สมุดบันทึกผู้หญิงชอบเที่ยว "ภัทรานิตย์" -- www.atourthai.com --

"เที่ยวเมืองไทยด้วยหัวใจ แล้วคุณจะรักเมืองไทยอย่างยั่งยืน"


 
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
16 กันยายน 2553
 

BKK - CHANTHABURI :: กินปูกินกุ้งที่ขลุงริเวอร์วิว

หลังจากที่ตอนที่แล้วพวกเราไปดูการแสดงปลาโลมาสีชมพูกันที่ โอเอซิสซีเวิลด์ กว่าจะออกมาก็ราวๆ สามโมงกว่าแล้วล่ะ โดยมีจุดหมายต่อไปคือ เข้าที่พักที่ขลุงริเวอร์วิว ตามแผนที่บอกว่าให้ขับรถไปทางโรงพยาบาลแหลมสิงห์ พวกเราก็ขับตามที่เค้าบอกมาในกระทู้ แต่มางงก็ตรงจุดโรงพยาบาลแหลมสิงห์นี่ล่ะ



ตามแผนที่บอกว่าโรงพยาบาลจะอยู่ทางด้านขวา แต่พอพวกเราขันรถมาโรงแรมมันอยู่ทางซ้ายนิน่า เอาแล้วสิ.. อาการงานเข้ามาแล้ว ลุงเจ้าของที่พักบอกให้เลี้ยวซ้ายตรงเกาะเปริด มาถึงตรงนี้มีเรื่องเล่าตอนที่ถามคุณลุงเพื่อนก็บอกว่าใช่เกาะ-เป-ริด หรือเปล่าเล่นเอาลุงถึงกับงง

พอมาอ่านป้ายเป็นภาษาอังกฤษถึงรู้เหตุผลว่าทำไมลุงแกไม่รู้จักชื่อนี้ เพราะมันอ่านว่าเกาะเปิดต่างหากล่ะ แต่สะกดเป็นภาษาไทยว่าเกาะเปริด พวกเราก็ขับรถกันมาเรื่อยๆ ตามจีพีเอส ตอนนี้หาพิกัดเจอแล้ว ป้ายทางเข้าแต่ล่ะอันไม่อยากจะบอกว่าเล็กมากๆ



ขับตามทางมาเรือยๆ ไม่อยากจะบอกว่าทางสุดยอดมาก รถใครโหลดก็เตรียมตัวยกเครื่องกันได้เลย เพราะทางยังกะโลกพระจันทร์ ขับตามทางตรงมาเรื่อยๆ ก็จะถึงสถานที่จอดรถ เพื่อเตรียมขึ้นเรือ


สภาพรถแต่ละคันเรียกว่าดูไม่จืดเลยทีเดียว เพราะแดงทุกคันรับประกัน จากนั้นก็ขนสัมภาระลงเรือที่คุณลุงให้คนมารอรับพวกเรา


ดูเหมือนเรือกับจำนวนน้ำหนักผู้โดยสารจะไม่ค่อยสมดุลกันเท่าใด ตอนแรกลุงบอกว่า ๑๓ คนไหว แต่ดันลืมบอกไปว่าผู้ร่วมทริปของเราแต่คนอุดมสมบูรณ์กันทั้งนั้น เอานะแต่เรือก็สามารถแล่นไปได้ แหมนึกว่าจะจมเสียแล้ว






พวกเรานั่งเรือมาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาถึง "ขลุงริวเวอร์วิว" แล้วล่ะ บรรยากาศดีเหมือนกันนะเนี่ย มาดูที่พักของพวกเราในขลุงริวเวอร์วิวกันดีกว่า เริ่มจากบ้านกลางน้ำก่อนล่ะกัน




ที่พักที่นี่มีสองแบบคือกลางน้ำกับริมฝั่ง บ้านกลางน้ำมีสองหลังอยู่ไม่ติดกันมากนัก ส่วนบ้านริมน้ำมีประมาณสี่หลังเห็นจะได้ เห็นเล็กๆ แบบนี้เคยจุแขกได้เกือบสองร้อยคนเชียวนะ














พอเดินเข้ามาสำรวจภายในบ้านก็จะเป็นห้องโถงใหญ่ๆ หนึ่งห้องและห้องนอนชั้นสองอีกหนึ่งห้อง มีห้องน้ำในตัวเสร็จสรรพ ประกอบกับเฟอร์นิเจอร์เก๋ๆ อีกเพียบที่คุณลุงเจ้าของเป็นคนทำเองล่ะ






