ่นใจ แม่บอกว่าแม่โชคดีที่มีลูกสามคน ไม่งั้นแม่คงทำอะไรไม่ถูก 5. อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้เรารู้ว่าคนรักเตี่ยมีเยอะมาก เรียกว่านอกจากดูแลเตี่ยแล้ว ภารกิจอีกอย่างคือเราแม่และลูกๆ รับโทรศัพท์เพื่อนๆ เตี่ยและเพื่อนๆ ลูกเป็นภารกิจที่ต้องขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง มันทำให้คนที่กำลังใจแย่ดีขึ้นมามาก การปลอบใจเป็นสิ่งสำคัญเสมอ
Create Date : 12 มีนาคม 2557 |
Last Update : 12 มีนาคม 2557 2:31:28 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1751 Pageviews. |
|
|
|