
 |
|
 |
 |
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
BKK - TRAT :: สยามเบย์รีสอร์ท Vs ทัวร์ดำน้ำที่เกาะช้าง
เมือประมาณปลายเดือนเมษายนก็เป็นความประทับใจของกลุ่มเราอีกครั้งหนึ่ง เพราะพวกเราได้ไปเที่ยวกันที่เกาะช้าง หลังจากที่ตั้งโปรเจคมานานแสนนาน กว่าจะได้ไปก็ลุ้นแล้วลุ้นอีกว่าจะล่มหรือจะรอด สุดท้ายก็สรุปกันว่าทริปนี้เราไปเกาะช้างกันดีกว่า หลังจากพี่เจตได้เสาะแสวงหาข้อมูลอย่างเพียบพร้อมจากผู้มีอุปการะคุณนั่นก็คือเว็บไซต์พันธ์ทิพย์นั่นเอง แล้วพวกเราก็สรุปกันว่าเราไปกันช่วงสิ้นเดือนเมษายนดีกว่า เพราะถ้าเลยกว่านี้เจอฝนแน่ๆ

28/04/06
วันนี้ตื่นเต้นชะมัด เพราะหลังจากทำงานกันวันนี้แล้ว พวกเราจะเดินทางไปเกาะช้างกันแล้ว พวกเรามีนัดกันหลังเลิกงานที่สถานนีเอกมัย เวลาก็ประมาณห้าทุ่มเห็นจะได้ เพื่อไปขึ้นรถบัสจุดมุ่งหมายของเราวันนี้คือ จังหวัดตราด ทริปนี้ผู้ร่วมเดินทางของเราก็ได้แก่ เรา เกตุ ออมสิน พี่กุ้ง พี่เจต สุดท้ายคือพี่หมวย นักเดินทางหน้าใหม่สำหรับกลุ่มเรา แต่คราวนี้เป็นที่น่าเสียดายที่น้องตูน คนตั้งทริปของเราอดไป เพราะมีเหตุกระทันหัน ก็เป็นอันว่าทริปนี้ของเรามีด้วยกันหกคน
ถึงเวลานัดหมายประมาณใกล้ห้าทุ่มแล้วล่ะ กลุ่มแรกที่มาถึงคงจะเป็นพี่หมวยกับเกตุ ตามมาด้วยพี่กุ้ง (ที่อำว่าเนี่ยยังไม่ถึงเลยอยู่รถไฟฟ้าสถานนีตากสิน) และก็เรากับน้องออมสินที่เดินทางมาถึงแล้วล่ะ แต่แวะหาอะไรกินกันก่อน เพราะคาดคะเนว่าเพื่อนๆ คงสาย สุดท้ายก็คือพี่เจต แต่ละคนก็ขนสัมภาระมาพร้อมเพรียง ห้าทุ่มแล้วรถจะออกแล้วจ้า ใครไปจังหวัดตราดขึ้นคันนู้นเลยพี่ อ้าวรถพวกเราจะออกแล้วไปขึ้นรถกันดีกว่า หลังจากหาที่นั่งเรียบร้อย รถก็เคลื่อนที่ กลุ่มเราก็ตามสไตล์คุยกันน้ำไหลไฟดับยังกับไม่ได้เจอกันมาสิบชาติเห็นจะได้ จนคนที่นั่งข้างๆ เค้าบอกว่า "ขอโทษนะคะ ช่วยเบา Volume หน่อย" จ๋อยเลยครับนกกระจอกเงียบสงัด แล้วหันไปมองรอบๆ รถ อ้าวเค้าหลับกันหมดแล้ว หมายกำหนดการของรถวันนี้จะถึงตราดประมาณตีสี นอนเอาแรงกันก่อนดีกว่า
29/04/06
ตีสี่แล้วจ้า ไฟสว่างทั่วรถแล้ว คนอื่นเค้าเริ่มตื่นกันแล้ว ไอ้กลุ่มนกกระจอกก็ยังไม่ตื่น จนพี่เจตต้องมาปลุก ถึงแล้วตื่นกันได้แล้ว แต่ละคนสภาพง่วงสุดฤทธิ์ ลงไปก็ตื่นตาตื่นใจคนไมเยอะกันงี้ล่ะ พอเริ่มตื่นก็เริ่มหิว โจ๊ก โจ๊กอยู่ไหน ตูนบอกว่ามาถึงต้องกินโจ๊ก โหคนเยอะฉิบเป๋ง สงสัยอ่านจากกระทู้เดียวกัน ต้องกินโจ๊ก ไม่เป็นไรเดินตลาดกันก็ได้ ว่าแต่เดินทำไมหว่าตอนนี้ เพราะเค้าขายของสด ไม่เอาไปหาอะไรกินกันดีกว่า ก็ถามแม่ค้าที่นั่นเค้าก็บอกว่า ข้ามฝั่งไปมีร้านอาหารอีกร้านหนึ่ง เอาไปกันไป ก็เจอร้านโจ๊ก คนไม่ค่อยเยอะ สงสัยคนไม่ค่อยเดินมาไกล ก็เลยมีกลุ่มเรานั่งเป็นกลุ่มแรก จากนั้นก็มีคนเดินตามมาเรื่อยๆ อาหารเช้าของเราวันนี้ก็คือ โจ๊ก กับกาแฟ
