สูงวัยไปด้วยกัน ตอนที่ 5 เมื่อต้องเปลี่ยนบ้านให้เป็นโรงพยาบาล
จากตอนที่แล้ว จขบ.เล่าถึง "สว.จอมซ่าต้องมาผ่าตัดสมอง" เอาจริงๆ ชีวิตคนเราหนีไม่พ้นหรอกว่าจะเจ็บป่วยด้วยประการอันใด ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าและแน่นอนไม่มีใครเตรียมใจ แต่เชื่อเถอะว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด และเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วจะตั้งรับกับสถานการณ์นั้นอย่างไร จำได้ว่าตอนพอเตี่ยประสบอุบัติเหตุรถชนนั้นกู้ภัยก็นำส่งโรงพยาบาลใกล้บ้านเลยทันที ตรงนี้ล่ะจะเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตเพราะโรงพยาบาลสำคัญมาก เพราะถ้าคุณมีประกันชีวิตชีวิตคุณจะเปลี่ยนจริงๆ
ณ ตอนนั้นจำได้ว่าทำประกันอุบัติเหตุไว้เพราะฉะนั้นเลือกโรงบาลใหญ่ก่อนเลย เพราะโรงบาลใหญ่จะมีเครื่องมือและบุุคคลากรครับครันกว่าโรงพยาบาลที่อยู่ตามอำเภอ จขบ.ย้ายเตี่ยเข้าโรงพยาบาลราชบุรีทันที เพราะถ้าในเขตตะวันตกนั้นโรงบาลราชบุรีถือเป็นโรงพยาบาลเซ็นเตอร์ของภาค เคสหนักจะถูกส่งตัวมาที่นี่
นับเป็นครั้งที่สองในชีวิตที่ขับรถตามรถพยาบาลแล้วคุณจะเข้าใจเลยว่าทุกนาทีมันสำคัญมากกับคนบนรถ ดังนั้นหากพอเจอรถพยาบาลโปรดหลีกทางให้เค้าเถอะเพราะทุกคนที่อยู่บนรถมีนาทีและวินาทีเป็นตัวกำหนดชีวิต เตี่ยถูกส่งเข้าห้อง ICU เพื่อดูอาการหนึ่งคืนที่ จขบ.ยืนอยู่หน้าห้องมันทำให้รู้สึกว่าเวลาแต่ละนาทีผ่านไปช้าจัง นอนก็นอนไม่หลับนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดสมอง เพราะดูจากอาการแล้วรอบนี้เตี่ยไม่ปกติแน่นอน และการรอคอยที่โรงบาลคืนนั้นก็ทำให้รู้ว่าโรงพยาบาลรัฐผู้ป่วยเยอะมากทุกคนนอนรออย่างมีความหวังที่จะได้กลับไปเป็นปกติ
ทุกวินาทีมีความเสี่ยงอยู่เสมอพยาบาลก็ต้องคอยดูผู้ป่วยในห้องตลอดเวลา เราก็ต้องเข้าใจเค้านะเค้าก็ทำงานเหมือนๆ กับพวกเราแต่ต่างกันที่พวกเขาทำงานภายใต้วินาทีความเป็นความตายของผู้ป่วย กฏข้อบังคับทุกอย่างมีที่มาทำตามเค้าเถอะ คืนที่หนึ่งผ่านไปเตี่ยยังคงหลับไหลจนกระทั่งเช้าวันใหม่สิบโมงเช้าหลังจากความดันลดลงแพทย์ก็ให้เซ็นต์ยินยอมเพื่อผ่าตัด เอาจริงๆ นะวินาทีนั้นมันก็ต้องเซ็นต์กันทุกคนแระคือชีวิตอยู่ในมือหมอจริงๆ
