BKK - Chonburi :: Estate Resort @ สวนสตว์เขาเขียว
Be your partner be your Brother at Estate เขาเขียว # 1
นานๆ จะได้มีโอกาสไปเที่ยวกับ Suplier สักครั้ง ทริปนี้พวกเราตัวแทนจากดีคอมพิวเตอร์จำนวน 15 คน จึงได้เดินทางมุ่งสู่เขาเขียว ณ Es-ta-te Resort เพื่อเข้าร่วมสัมมานา "Be your partner be your Brother" วันที่ 17-18 สิงหาคม 2550
พวกเราออกจากกรุงเทพฯ ราวๆ เก้าโมงโดยใช้เส้นทางรามอินทรา เพื่อมุ่งหน้าสู่มอเตอร์เวย์ ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเราก็ถึงมอเตอร์เวย์ แวะพักที่มอเตอร์เวย์เพื่อเติมพลังกันหน่อย จากนั้นก็เดินทางต่อประมาณครึ่งชั่วโมง พวกเราก็มาถึงสวนสัตว์เขาเขียวตอน 10.30 น. ด้วยความที่มารถส่วนตัว ก็เลยแวะเที่ยวในสวนสัตว์กันก่อน กะว่าเดี๋ยวสัก 11 โมงเราค่อยไป Es-ta-te กัน วันนี้เด็กๆ มาเที่ยวสวนสัตว์เขาเขียวกันเยอะทีเดียวล่ะ เลยขอทำตัวเป็นเด็กแฝงไปกันน้องๆ สักวัน
 
พอเริ่มถ่ายรูป ความสนุกก็ตามมา จนสุดท้ายรถตู้ที่เค้าตามหลังมาเป็นคณะมาถึงเข้าที่พักไปเรียบร้อยแล้ว เราถึงได้ฤกษ์ออกจากสวนสัตว์กันและเป็นคณะสุดท้ายที่ไปถึง Es-ta-te เพราะหลงอยู่ในสวนสัตว์ หาทางไป Es-ta-te ไม่เจอ แต่ก็มาถึงจนได้
ทันเวลาลงทะเบียนพอดิบพอดี มาถึงก็เจอเจ้าหน้าที่ Brother คอยต้อนรับอยู่ที่เคาเตอร์ รับกุญแจที่พักและเสื้อ Brother แล้วก็เดินไปขึ้นรถกอฟล์เพื่อไปยังที่พักขอบอกว่าเก๋เชียวล่ะ ออกแนวเหมือนฟาร์มโชคชัยแต่คนละแบบ จะว่าไปแล้วนานๆ ออกจากกรุงเทพฯ มาเจอสีเขียวๆ ของต้นไม้ใบหญ้าบ้างก็ดีเหมือนกันแฮะ ตามมาดูที่พักของเราคืนนี้กันดีกว่า
 
ทั้งห้องนอนท่ามกลางขุนเขา ห้องอาบน้ำท่ามกลางแสงอาทิตย์และแสงจันทร์ ดูโรแมนติกสไตล์ธรรมชาติเชียวล่ะ เริ่มจินตนาการกันแล้วใช่ไหมล่ะ กลับมาสู่ห้องสัมมานากันดีกว่า วันนี้เหมือนกันงานรวมญาติที่ห่างเหินเลย เพราะเพื่อนๆ ที่ออกไปก็ไปอยู่บริษัทในวงการเดียวกันนี่แหละ ก็เลยรู้สึกว่างานนี้เหมือนได้มาเจอเพื่อนเก่ายังไงยังงั้นเลย เริ่มต้นจากโต๊ะ Dcomputer บริษัทเราวันนี้มากัน 15 คน
หันไปทางซ้ายก็โต๊ะ Ingram ก็ประมาณ 15 คนเช่นกัน เห็นนั่งคุยโทรศัพท์หน้าเหลี่ยมนั่น ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน อดีตเด็กเก่าบริษัทเรานั่นเอง ป๋าตุ้ม ฉายาเซียนโอเกะ
ถัดมาก็เป็น Synnex มากัน 2 คน ถึงแม้วันนี้มาน้อย แต่ใจเกินร้อยเชียวล่ะ นี่ก็เพื่อนเก่าสมัยสามปีที่แล้วของเรานั่นเอง บอกแล้วว่างานนี้ยังกะรวมญาติ
ส่วนโต๊ะถัดไป Value อันนี้แอบถ่ายเค้ามา ต้องขออภัย แต่นะสาวๆ Value นี่สวยๆ ทั้งนั้น ทำเอาหนุ่มบริษัทอื่นๆ อยากย้ายบริษัทกันเลยทีเดียว
หลังจากที่ทานอาหารเที่ยงกันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเข้าสู่การสัมมานาอย่างเป็นทางการ จากจุดที่ทานข้าวทั้งหมดต้องนั่งรถขึ้นไปยังที่สถานที่สำหรับสัมมานาในครั้งนี้
 