หลังจากกินกันเรียบร้อยแล้ว ก็นั่งรถสองแถวเพื่อไปที่ท่าเรือ นั่งไปไกลพอสมควรเกือบๆ 30 นาทีเห็นจะได้ เค้าก็พามาซื้อตั๋วเพื่อข้ามเรือ เย้ จะได้ข้ามไปเกาะช้างแล้ว ก็นั่งรถสองแถวไปที่ท่าเรือ เห็นเรือเฟอรรี่อยู่ตรงหน้านึกในใจว่า เดี๋ยวเถอะ จะแชะสักสองสามรูป พอรถจอด อ้าวขึ้นเรือครับขึ้นเรือ เอ๊ะ ทำไมขึ้นตรงนี้หว่า ไม่ใช่ลำใหญ่ๆ ข้างหน้าเหรอเนี่ย แป๋ว ปรากฏว่าเป็นเรือแบบเรือหาปลาน่ะ อ้าวไงดีล่ะ เอาว้าไหนๆ คนก็ไปกันเยอะ ขอเตือนเพื่อนๆ ว่าเค้าบังคับซื้อตั๋วเรือไปกลับแหละ นั่นหมายถึงเราต้องกลับลำแบบนี้ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นคำเตือนถามเค้าก่อนว่าเรือเฟอร์รี่หรือเปล่าด้วยนะ อย่าลืมกันล่ะ แต่สำหรับกลุ่มเราทริปนี้คงต้องไปเรือลำนี้แหละ ซื้อตั๋วแล้วนิ อะมาดูบรรยากาศยามเช้ากันดีกว่า
จะรถหรือเรือเราก็ไม่เว้น ถ่ายรูปกันแบบไม่มีใครยอมใคร และเรื่องโจ๊กที่เราอำกันก่อนเดินทางคือ เกาะช้างแล้วก็เอามือเกาะเจ้าออมสิน โปรดสังเกตุจากรูป ถึงแม้จะสงสารน้องก็เถอะ แต่ก็ล้อกันอย่างสนุกสนาน ดีนะที่น้องเค้าไม่โกรธ นั่งเรือข้ามฝั่งใช้เวลาประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง พวกเราก็มาถึงเกาะช้าง ก็ต้องอาศัยรถสองแถวอีกแล้ว สถานที่พักที่เราเลือกคือสยามเบย์ ตามที่ได้สอบถามจากคนขับรถเค้าบอกว่าที่นี่เป็นที่ที่สวยที่สุด อยู่ก้นอ่าวของเกาะช้าง ไกลหน่อยแต่สวยมาก สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น นั่งรถข้ามเขาไป ทำไมไกลจังหว่า ทางก็โค้งซะ พอๆ กับขึ้นดอยตุงอย่างไงอย่างงั้น แล้วก็มาถึง โอ้โห ที่นี่แทบจะเรียกว่าสวรรค์เลยดีกว่า สวยมากๆ ก่อนที่เราจะเริ่มทำอะไรก็เข้าห้องพักกันก่อนดีกว่า มาดูสภาพแต่ละคน พร้อมกับบรรยากาศที่เราเรียกว่า "สวรรค์" ของเรากันดีกว่า
หลังจากพักผ่อนกันสักพัก ตื่นๆ มาเที่ยวไม่ได้มานอน ไปเล่นน้ำกัน จากที่พักไปชายหาดก็เดินกันพอสมควร แต่ก็ทำให้รู้สึกว่า อากาศที่นี่เหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ
พอลงเล่นน้ำกันได้สักพัก ชักเริ่มร้อนผนวกกับอาการเหนื่อย กลับบ้านไปนอนกันก่อนดีกว่า ลืมบอกไปว่าใครจะไปที่สยามเบย์ล่ะก็ สิ่งที่ต้องเตรียมคือลังน้ำแข็ง เพราะว่าที่นี่ไม่มีตู้เย็น แต่มีทีวีให้ แต่จะรู้สึกตัวก็สายเสียแล้ว เพราะไม่ได้เอาลังน้ำแข็งมา ก็ใช้วิธีซื้อที่ร้านอาหารของที่พักทีละสองถุง มาเที่ยวคราวนี้เราเอาอุหนุมานมาด้วย หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันคืออะไร มันคือสินค้า OTOP ของจังหวัดราชบุรี พอดีว่าก่อนเดินทางมีคนฝากพ่อซื้ออุที่ราชบุรี เออเห็นแล้วแปลกดีก็เลยซื้อมาให้เพื่อนๆ ลอง ก็ลองกันแล้วปรากฏว่ารสชาติหวานแบบเหล้าหมักนั่นล่ะ ก็คนละทีสองที อุร่วมสาบาน จนออกอาการดังรูปที่จะเห็นต่อไปนี้
เวลาเริ่มผ่านไปบ่ายคล้อย ความตื่นเต้นที่มีก็เริ่มจางหายกลายเป็นง่วง..ครับพี่น้อง สรุปสุดท้ายหลับกันหมด..ครับพี่น้อง หลังจากนอนจนเต็มอิ่มแล้วอาการเริ่มหิวก็มาเยือนไปหาอะไรกินกันดีกว่า
พวกเราก็เดินจากอ่าวปลายหาดไก่แบ้ จนไปถึงหัวหาดไก่แบ้ ไกลโขเชียวล่ะ สุดท้ายอาหารของเรารอบแรกก็คือ Seven เชื่อเลยว่าเป็นร้านแรกที่เรานึกถึงเวลาอยู่ที่ไหนก็ตาม เพราะที่ไหนก็มี Seven เกาะช้างก็เช่นกัน พวกเราก็เดินเลาะชายหาดกันไปเรื่อยๆ มาดูวิวยามเย็นของหาดไก่แบ้กันดีกว่า
ตอนแรกพวกเราตั้งใจจะไปกินข้าวกันที่สลักเพชร แต่พอถามคนในพื้นที่เค้าบอกว่าต้องนั่งรถอ้อมไปอีกฝั่ง โห ไกลชะมัด ค่ารถสองแถวก็ปาไป 500 บาท เดินกลับไปกินที่ร้านอาหารของที่พักดีกว่า จากการที่ได้ลิ้มรสมาแล้วก็พอไหว โดยเฉพาะบาร์บีคิว ใช้ได้ทีเดียว สุดท้ายก็ปิดรายการของวันนี้คือธรรมเนียมของการไปพักผ่อนนอกสถานที่ เล่นไพ่เป็นคำตอบสุดท้ายก็ปาเข้าไปเกือบตีสอง ก็ต้องนอนเอาแรงเพราะพรุ่งนี้เรามีด้ำน้ำกันแต่เช้า
30/04/06
เช้าวันที่สองของเกาะช้าง วันนี้เราวางแผนกันว่าจะไปดำน้ำ 5 เกาะ ตื่นขึ้นมาเห็นอากาศแล้วใจหาย วันนี้ฟ้าครึ้มมาก อากาศชักไม่ค่อยเป็นใจ แต่ไม่ได้ มาแล้วนี่ ถ้าวันนี้ไม่ไป พวกเราก็ว่างอีกหนึ่งวัน แล้วพรุ่งนี้เราต้องเดินทางกลับแล้ว ยังไงงานนี้ต้องเดินหน้าอย่างเดียว
จากสยามเบย์พวกเราเลือกเรือของอิทธิพล เค้ามีรถมารับจากที่พักคือสยามเบย์ไปที่อ่าวท่าเรือ เรือโดยสารจะเป็นเรือสองชั้น ระหว่างทางเดินเข้าไปก็มีร้านขายอาหารของชาวประมง มีทั้งของสดและอาหารทะเลปรุงเสร็จขายตลอดทางเข้าไปยังท่าเทียบเรือ และแน่นอนจากปากทางไปจนท่าเรือ ซื้อกันมาตลอดทาง แต่ที่ไม่ลืมคือขนมจาก Seven บนเรือเค้าต้องเตรียมขนมไปเองเพราะมีเลี้ยงเฉพาะข้าวกับของว่างเป็นผลไม้