ส่วนห้องนอนอยู่ไหนก็อยู่รอบๆ ห้องโถงใหญ่นั่นแหละ ที่นี่มีอุปกรณ์สำหรับการพักผ่อนพร้อม ไม่ว่าจะเป็นหมอน มุ้ง ผ้าห่ม ที่นอนปิคนิค มุ้งครอบ พัดลมครบสูตร เป็นไงล่ะโฮมสเตย์จริงๆ เลยใช่ไหมล่ะ ออกมาดูบ้านริมน้ำกันมั้งดีกว่า








บ้านริมน้ำก็จะเป็นอีกแนวหนึ่งคือจะมีระเบียงมองเห็นแม่น้ำด้านหน้า ลมเย็นเชียวล่ะ แต่ที่ชอบมากมายเห็นจะเป็นการดีไซน์บันไดบ้านที่ต้องบอกว่า เก๋ไก๋แต่ต้องระวังนิดหนึ่ง



คำเตือนคนดื่มสุราโปรดระวัง มิฉะนั้นจะหัวทิ่มได้ ที่นี่ค่าที่พักคนละ ๑,๒๐๐ บาท รวมอาหารการกิน ๓ มื้อ สามารถเลือกได้สองโปรแกรมคือ ๑. เที่ยง-เย็น-เช้า ๒. เย็น-เช้า-เที่ยง ตามแต่สะดวก สำหรับที่นี่เพื่อนๆ น่าจะเคยได้รับฟอร์เวิรด์เมล์หรือผ่านหูผ่านตาทางทีวีช่อง ๕ มาบ้างแล้ว จุดเด่นของที่นี่นั่นคือเรื่องอาหารการกินที่ใครๆ มาก็บอกว่าเต็มที่

ที่นี่ต้องบอกว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีกระแสส่งเมล์กันอย่างแพรหลายในหมู่นักท่องอินเทอร์เน็ต จึงทำให้ที่นี่เป็นที่รู้จักในเวลาไม่นานนัก หลังจากที่พวกเรานั่งรถลงเรือกันจนมาถึงขลุงริเวอร์วิวแห่งนี้ก็ราวๆ สี่โมงเย็นแล้วล่ะ พอเข้าที่พักทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อนกันตามอัธยาศัย





พอเริ่มห้าโมงเย็นเท่านั้นล่ะ แต่ละคนเริ่มมีอาการหิวแล้วอ่ะ วันนี้มื้อแรกเราจะได้กินอะไรกันน้า เดินไปหาคุณป้าแม่ครัวขอตั้งโต๊ะโดยด่วนนะคะ แม่ครัวก็ใจดีเอาเลยนะหนู จัดไป




ปูสองถาดใหญ่เดินทางมาแล้ว โอ้โห น่าทานมากมาย เนื่องด้วยทริปนี้เราจองกันไว้ ๑๓ ที่ดังนั้นอาหารเลยต้องมาอย่างละสองชุด




ตามติดๆ ด้วยน้ำพริกไข่ปูสุดอร่อย และยำรวมมิตรทะเลจานยักษ์ รูปอาจจะไม่ได้มุมสักหน่อย แบบว่า จขบ. แกะปูไปถ่ายรูปไปอ่ะนะ ชักช้าจะไม่ได้การ อิอิ เดี๋ยวไม่ทัน





ต่อด้วยเมนูแกงส้มกุ้งผักหวาน และทอดมันปลาที่ต้องบอกว่าทุกเมนูที่นี่อร่อยจริงๆ ค่ะ เรียกว่าทอดมันจะเกือบถ่ายรูปไม่ทันเสียแล้ว แต่ที่เด็ดสุดเห็นจะเป็นน้ำจิ้มนี่แหละ



รสชาติเด็ดได้ใจน้ำจิ้มซีฟู้ดจริงๆ แต่มะนาวเค้าจะไม่ออกเปรี้ยวจี๊ดอ่ะ รสชาติเหมือนเลมอนอ่ะ แต่พวกเราสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นมะนาวลูกใหญ่ๆ อ่ะที่รสชาติไม่เปรี้ยวอ่ะ