และตอนนี้เองทำให้รู้จักคำว่า "วงเงินชั่วคราวบัตรเครดิต" ใครจะไปมีเงินเป็นแสนพกติดตัว จขบ.ใช้เวลา 20 นาทีขออนุมัติวงเงินเครดิตทุกใบเพื่อเตรียมความพร้อม ซึ่งทำให้เข้าใจเลยว่าการรักษาเครดิตไว้เป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะมันทำให้ธนาคารอนุมัติได้ไวตามที่เราต้องการและมันจะทำให้เราตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น ใครบอกว่าเงินไม่สำคัญมันสำคัญมากกับวินาทีความเป็นความตายเช่นนี้ ดังนันใครมีบัตรเครดิตรักษาสถานะท่านไว้ให้ดีๆ เพราะเวลาจำเป็นมันช่วยท่านได้เยอะนะ
การผ่าตัดเตี่ยผ่านไปด้วยดีเตี่ยเข้าพักฟื้นที่ห้อง ICU เป็นเวลานานเกือบ 15 วัน ทุกๆ วันเราไปโรงพยาบาลอย่างมีความหวังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ที่จะบนบานศาลกล่าวทำหมด ส่วนใหญ่จะให้ไหว้เจ้าที่โรงพยาบาลวินาทีนั้นไหว้อะไรก็ไหว้แล้วล่ะ วินาทีที่เตี่ยขยับมือได้มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากเพราะมันหมายถึงความหวังของคนรอ ทำให้รู้เลยว่าทำวันทุกวันให้เป็นวันพิเศษเถอะ เพราะชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอนเลยจริงๆ
เมื่อเตี่ยเริ่มรู้สึกตัวยิ้มได้แต่ยังพูดไม่ได้แค่นี้ก็โครตดีใจแล้วล่ะ จขบ.ไปดูเตี่ยทุกวันไม่มีวันไหนเลยที่ไม่เห็นหน้ากันสักนิดก็ยังดี จนอยู่ๆ โรงพยาบาลก็โทรไปบอกว่าเราต้องย้ายผู้ป่วยแล้วล่ะ เอาไงดีล่ะจากการที่ไปอยู่มาเกือบครึ่งเดือนถ้าอยู่ห้องปกติต่อไปไม่รอดแน่โอกาสติดเชื้อสูงมาก จึงตัดสินใจย้ายเตี่ยไปโรงพยาบาลอำเภอโพธารามเพราะคนน้อยกว่าห้องพิเศษก็มีเยอะกว่า
พวกเราใช้ชีวิตอยู่โรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งเดือนจนรู้สึกว่าถ้าปรับปรุงระบบโรงพยาบาลใหม่ให้ระบบคอมพิวเตอร์แต่ละหน่วยมันลิงค์กันจะดีมาก เพราะวันๆ เดินขึนเดินลงอาคารเบิกนั่นเบิกนี้โอ้ยยย นี่เราอยู่ใน พ.ศ ที่คอมพิวเตอร์มันทำงานได้ดีมากแต่ทำไมยังใช้ระบบแมนนวลอยู่เนี่ย เนี่ยแหละความแตกต่างของโรงพยาบาลรัฐบาลกับโรงพยาบาลเอกชน ถ้าคุณยังไม่เคยใช้บริการโรงพยาบาลต่างอำเภออย่าเพิ่งว่า จขบ.นะคะ ไปลองใช้มาก่อนมันไม่สะดวกสบายเอาเสียเลย
ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลแม่เป็นกำลังหลักทำให้เราเข้าใจคำว่า "คู่ชีวิต" ถ้าแม่ไม่เป็นคุณนายละเอียดเตี่ยคงไม่รอดถึงตอนนี้หรอก เพราะนอกจากผ่าตัดสมองแล้วต้องให้อาหารทางสายยาง เจาะคอใส่ท่อเหล็กอีกต่างหากมาครบเซตซึ่งกระบวนการต่างๆ ยากเหมือนกันนะ การซัคชั่นที่โครตกลัวทุกครั้งที่ต้องสอดสายลงไปในคอ ทุกอย่างต้องถูกต้องตามที่พยาบาลสอน อาหารปั่นต้องให้ตรงเวลาต้องชิมอาหารก่อนทุกครั้ง
อาหารปั่นเนี่ยต้องไปเอาทุกเช้า (เช้ามากก) สงสารคนเฝ้าเลยทีเดียวจะเช้าไปไหน ซึ่งไม่ต้องแปลกใจเลยว่าอาชีพรับจ้างเฝ้าไข้เนี่ยเงินดีมากจนกลายเป็นธุรกิจหนึ่งในโรงพยาบาลที่ทำเงินพอสมควรเลยทีเดียว พวกเราอยู่โรงพยาบาลจนเข้าที่เข้าทางเลยก็ได้จะเหมือนบ้านแล้วล่ะ จนกระทั่งหมอส่งสัญญาณให้เอากลับบ้านได้ซึ่งนั่นหมายความว่าบ้านต้องเหมือนโรงพยาบาล
ประการแรกต้องเตรียมห้องซื้อเตียงและอุปกรณ์ต่างๆ ถังอ็อคซิเจน เครื่องซัคชั่น ซึ่งอุปกรณ์บางอย่างโรงพยาบาลมีก็ยืมกลับบ้านได้เช่นเครื่องซัคชั่นที่ใช้ดูดเสมหะที่เจาะคอ ถังอ็อคซิเจนก็ไม่ได้ถูกเลยนะมีหลายราคาหลักหมื่นเลยโชคดีที่บ้านเพื่อนมีเลยไปยืมมาก่อน แต่มาถึงเตียงอันนี้เล่าก็สยองเลยจริงๆ
เตียงเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่สามารถยืมโรงพยาบาลกลับบ้านได้ ดังนั้นด้วยความที่คิดว่าเตี่ยคงเป็นไม่นานหรอกเดี๋ยวก็หายน่ายืมโรงพยาบาลไปก่อนแล้วกัน เพราะเตียงเนี่ยถ้าหายแล้วเค้าไม่ให้เก็บไว้บ้านต้องรีบบริจาคตามความเชื่อ จขบ.ก็เลยยืมเตียงกลับบ้านหาได้รู้ไม่ว่าเตียงนั้น "ถ้าใบไม้ไม่ร่วงไม่มีใครเอามาคืนหรอกนะเตียงนะ" คือประโยคทิ้งท้ายของพี่ที่รับผิดชอบคุมเรื่องเตียงยืม
พอพี่เค้าพูดก็ไม่ได้ใส่ใจคงไม่มีอะไรหรอกเตียงยังใหม่ๆ อยู่เลย พอยกเตียงมาบ้านเท่านั้นล่ะป้าข้างบ้านมาทัก "หนูบอกเค้ายัง" เราก็งงบอกใครวะก็บอกเจ้าหน้าที่เค้าแล้วถึงให้ยกออกมา ป้าบอกว่าไม่ใช่นะต้องบอกเจ้าของเตียง เอิ่ม!! ใครฟ่ะเจ้าของเตียงมองหน้าน้องชายแล้วน้องชายก็เอาเหรียญโยนไปที่เตียงเพื่อซื้อเตียงตามป้าบอก ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรพอเจอทักแบบนี้หวั่นใจขึ้นมาเลยทีเดียว
ถ้ายังงั้นรอเตี่ยมาก่อนดีกว่าค่อยยกเตียงเข้าบ้านเอาไว้โรงรถก่อนแระกัน พอออกจากบ้านไปหาเตี่ยแว่บหนึ่งที่ทำให้ขนลุกลมแรงพัดใบไม้ปลิวรอบๆ โรงรถประกอบกับบ้านที่ไม่มีคนอยู่มาเป็นเดือนใบไม้ก็รถ บรรยากาศตอนนั้นมันใช่มากเลยกำลังจะมืดแล้วด้วยคงไม่มีอะไรมั้งนึกในใจ เป็นอย่างนี้ทุกวันที่ออกจากบ้านสามวันติดชักไม่ไหววะมันมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อยากรู้สึก