 
ทางไปยังกับทางขึ้นดอยตุงเลย แต่ความน่ากลัวน้อยกว่าหน่อย ไม่นานนักรถก็มาจอดยังสถานที่สัมมานาครั้งนี้ และ Section สัมมานาก็เริ่มขึ้น ณ บัดนี้
โดยเริ่มจากกล่าวเปิดงาน แนะนำประวัติความเป็นมาของ Brother เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเป็นปีหน้าจะครบ 100 ปีแล้ว เพราะเริ่มก่อตั้งตั้งแต่ปี 1908 จากนั้นก็มีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวสินค้าต่างๆ ต้องบอกว่างานนี้ได้ประโยชน์มากๆ เพราะทำให้รู้ข้อมูลสินค้าได้ดียิ่งขึ้น และก็เริ่มต้นเข้าสู่การเก็บคะแนนเกี่ยวกับตัวสินค้า โดยแบ่งเป็น 5 ฐานให้แต่ละทีมทดสอบบทเรียนในเชิงปฏิบัติ จากนั้นก็ให้ทำแบบทดสอบที่ต้องบอกว่ายากมาก ขอย้ำว่า "ยากมาก" หลังจากทำข้อสอบอันสุดโหด ก็ออกไปทำ Workshop ด้านนอก
 
แต่สถานที่ Workshop ก็เป็นจุดเดียวกับที่ทานข้าวกลางวัน ต้องนั่งรถกลับมาอีก แต่จะว่าไปแล้ว วันนี้ก็มาเยอะเหมือนกันนะเนี่ย
และเมื่อมาถึงกันครบแล้วก็มีการอธิบายกติกาการทำ Workshop โดยมีอยู่ 5 ด่าน ด่านแรกเป็นด่านที่ทำยังไงก็ได้ให้ไข่ไม่แตกเวลาโยนลงพื้น งานนี้ทีมเราผ่านไข่ไม่แตกเลยสักใบ เพราะมีอัจริยะข้ามคืน (โอ๋) เป็นผู้แก้โจทย์ในครั้งนี้นั่นเอง ด่านที่สองเป็นด่านให้ตักน้ำโดยภาชนะรั่วให้เต็มถัง ด่านนี้เปียกกับเปียกแต่ทีมเราไม่เปียกเท่าไหร่ ด่านที่สามเป็นด่านให้เอาหลอดคล้องสายยางต่อกันทั้งทีมว่าทีมในจะได้หนังยางมากที่สุด ด่านนี้ทีมเราทำได้ประมาณห้าเส้นมั้ง ด่านนี้มีรูปมาฝากด้วย เป็นด่านเดียวที่ได้ถ่ายรูปไว้
จากนั้นด่านที่สี่เป็นด่านปิดตาเก็บลูกกอฟล์ ด่านนี้จะให้ทุกคนในทีมปิดตา ยกเว้นคนอยู่ท้ายที่สุด จะเป็นคนคอยส่งสัญญาณต่างๆ ให้เพื่อนคนถัดมาส่งสัญญานต่อไปเรื่อยๆ ยังคนหน้าสุด งานนี้มีดึงมีลากกันสนุกสนาน แต่คนหน้านี่สิเจ็บสุด และด่านสุดท้ายตามรอยสุนทรภู่ ด่านนี้ให้แต่งกลอนโดยมีโจทย์ให้ใช้คำสามคำต่อไปนี้ (Brother, เครื่องพิมพ์เลเซอร์, เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น) แต่เป็นกลอนแปด ยากเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แบบว่าช่างเป็นกลอนที่ไม่ไพเราะเอาเสียเลยล่ะ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
จากนั้นก็วิ่งไปยังจุดเริ่มต้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่เซ็นต์ แล้วก็แยกย้ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัย แล้วมารวมตัวกันใหม่เวลา 18.00 น. เพื่อรับประทานอาหารเย็น ตามมาดูบรรยากาศยามเย็นกันดีกว่า
อาหารเย็นมื้อนี้เป็นซีฟู้ด ต้องบอกว่าอาหารที่นี่ทำอร่อยเชียวล่ะ ซีฟู้ดถ้าน้ำจิ้มไม่อร่อยนี่จบกันเลย แต่น้ำจิ้มซีฟู้ดที่นี่รสชาติจัดจ้านได้ใจยิ่งนัก ที่นี่ผ่านเรื่องรสชาติอาหาร แต่สิบปากว่าไม่เท่ามาชิม ใครว่างๆ ไม่รู้จะไปไหนก็แวะมาเที่ยวที่นี่กันได้ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก
หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ตามตารางต่อไปพวกเราจะไปเยี่ยมชมไนท์ซาฟารี ก็ต้องขึ้นรถเพื่อไปยังจุดจอดรถราง
 
