หากถามว่ามีใครอยากให้เกิดไหม .. ก็คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอก
แต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วจะปรับตัวกันยังไง
จากบ้านที่ไม่มีคนป่วย .. พอมีแล้วเราจะทำยังไงให้ชีวิตเรายังคงอยู่ด้วยกันได้
"เหมือนเดิม"
มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องจัดการเลยทีเดียว
อันดับแรกทำยังไงให้พ่อได้อยู่กับสิ่งแวดล้อมเดิม
ก็ต้องจัดการปรับเปลี่ยนห้องนอนพ่อให้กลายเป็นห้องพิเศษโรงพยาบาล ซื้อเตียงและอุปกรณ์ทุกอย่าง
เสมือนว่าเราอยู่โรงพยาบาล เพราะการดูแลผู้ป่วยติดเตียงสิ่งสำคัญต้องสะอาดที่สุด
ประกอบกันเตี่ยต้องเจาะคอและให้อาหารทางสายยาง ..
ดังนั้นทุกอย่างต้องเคร่งครัด กินข้าวตรงเวลา อาบน้ำเปลี่ยนเครื่องนอน
ทำความสะอาดคอที่เจาะหมอใส่ท่อเหล็กมาให้เพื่อให้เราทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น
ชีวิตแต่ละวันของ จขบ.ก็เปลี่ยนไป ซึ่งจะเห็นว่าหลังๆ มาไม่ได้อัพบล็อกเสียเท่าไหร่
แค่ทำหมดนี่ก็ไม่ไหวแล้วล่ะ บางทีเราก็ต้องเลือกสิ่งที่สำคัญทำก่อน
จากที่พวกเราในครอบครัวทำอะไรไม่เป็นเลย จนเป็นเสมือนเป็นพยาบาลเฝ้าไข้ จ้างพยาบาลก็ไม่ไหว ค่าใช้จ่ายสูงมาก
ดังนั้นก็ต้องดูแลกันเองเนี่ยแหละ แม่ที่เคยทำไปบ่นไป ก็กลายเป็นความเคยชิน
ซึ่งจากประสบการณ์ที่อาศัยการเรียนรู้ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมา
เริ่มจากพอดูแลทุกสิ่งอย่างสะอาด ก็ลดการติดเชื้อทางคอ ลดเสมหะ ดังนั้นคนป่วยจะสามารถถอดท่อเหล็กที่คอได้
เป็นสัญญาณที่ดีอันที่หนึ่ง ที่พวกเราทุกคนเชื่อว่าเตี่ยต้องถอดท่อได้แน่นอน
และเตี่ยก็ถอดได้ในเวลาอันรวดเร็วมาก ใช้เวลาหนึ่งเดือนครึ่ง
หลังจากถอดท่อเหล็กออกแผลก็เริ่มเล็กลง จนตอนนี้ใกล้จะปิดได้เกือบหมดแล้วเป็นสัญญาณที่ดีอันที่สอง
ถ้าแผลที่คอปิด ประเด็นต่อมาทำอย่างไรให้พ่อได้ถอดสายยางให้อาหาร
เป็นโจทย์ที่เราก็ต้องเรียนรู้ไปกับคนไข้ .. เริ่มมีการป้อนน้ำให้เตี่ยได้หัดกลืนน้ำบ้าง
ซึ่งก็ดูแลคิดว่าเตี่ยน่าจะเริ่มกินอาหารเหลวได้ ก็ต้องมารอผลตรวจเดือนหน้าว่าจะถอดได้ไหม
ในแต่ละเดือนเตี่ยก็จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะพวกเราใส่ใจมากันตั้งแต่ต้น
ทำกายภาพอย่างสม่ำเสมอ .. ให้กำลังใจกันทั้งผู้ป่วยและพวกเรากันเอง
ใครไม่เจอโมเม้นท์นี้จะไม่รู้เลยว่า .. มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เอาเสียเลย
ซึ่งก็คิดซะว่านี่เป็นบทเรียนที่ฟ้าส่งให้พวกเราได้เรียนรู้ สำหรับคนป่วยต้องไม่มีคำว่า "ช่างแม่ง"
เป็นเรื่องสำคัญเลยทีเดียว ช่างแม่ง ช่างเหอะ ไม่ได้เลย มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที
ตอนนี้พัฒนาการอีกอย่างที่เพิ่มขึ้นมานั่นคือเริ่มจะพูดออแอ้ได้บ้างแล้ว ตอนแรกแทบจะไม่พูดเลย
ซึ่งทำพวกเราใจหายมากว่า เตี่ยจะกลับมาพูดได้ไหม แต่ของแบบนี้มันก็ต้องใจเย็นๆ
พ่อเราถ้าเราดูแลดีๆ โอกาสจะหายก็มีเยอะ แต่มันต้องค่อยเป็นค่อยไป
ใจคนไข้ไม่ท้อ คนดูแลไม่ท้อเราต้องได้ไปต่อแน่ๆ จขบ.เชื่ออย่างนั้น เตี่ยจะต้องกลับมาเดินได้อีกครั้ง
พระใดก็ไม่เท่าพระในบ้าน พรใดก็ไม่เท่าพรจากพ่อแม่
จขบ.โชคดีที่ได้อยู่กับพ่อแม่ ได้ดูแลท่านยามแก่เฒ่าและเจ็บป่วย
เพราะเตี่ยและแม่ดูแลเรามาอย่างดี ก็เป็นเวลาที่เราก็ต้องดูแลท่านอย่างดีเช่นกัน
ดังนั้น จขบ.ไม่พึ่งหรอกปาฏิหารย์ พึ่งสองมือและหัวใจของเราเนี่ยแหละ
ถ้าเชื่อว่าหาย .. มันก็ต้องหายสิ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ ใครที่มีปัญหาใดๆ ก็ตามจงใช้กำลังใจคิดบวกเข้าไว้
การแก้ปัญหาใดๆ ก็จะดีตามมา ถ้าทุกข์มันจะทุกข์นะคะ
จงเปลี่ยนความทุกข์ให้เป็นความสนุกที่ท้าทายว่าเราจะผ่านมันไปได้อย่างไร สุ้ๆ ค่ะ