พอไปเล่าให้แม่ฟังเตี่ยเหมือนจะได้ยินด้วยก็เลยหันไปถามว่าซื้อเตียงใหม่กันดีกว่าม๊ะ? เตี่ยที่นอนอยู่บนเตียงรีบพยักหน้าเอ้ยรู้เรื่องด้วย เพราะเตี่ยเนี่ยเป็นคนกลัวผีเป็นที่สุดเรียกว่าบ้านตัวเองยังกลัว สรุปเลยไปเลือกซื้อเตียงโรงพยาบาลมา คุณรู้ไหมว่าเตียงมี 2 แบบ คือแบบสองพับกับสามพับ โจทย์ยากอีกแระสุดท้ายเลือกเอาพับเยอะๆ มาก่อนแล้วกัน มันเป็นการตัดสินใจแบบเร็วๆ แต่ก็มีหลักการสามพับดีกว่าสามารถพับได้ทั้งศีรษะและเท้า ราคาเตียงมีตั้งแต่ 12,000 ไปจนถึงเป็นแสนเลือกเอาตามงบประมาณเลย
เมื่อเลือกเตียงได้แล้วก็ได้เวลายกเตียงเก่าคืนโรงพยาบาลบรรยากาศเหมือนเดิมเลยทั้งยกขึ้นและยกลงลมพัดแรงใบไม้ปลิวเหมือนซีรีย์เกาหลีมาอีกแระ น้องชายก็เลยบอกว่าเดี๋ยวทำบุญไปให้นะแล้วก็ยกเตียงไปคืนโรงพยาบาลเป็นความโล่งใจที่สุดในชีวิตเหมือนเราจะไม่เจอกับสิ่งใดแล้ว ซึ่งเราก็ไม่เจอจริงๆ แต่น้องชายเจอจังๆ เจ้าของเตียงไปตามถึงกรุงเทพฯ เลยทำเอาน้องต้องตื่นเช้าไปถวายสังฆทานแต่เช้า ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อของพวกนี้ยากจะหยั่งรู้
และเมื่อทุกอย่างพร้อมประหนึ่งมีห้องพิเศษอยู่ในบ้าน รถโรงพยาบาลก็มาส่งเตี่ยที่บ้านแล้วจากวันนั้นเป็นต้นมา พวกเราก็ใช้ชีวิตประหนึ่งเหมือนอยู่โรงพบาบาลเรียกว่าอุปกรณ์โรงพยาบาลมีอะไรเรามีครบ สายซัคชั่นนี่ซึ่งมาเตรียมเป็นร้อยเส้นเพราะมันสำคัญมากโอกาสติดเชื้อน่าจะเกิดจากสายเนี่ยเป็นเหตุหลัก จขบ.สั่งแม่ไว้ว่าถ้าผิดขั้นตอนให้ตัดใจทิ้งเลยอย่าเสียดายเพราะมันไม่คุ้มที่จะเสี่ยง
จากแม่ที่ดูเครียดๆ ตอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนพอได้กลับมาบ้านก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เริ่มทำใจรับกับสิ่งที่จะเจอต่อไปในอนาคตอย่างมีหวัง พวกเราทำทุกวันให้เป็นเรื่องปกติและสนุก เตี่ยก็ยังคงพูดไม่ได้ได้แต่มองเท่านั้น แม่ก็ชอบทำตลกให้เตี่ยดูเต้นบ้างร้องเพลงบ้าง ทำบรรยากาศให้มันสนุกเมื่อแม่เปลี่ยนความคิด ทุกอย่างก็ราบรื่นเป็นไปด้วยความสนุกในทุกวัน หัดให้แม่เล่นสมาร์ทโฟนจะได้ไม่เหงา เวลาอยู่บ้านเฉยๆ จะได้มีเพื่อนคุย