Be your partner be your Brother at Estate เขาเขียว # 2
จากตอนที่แล้ว พวกเราเดินทางสู่เขาเขียวไนท์ซาฟารีเพื่อไปต่อขึ้นรถรางชมสัตว์ตอนกลางคืน พอไปถึงก็เจอกับเจ้าสัตว์ที่อยู่หน้าเขาเขียวซาฟารีแห่งนี้ ลืมชื่อไปล่ะว่ามันชื่ออะไร แต่สามารถจับตัวเค้าได้ เอามาพาดคอก็ได้ ไม่กัดเพราะมีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ด้วย
 
 
จากจุดนี้พวกเราก็เดินเล่นพักผ่อนกันตามอัธยาศัยเพื่อรอรถมา ระหว่างนี้ก็แยกย้ายกันถ่ายรูป แต่จนแล้วจนรอดก็รวมกลุ่มกันเหมือนเดิม
แล้วก็เดินไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ เดินไปขึ้นรถรางที่ทางสวนสัตว์จัดเตรียมไว้ ระหว่างรอนั่งเฉยๆ ก็กระไรอยู่ ถ่ายรูปกันเสียหน่อย เดี๋ยวไม่รู้ว่านั่งรถราง
 
จากนั้นรถก็มุ่งหน้าสู่สวนสัตว์เพื่อชมชีวิตสัตว์ตอนกลางคืน การนั่งชมไนท์ซาฟารี การเลือกที่นั่งควรนั่งตรงที่เค้ามีเจ้าหน้าที่คอยอธิบายนั่งล่ะ เห็นชัดสุดแล้ว พวกเรานั่งขบวนที่สุดท้าย มองไม่ทันเลย เจ้าเบ็นซ์ก็ถ่ายรูปใหญ่เลย แต่พอกดรูปดูมีแต่ความมืด เลยหยุดถ่ายกัน รูปที่ชัดสุดในกล้องเราก็คงจะเป็นรูปนี้ล่ะ
จะว่าไปแล้วนั่งดูสัตว์ตอนกลางคืนนี่ก็ระทึกดีเหมือนกัน บรรยากาศวังเวงดี เจ้าหน้าที่ก็คอยส่องไฟแล้วอธิบายชีวิตสัตว์ให้ได้รับทราบไปตลอดทาง สุดท้ายก็พาไปที่หุบเขาเสือ ตรงนี้เจ้าหน้าที่จะปล่อยให้เดินดูเสือในกรงเป็นเวลา 15 นาที
 