มื้อแรกพวกเราก็กินกันเรียบ ต้องบอกว่าเรียบจริงๆ ถ้ากินเปลือกปูเข้าไปได้ก็ไม่เหลือล่ะ ส่วนคนที่ไม่ทานเนื้อหรือแพ้อาหารทะเลสามารถบอกคุณลุงเค้าไว้ก่อนได้นะคะ เพราะเค้าจะได้จัดเตรียมอาหารไว้ให้ พวกเรานั่งๆ กินกันอยู่ชักอยากทานไข่เจียวปู คุณป้าแม่ครัวก็จัดให้สองจานใหญ่เลยล่ะ งานนี้เรียกว่ากินกันให้เลี่ยนปูกันไปเลย

พอค่ำก็เริ่มตั้งวงกินเหล้าตามอัธยาศัยของพวกขี้เมาเค้า นั่งๆ ไปชักหิวคุณป้าแม่ครัวก็ใจดีผัดข้าวผัดปูจานใหญ่มาให้อีกหนึ่งจาน งานนี้พวกขี้เมาหลับกันยาวเลย ที่นี่เค้ามีคาราโอเกะให้ด้วยนะ ใครชอบร้องก็ร้องกันไป แต่พวกเราเน้นกินเหล้าเสียมากกว่าเลยไม่ได้ร้อง นั่งกันไม่หมดไม่เลิกอ่ะ

เช้าวันใหม่ฝนตกตลอดคืนเลย เช้ามาก็ยังไม่เลิกเรียกว่าอากาศนอนสบายมากมายเลยล่ะ แปดโมงกว่าแล้วก็ยังไม่เลิกตก อยู่ที่นี่เหมือนอากาศมีสองฤดูคือฝนตกน้อยและฝนตกมากอ่ะ







สำหรับเมนูตอนเช้านี้คุณป้าแม่ครัวก็มีกาแฟกับปาท่องโก๋ไว้ให้พวกเราบริการตัวเองก่อนอาหารเช้าจะเสร็จด้วยล่ะ งานนี้นั่งกินกาแฟกันไปดูฝนกันไป ง่วงนอนได้อีกอ่ะ แต่นั่งกันได้สักพักอาหารมื้อเช้าก็พร้อมเสริฟ์





อาหารเช้ามีให้เลือกสองเมนูคือ ผัดหมี่เส้นจันทร์เมนูอันลือชื่อที่ใครที่มาบอกว่าอร่อยมากมาย และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ อร่อยมากมาย รสชาติเปรี้ยวอมหวานกำลังพอดี ผัดกับปูกรอบโอ้ยแค่คิดก็อยากทานอีกรอบแล้วล่ะ เรียกว่างานนี้ข้าวต้มตกกระป๋องกันเลยทีเดียว



พอทานกันเสร็จพวกเราก็ไปนั่งเรือดูวิธีการดักปูกัน ไม่น่าเชื่อว่ามันจะดักง่ายมากมายขนาดนี้ ตามไปดูวิธีการดักปูของชาวบ้านเค้าดีกว่าว่าเค้ามีกลเม็ดเคล็บลับอย่างไร





กรงสีเขียวๆ ที่เห็นมันคืออุปกรณ์ดักปู วิธีใช้ง่ายๆ ก็เอาปลาใส่ลงไป แล้วก็หย่อนตะแกงลงในน้ำ เวลาปูมันเข้ามากินเหยื่อก็จะติดในกรงออกไม่ได้ เพราะทางเข้ากับทางออกมันคนละทาง ปูมันเลยงง ออกมาไม่ได้ ไงล่ะภูมิปัญญาไทย เจ๋งสุดๆ





แต่ใช่ว่าปูทุกตัวจะเก็บขึ้นมาแล้วจะใช้ได้นะ ชาวบ้านเค้าจะกดดูใต้ท้องมันก่อน ถ้ายังไม่แข็งก็จะปล่อยกลับคืน รอให้ตัวโตเสียก่อนจึงจะเก็บขึ้นมา ลังสำหรับใส่ปูนั้นต้องใส่ใบต้นโกงกางลงไปด้วย เพื่อที่ปูจะได้ไม่เกี่ยวกันนั่นเอง พอเสร็จจากดูปูก็กับมาดูเพื่อนๆ ในบ้านนอนดูทีวีรอทานอาหารมื้อเที่ยงอย่างสบายใจ