ระหว่างที่รอคนเต็มลำพวกเราก็กินกันอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นหมูย่างที่ออมสินอยากกินเป็นที่สุด ไม้ละห้าบาทและข้าวเหนียวน้อยมาก ห่อละห้าบาท ขอบอกว่าแพงอยู่นะเนี่ย แต่เช้าๆ อย่างนี้ต้องอะไรร้อนๆ พวกเราไม่ลืมที่จะหนีบม่าม่าต้มที่ Seven มาด้วย ทุกคนตอนนี้มีแต่ความตื่นเต้น ยังคงสดใส แต่พอกินอิ่ม เรือแล่นออกจากท่า อาการ "ง่วง" ก็เริ่มมาแต่มีสมาชิกหนึ่งในพวกเราเกิดอาการเวียนหัว เมาเรือครับท่าน แต่ไม่สามารถเล่าให้เพื่อนๆ ฟังได้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องเกศของเรา เอาเป็นว่าดูรูปกันดีกว่า
ระยะเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง พวกเราก็เดินทางมาถึงเกาะที่ 1 ตอนนี้เสียงดังมาก เพราะทุกคนต่างก็ตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เห็นคือ มีเรือเยอะมากที่มาดำน้ำ บวกกับคนที่แน่นขนัด พวกเราไม่รอช้ารีบต่อคิวเพื่อจะลงดำน้ำ แต่ด้วยความที่วันนี้ลมแรงพวกเราจึงลงอีกด้านของเรือ
เกาะแรกแห่งนี้ เราว่าปะการังสวยที่สุด แต่ด้วยความที่ลงผิดฝั่งทำให้ดำได้ลำบาก เพราะยิ่งดำก็ยิ่งไกลออกไปเพราะลมแรงมาก แทบไม่มีแรงดำน้ำกันเชียวล่ะ
พวกเราดำน้ำกันสักพัก ชักเหนื่อย สุดท้ายก็หมดแรง และแล้วก็ต้องอาศัยเชือก งานนี้ถ้าไม่ได้เชือกนะแย่แน่ๆ เพราะลมแรงมากว่ายขึ้นเรือกันไม่ไหว หลังจากขึ้นเรือได้ก็เริ่มอาการโหย ตอนนี้ก็เริ่มใกล้เที่ยงแล้ว อาหารวันนี้ก็คือ ไข่เจียว ผัดผัก อร่อยมาก หรือว่าหิวหรือเปล่าก็ไม่รู้
ระหว่างกินข้าวไป เรือก็แล่นไปเรื่อยๆ เกาะที่สองคือเกาะโล้น เกาะนี้โล้นจริงๆ ไม่มีต้นไม้เลย แต่เป็นเกาะเล็ก เกาะนี้ปะการังก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ แต่ก็น้อย เกาะนี้มีปลานีโม่ด้วย เสียดายที่กล้องถ่ายใต้น้ำไม่ได้ ไม่งั้นจะมีรูปมาฝากเพื่อนๆ แล้ว เกาะนี้คนลงไปดำน้ำน้อย อาจเป็นเพราะเหนื่อยจากเกาะแรก แต่สำหรับพวกเราแล้วมาทั้งทีต้องคุ้ม
เกาะที่สามเกาะต่อไปคือ เกาะยักษ์ เกาะนี้ปะการังสวยกว่าเกาะโล้น เกาะนี้คนลงไปดำน้ำค่อยข้างเยอะ มีเรื่องขำใต้น้ำมาฝาก เรื่องก็มีอยู่ว่าพอลงไปดำน้ำที่เกาะนี้ ได้ยินเสียงลั่นว่า "ปลาตีนโว้ย ปลาตีนเต็มเลย" "ปลาตีนเต็มหน้ากูเลย" สาเหตุที่เกาะนี้ปลาตีนชุกชุมก็เพราะคนมาดำน้ำเกาะนี้เยอะมาก แต่ว่าพื้นที่ที่มีปะการังมีน้อย เลยทำให้คนค่อนข้างหนาแน่น มองไปทางไหนก็เจอแต่ปลาตีน (ของคนข้างหน้า)
แต่ละเกาะใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมง ที่ต้องใช้เวลาไม่นานเพราะเราต้องไปต่ออีกหลายเกาะ ตอนนี้เรือก็กำลังแล่นมุ่งหน้าสู่จุดหมายเกาะสุดท้ายคือ เกาะหวาย เนื่องจากอากาศเริ่มครึ้มฟ้าครึ้มฝนแล้ว
นั่งเรือกันได้สักพัก ฝนชักเริ่มตกลงเม็ดแล้ว แต่ที่นั่งของเรามีหลังคาก็เลยไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ สักพักเราก็ถึงเกาะหวาย เกาะสุดท้ายของการดำน้ำเราทริปนี้