ด้วยความที่เสือตื่นคนมั้ง เค้าเลยเดินไปเดินมา ถ่ายรูปยากมาก ในจะมีอุปสรรคเรื่องความมืดด้วย ภาพที่ชัดที่สุดก็คงเป็นรูปนี้ล่ะ
จากนั้นพวกเราก็เดินดูเสือพันธุ์ต่างๆ จนมาถึงกรงสิงโตตอนแรกมันก็กินน้ำอยู่ดีๆ พอเห็นคนมามุงดูเยอะ เลยทำหวิวโชว์ .. ซะงั้น สร้างความฮือฮาแก่ทริปนี้ เสียงดังกันเชียว จะว่าไปแล้วที่นี่ก็รวมเสือหลายสายพันธุ์ว่ากันว่าใหญ่ที่สุดในเอเชียใต้เชียวล่ะ พวกเราก็เดินดูเสือตามทางไปเรื่อยๆ จนมาสุดที่จุดขึ้นรถกลับ ซึ่งที่นี่มีซุปเปอร์มาร์เกตเสือด้วยล่ะ แต่ที่เห็นแล้วน่าประหลาดใจก็คือลูกเสือน้อยที่นอนอยู่นี่ล่ะ ตอนแรกนึกว่าเป็นตุ๊กตาเสียอีก พอไปดูใกล้หายใจได้นิน่า
 
จากนั้นทุกคนก็นั่งรถกลับเพื่อไปยังจุดเดิมแล้วต่อรถกลับไปยัง es-ta-te และกิจกรรมภาคกลางคืนก็เริ่มขึ้น นั่นคือคาราโอเกะนั่นเอง โดยให้แต่ละทีมส่งตัวแทนออกมาร้องเพลงทีมล่ะ 1 คน ไม่น่าเชื่อว่าหนุ่มดีคอมจะกล้า มาดูลีลากันดีกว่า
 
แต่ที่เรียกเสียงสุดๆ คงเป็นทีมนี้ล่ะ มาด้วยเพลงโนราโนบรา ซึ่งนอกจากนักร้องที่เรียกเสียงเฮแล้ว ยังมีแดนเซอร์ที่เต้นกระจายอีกต่างหาก
และที่เห็นนั่งอยู่ไกลๆ นี่ก็เป็นเหล่าเตอร์ทั้งหลายที่คอย Comment ผู้เข้าประกวดเหมือนเดอะสตาร์นั่นล่ะ ซึ่งนี่ก็เป็นทีมของบราเทอร์นั่นเอง และต้องบอกว่าเขาเหล่านี้เป็น entertainer จริงๆ แต่ละคนความสามารถหลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นพีธีกร นักดนตรี หรือแม้แต่นักร้อง
และเมื่อทุกทีมร้องคาราโอเกะไปเรียบร้อยแล้ว เกมส์ต่อไปเป็นเกมเหยียบกระดาษ ใครอยู่นานที่สุดก็เป็นผู้ชนะ งานนี้เรียกว่าทุ่มกันสุดตัวเพื่อคะแนน ใครเป็นใครก็ดูกันเอาเอง
หลังจากเกมส์นี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการเก็บคะแนน จากนี้ก็เป็นวินาทีสังสรรค์ ใครใคร่ร้อง.. ร้อง ใครใคร่ดื่ม..ดืม แต่ใครจะร้องก็ร้องไป ดีคอมไม่สนใจดื่มกันอย่างเดียว ใครเป็นใครอยู่ตรงไหนก็ดูกันเอาเองนะจ๊ะ
 
 
 
 
 