จขบ. ค้น Google เค้าบอกว่าต้องให้ผู้ป่วยฟังเพลงจะได้ฟื้นความจำและกระตุ้นสมอง จขบ.ก็เปิดเพลงเกี่ยวกับคลื่นสมองให้ฟังทุกวัน เตี่ยก็ฟังไปเพลินๆ ตอนนั้นในใจพวกเราคิดว่าเดี๋ยวเตี่ยก็หายเป็นปกติแหละแต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย และนี่ก็เป็นจุดพลาดจุดแรกของพวกเราคือความที่เข้าใจว่าเตี่ยเจาะคอใส่สาย ทำอะไรก็กลัวกระทบกระเทือนเป็นความคิดที่ผิด ช่วงนี้แหละต้องหัดให้ผู้ป่วยนั่งและยืนเพราะเส้นเอ็นยังไม่ยึด
พวกเราให้เตี่ยนอนอย่างเดียวเลยจะแปรงฟันก็ไม่ได้แปรงเพราะคิดว่าให้อาหารทางสายประกอบกับกลัวเตี่ยสำลัก เป็นจุดที่พลาดจุดที่สองเพราะพอไม่ได้แปรงฟันฟันผุสิครัช การที่คนป่วยฟันผุนานไปก็ต้องถอนฟัน พอถึงวันที่เอาสายออกที่นี่จะไม่เหลือฟันให้เคี้ยวอาหารแระต้องกินอาหารบดแระที่นี้
เชื่อไหมว่าการดูแลผู้ป่วยติดเตียงเนี่ยเหนื่อยมากต้องมีความอดทนและสะอาดเป็นที่สุด เพราะความเสี่ยงในการติดเชื้อมีได้หลายทางไม่ว่าจะเป็นปาก คอหรืออวัยวะเพศ ดังนั้นต้องทำความสะอาดอย่างดี ดีที่แม่เป็นคนสะอาดมากเรื่องพวกนี้จึงวางใจได้เปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุกวันตามหมอสั่ง สายปัสสะวะก็เปลี่ยนใหม่ตลอดขุ่นทิ้ง วัดความดันเตี่ยเป็นระยะจดเป็นตารางเอาไว้ทุกครั้งที่เราเปลี่ยนกันดูเป็นงานละเอียดเลยทีเดียว เพราะพลาดแม้แต่นิดเดียวโอกาสได้กลับไปโรงพยาบาลก็สูงมากเช่นกัน ตอนหน้า จขบ.จะมาเล่าวันที่เต่ี่ยถอดท่อเหล็กนะคะ
Create Date : 24 มิถุนายน 2560 |
Last Update : 3 กรกฎาคม 2560 1:43:17 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1182 Pageviews. |
|
|
|
ตอนที่คุณแม่เจ้าโว๊ยป่วย ก็ยืมเตียงจากรพ.
ยืมเตียงลมจากน้องที่เคยมีแม่ที่ป่วยแล้วเสียชีวิตไปแล้ว
ยืม Infusion pump สำหรับ drip อาหารผสมทางสายยา
มีเครื่องฟอกไต น้ำยาล้างไต เพราะต้องฟอกไตที่บ้านทุกคืน
ช่วงที่คุณตาเหม่งป่วย ไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์เยอะเหมือนคุณแม่
แต่ก็สวนปัสสาวะทุก 8 ชั่วโมง..
ทำไปเถอะคะ..เพียงแค่เห็นรอยยิ้ม ก็เพียงพอแล้ว
ท่านเข้าใจ แต่อาจจะมีดื้อบ้าง เอะอะโวยายบ้าง
ก็เพราะท่านเป็นคนป่วย ย่อมมีภาวะเครียดเป็นธรรมดา
สู้ๆนะคะคุณภัทรและคุณแม่..หญิงเกร่งและลูกกตัญญู