ไม่นานนักมื้อเที่ยงก็มาถึงมื้อเช้ายังไม่ทันย่อยมื้อเที่ยงก็ตามมาติดๆ มาดูกันว่ามื้อสุดท้ายมีอะไรให้เราทานกันบ้าง เริ่มจากปูผัดผงกระหรี่ก่อนเลย





จานยักษ์มากๆ ปูนี่ก็มาจากการดักเมื่อเช้านี่แหละ ขอบอกว่าปูสดมากๆ ตามด้วยปลาทอดน้ำปลาเมนูนี้ชอบมากมาย ยิ่งจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดด้วยแล้ว ไม่อยากจะบรรยายให้เพื่อนๆ น้ำลายสอ







ต่อด้วยหอจ้อปูที่ขอบอกว่า อร่อยมากมายปูแน่นไม่มีผสมทอดร้อนๆ ตามด้วยต้มยำทะเลรสเจ็บ พร้อมผัดผักหวานบ้าน ตบท้ายด้วยขนมหวานให้ทานเล่นๆ อีก





ขอบอกว่าจ่ายไป ๑,๒๐๐ ที่พักพร้อมอาหารสามมื้อสุดแสนจะคุ้มมากมาย ไม่พอขอคุณป้าแม่ครัวเพิ่มได้อีกด้วยล่ะ งานนี้กินแล้วก็นอนมาพักผ่อนโดยแท้จริงเลยล่ะ ..


ที่นี่นอกจากจะนั่งกินลมชมวิวแล้วเค้ายังมีกิจกรรมพาไปชมสองฝั่งริมคลองด้วยล่ะ ระหว่างที่กลุ่มหนึ่งนอนดูทีวี อีกกลุ่มหนึ่งก็ออกมาทำกิจกรรมกัน





จากที่พักพวกเรานั่งเรือไปเรื่อยๆ หากใครเคยไป Bangkok Seaview ก็เข้าใจเพราะลักษณะคล้ายๆ แบบนี้เลย แต่ที่นี่มีชื่อเรียกเป็นภาษาทางการว่า "คลองอีเทพ" ตลอดสองฝั่งก็จะมีต้นโกงกางขึ้นหนาแน่นเต็มไปหมด


อากาศดีเชียวล่ะ นานๆ ได้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์นอกเมืองกรุงแบบนี้เหมือนชีวิตได้มาเติมพลังชีวิตดีจัง ระหว่างที่นั่งเรือพี่คนขับเรือก็ใจดีถามว่าอยากลองขับกันดูบ้างไหม



แหม มีหรือพวกเราจะไม่ลองคนอื่นก็ลองขับก็ตรงๆ ดีอยู่หรอก พอ จขบ. ลองมั้งเท่านั้นล่ะ เรือหมุนเป็นรำวงเลย เราก็นึกว่าขับเรือขับง่ายๆ แค่จับหางเสือก็วิ่งได้ล่ะ ที่ไหนได้หนักชะมัดขับยากจังอ่ะ









ไม่นานนักพวกเราก็มาถึงหมู่บ้านชาวประมง หมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ริมน้ำฝั่งหนึ่งของคลองอีเทพ ขอบอกน้ำไฟครบนะเห็นอย่างนี้เถอะ มีคนเล่าให้ฟังว่าที่นี่แต่ก่อนเป็นป่าชายเลนนี่แหละ ต่อมาก็มาจับจองพื้นที่กันเอง เริ่มสร้างนั้นสร้างนี่จนกลายเป็นหมู่บ้าน




พวกเรานั่งเรือไปเรื่อยๆ วนรอบหนึ่งแล้วก็กลับแล้วล่ะ ตอนแรกเราก็นึกว่าจะจอดให้ไปหาซื้อของฝาก อ้าวนี่พามาชมก็ให้ชมจริงๆ เลยอ่ะ ขากลับเพื่อนๆ ก็ถามคนขับเรือว่าเคยกลับอีกทางไหม คนขับบอกว่าไม่เคย เท่านั้นล่ะ ไปทางน้้นเลยพี่ งานนี้เลยสนุกลุ้นดี คือลุ้นว่าเรือมันจะวิ่งไปได้หรือเปล่า เพราะที่เค้าไม่เข้ามาเพราะน้ำมันตื้นเรือแล่นได้ยาก