นั่งกินกันไป คุยกันไป จนเที่ยงคืนกว่าแล้ว ทางรีสอร์ทต้องงดเครื่องเสียงแล้วก็ยังไม่เลิก ขนาดน้ำแข็งหมดแล้ว ก็ยังไม่ยอมเลิก แต่กลุ่มอื่นๆ ก็เริ่มบางตาไปแล้ว ยกเว้นดีคอม ยังคงเหนียวแน่นอยู่เหมือนเดิม ซึ่งสุดท้ายก็ต้องย้ายที่ไปหน้าเต็นท์แทน เห็นว่าอยู่กันถึงตีสามแล้วก็แยกย้ายเต็นท์ใครเต็นท์มัน
เช้าแล้วจ้า ตื่นมาตอนเจ็ดโมง (ปกติไม่เคยตื่นเลยให้ตายสิ) แต่ผิดที่เลยตื่นเช้าหน่อย เพราะเห็นว่าตามกำหนดการมีออกกำลังกาย 7.20 น. คิดว่าคงมีคนเริ่มตื่นกันบ้างแล้ว ที่ไหนได้โผล่ออกไปนอกเต็นท์มีแต่ความว่างเปล่า เลยได้เก็บภาพช่วงเช้ามาฝากเพื่อนๆ
 
 
 
หลังจากถ่ายรูปยามเช้าเสร็จก็กลับเข้าเต็นท์ 7.20 น. แล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะมีออกกำลังกาย เลยชวนเบสไปเดินเล่นที่ริมน้ำกัน เลยได้เจอกับฝูงนกอย่างที่เห็นนี่ล่ะ
จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่มีวี่แววเสียงเพลงสำหรับออกกำลังกาย ก็เลยถ่ายรูปกันต่อ กะว่าเดี๋ยวให้ออกกำลังกายคงได้ยินเสียงเพลง
เดินไปเดินมาสองคนกับเบส ชักเริ่มหิวแล้วสิ ก็เลยแวะที่ทานอาหาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ตั้งอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็เลยไปแจมกับพี่โอและพี่แมวที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
พอนั่งกินได้สักพักก็มีเจ้าหน้าที่ Brother มาเรียกให้ไปออกกำลังกาย โอ้แม่เจ้า กินอิ่มๆ ให้ไปออกกำลังกายนี่จะเลยแปดโมงแล้วนะเนี่ย ตอนแรกนึกว่ายกเลิกโปรแกรมไปแล้วเสียอีก จนแล้วจนรอดก็ต้องไปร่วมกิจกรรมเพราะเค้ามีเก็บคะแนนทีม ซึ่งทีมเรา Printer ก็มากันครบ 10 คน จากนั้นก็เริ่มกิจกรรมวิ่งผลัด เมื่อเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วก็พักผ่อนตามอัธยาศัย มาดูโฉมหน้าคนที่แฮงค์กันดีกว่า หมดสภาพกันไปเลย
 
เวลาประมาณ 10.30 น. ก็นัดรวมพลกันใหม่ เพื่อเข้าสู่การประกาศผลรางวัล ซึ่งประเภททีม ที่ได้ที่ 1 คือ ทีม Printer สงสัยได้คะแนนเพราะออกกำลังกายครบตอนเช้าแน่ๆ เลย และท้ายที่สุดของงานก็ร่วมกันถ่ายรูปหมู่ (แต่ไม่มีรูปให้ดูนะ) และแล้วงานเลี้ยงก็เลิกรา ... ขอบคุณ Brother ที่มีกิจกรรมดีๆ ได้ทั้งความรู้และบันเทิงและได้รวมญาติกันอีกครั้ง
 
 
| Create Date : 21 สิงหาคม 2550 |
| Last Update : 17 สิงหาคม 2556 21:43:46 น. |
|
10 comments
|
| Counter : 3248 Pageviews. |
|
 |
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [
นอนเต้นท์ด้วย สัมผัสธรรมชาติ ชอบใจห้องอาบน้ำจังเลยครับ
...เหมือนกระโจมอินเดียแดง
กลับเมืองไทยผมจะขนครอบครัวไปนอนกระโจมบ้าง ท่าจะดีครับ