หลังจากลงถ่ายรูปกันที่เกาะหวายแล้ว ก็เดินทางกลับเกาะช้าง กว่าจะมาถึงเกาะช้างก็ราวๆ เกือบห้าโมงครึ่ง ขากลับพวกเราก็แวะซื้อของเพื่อเป็นเสบียงสำหรับคืนนี้ แต่ว่าเรากลับมาช้าไป ทุกร้านที่ขายของสดก็ไม่มีของแล้ว พวกเราก็เลยซื้ออาหารสำเร็จจากร้านประมาณกลางๆ ซอย เป็นร้านที่มีป้ายแนะนำจากรายการต่างๆ ค่อนข้างเยอะ ต้องขออภัยที่จำชื่อร้านไม่ได้ แต่ขอบอกว่าร้านนี้อร่อยมากของสดเค้าสดจริง แถมฝีมือของแม่ครัวก็อร่อยเชียวล่ะ ที่สำคัญราคาไม่แพงด้วย เอาไว้ถ้านึกชื่อร้านออกแล้วจะบอกล่ะกันนะ หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางกลับที่พัก
สุดท้ายของวันนี้ตามธรรมเนียมของการไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ ก็คือ ปิดท้ายของค่ำคืนด้วยโพธิ์ดำ โพธิ์แดง นั่นเอง กว่าจะนอนก็ปาไปเกือบตีสี่ ว้า พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว เวลาเนี่ยมันช่างผ่านไปรวดเร็วเสียเหลือเกิน เหมือนที่เค้าว่ากันว่า เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปรวดเร็ว
01/05/06
เช้าวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่ที่เกาะช้าง รู้สึกไม่อยากกลับบ้านเลย เพราะทริปนี้เป็นทริปที่สนุกสนานที่สุด ไม่ว่าจะเป็นที่พัก สำหรับสยามเบย์แล้วขอแนะนำเพื่อนๆ ที่ต้องการธรรมชาติของหาดทรายสีขาวก้นอ่าวของเกาะช้าง บรรยากาศเงียบสงบไร้สิ่งรบกวน และธรรมชาติที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง ที่นี่มีทุกคำตอบสำหรับการแสวงหาคำ "ธรรมชาติ" พวกเราได้สอบถามกับเจ้าของสยามเบย์ว่าทำไมถึงไม่ตกแต่งต้นไม้เหมือนกันที่อื่น เจ้าของบอกพวกเราว่าเค้าต้องการรักษาธรรมชาติแบบนี้เอาไว้ ให้รู้สึกเหมือนใกล้ธรรมชาติจริงๆ สำหรับอาหารสองวันบนเกาะช้าง สำหรับเรารู้สึกว่าอร่อยทุกมื้อและอิ่มมากๆ และสำหรับเช้าวันนี้ก่อนกลับพวกเราก็ขอเก็บภาพกันเสียหน่อย เพราะวันนี้ท้องฟ้าใสแจ๋วเชียวล่ะ
แต่ที่น่าเจ็บใจสำหรับวันนี้คือ ตอนแรกพวกเราตกลงกันว่าพวกเราจะเล่นน้ำกัน แต่ขอไปเปลี่ยนเสื้อก่อน สี่คนเค้าก็เดินกลับที่พัก มีพี่หมวยเป็นแกนนำ พี่กุ้ง เกศและน้องออมสิน แล้วปล่อยให้เรากับพี่เจตรอที่ทะเล เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววว่าเพื่อนจะเดินกลับมาเล่นน้ำ เราสองคนก็ยังรอเพราะหวังว่าเพื่อนจะมาเล่นน้ำ ผ่านไปอีกสิบนาที เอ๊ะชักนานไปเปล่า ก็เลยตกลงกันว่า ไม่เล่นน้ำแล้ว กลับไปเปลี่ยนเสื้อกลับดีกว่า แต่ไหนๆ ก็โดนหักหลังแล้ว เราสองคนก็เลยมากินข้าวก่อน (พวกที่ไปบ้านก่อนยังไม่ได้กินข้าว) หลังจากอิ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินกลับบ้าน แล้วย่องไปที่หน้าต่างบ้าน โห เพื่อนรักทั้งสี่กำลังเล่นโพธิ์ดำ โพธิ์แดง อย่างสนุกสนานเสียงหัวเราะดังมาก พวกเราก็เลยทำเสียงดังเหมือนกำลังเดินมา เพื่อนๆ รีบหลับกันจ้าละหวั่น หารู้ไม่ว่าเรามาแอบดูกันแล้ว พวกเราก็ทำเป็นโวยวายเดินเข้าบ้าน อาบน้ำแล้วก็ไปนั่งเล่นไพ่กับสหายทั้งสี่ เล่นจนใกล้เที่ยงแล้ว สหายทั้งสี่ชักหิว เราสองคนก็เฉยๆ ไม่มี่วี่แววว่าจะรีบ สุดท้ายมาความแตกที่โต๊ะอาหารว่า ทำไมไม่สั่งอะไรเหรอ ก็เลยเฉลยว่า "อ้อ กินแล้วตั้งแต่สิบโมงแล้ว" เท่านั้นล่ะสหายทั้งสี่โวยวายกันสุดฤทธิ์ อย่างนี้แหละที่เรียกว่า เอาคืน อิอิ ..
แต่ถึงแม้พวกเราจะกินข้าวกันมาแล้วก็สั่งใหม่อีก เราก็ดันอยากกินออมเล็ตซะงั้น อะสั่งซะหน่อย เด็กเสริฟถามว่าเอาข้าวไหมค่ะ งงสิครับ เอามาไมหว่า ทุกคนก็งง ๆ แต่เราก็ตอบไปว่า ไม่เอาค่ะ รู้ไหมว่าอะไรเกิดขึ้นออมเล็ตของเรามันคือไข่เจียวนี่เอง มิน่าละถึงถามว่าเอาข้าวไหมค่ะ ..เฮ้อ มาดูรูปส่งท้ายกันดีกว่า
ทริปนี้พวกเราก็เสียค่าใช้จ่าย สามวันสองคืน รวมค่าเดินทางและค่าอาหารและที่พักเบ็ดเสร็จแล้ว 2,900 บาท ช่างเป็นทริปที่คุ้มค่าจริงๆ และเราก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพก็ถึงราวๆ ตีหนึ่ง
Create Date : 28 มิถุนายน 2549 |
Last Update : 17 สิงหาคม 2556 21:31:52 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1382 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: แป๊กก วันที่: 10 ธันวาคม 2550 เวลา:7:07:45 น. |
|
โดย: งา IP: 58.136.94.64 วันที่: 13 เมษายน 2551 เวลา:19:27:17 น. |
|
| |
|
patthanid |
 |
|
Location :
ราชบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]

|
: การท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ : คืออีกก้าวของประสบการณ์ : ทุกๆ ก้าวที่ก้าวเดิน : มีจุดหมายที่อยากสัมผัส : โลกใบกลมๆ ใบนี้
ติดต่อผู้เขียน Email :: patthanids@hotmail.com Line :: @atourthai Facebook :: Patthanid Cheang Fanpage :: โสดเที่ยวสนุก
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิดโดยนำภาพถ่าย รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึง ข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัว หรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็น ลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
|
|
|
 |
|