แต่ด้วยความโชคดีน้ำไม่ตื้นอย่างที่คิด เรือเลยรอดออกมาได้มาโผล่ตรงทางขาเข้ามาพอดิบพอดีเลย เฮ้อ.. ถึงซะทีลุ้นซะเหนื่อยเลย พอขึ้นฝั่งได้ก็หามุมถ่ายรูปสวยๆ ก่อนเข้าบ้าน
















เวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วจัง เผลอแป๊บเดียวถึงเวลากลับบ้านแล้ว ทริปนี้ถือว่าชิวๆ ดีจังอ่ะนั่งๆ นอนๆ กินปู โอเคเลยนะคือมาพักผ่อนไง นี่กินกันจนจะกลับแล้วยังไม่ได้จ่ายตังค์ลุงเลย


กินกันกระจายจ่ายคนละ ๑,๒๐๐ บาท ค่าเหล้าขวดละ ๒๐๐ บาทพี่ดิษฐ์บอกว่าไม่น่าแบกเหล้ามาจากเซเว่นให้หนักเล้ย โซดาขวดละ ๙ บาทเองอ่ะ ที่เหลือลุงกะป้าไม่คิดเลย ที่เราขอเพิ่มต่างๆ อ่ะ ต้องขอบคุณคุณลุงคุณป้าเจ้าของโฮมสเตย์มากๆ ค่ะ


ขากลับน้องเอยหลานสาวคุณลุงเจ้าของโฮมสเตย์ที่น่ารักและอัธยาศัยดีก็มาส่งพวกเรากลับพร้อมกับคุณป้าแม่ครัวขวัญใจพี่ๆ ที่มีคนแซวป้าแกว่าไปกับเค้าด้วยเลยไหม ฮาดีอ่ะ



ก่อนกลับมีเรื่องให้เสียวเล็กน้อย ก็ดูแต่ละคนดิน้ำหนักเฮฟวี่เวททั้งนั้น เรือหนักน้ำเข้าเรืออ่ะ กระโดดออกกันเป็นแถว สุดท้ายเลยต้องจัดลำดับน้ำหนักกันใหม่ จนมาถึงฝั่งอย่างปลอดภัย จุดหมายต่อไปคือกาแฟดอยช้าง







Create Date : 16 กันยายน 2553
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2556 23:49:00 น. 7 comments
Counter : 7189 Pageviews.  
 
 
 
 
ตาย ๆ แวะมาตอนเช้า
หิวมากมายเลยค่ะ 555++
 
 

โดย: มิลเม วันที่: 16 กันยายน 2553 เวลา:7:51:58 น.  

 
 
 
หิวเลยอ่าค่ะ ...ง่าาาา น่าทานทั้งนั้นเลยค่ะ จขบ.
 
 

โดย: maesnake วันที่: 16 กันยายน 2553 เวลา:10:31:15 น.  

 
 
 
แต่ละอย่างล้วนชวนน้ำลายสอ
โดยเฉพาะปู น่าทานมาก ๆ
 
 

โดย: nokkatua วันที่: 16 กันยายน 2553 เวลา:19:58:02 น.  

 
 
 
โอย.....หิว......
 
 

โดย: ขึ้นเป้ วันที่: 16 กันยายน 2553 เวลา:22:41:14 น.  

 
 
 
ถึงไม่เคยไปทานที่นั่น ..แต่ก็เชื่อสนิทใจค่ะว่า อร่อยแน่..แค่ดูด้วยตานะเนี่ย.. เหมือนไป"ทัวร์ชิมทั่วไทย"เลยอ่ะค่ะ
 
 

โดย: nok (mie_family ) วันที่: 23 ตุลาคม 2553 เวลา:14:09:03 น.  

 
 
 
กินกันอยู่ได้มาทำให้อยากแล้วหลบเเดก โหนิสัย
 
 

โดย: เงาะดำหอยขาว IP: 192.168.201.114, 125.27.190.140 วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:13:35:24 น.  

 
 
 
ไม่กลัวอ้วนบ้างรึไปกินกันไม่บอกเลยอ่ะแค่นี้ยังอ้วนไม่พออีกหรือ
 
 

โดย: เงาะป่าซาไก IP: 192.168.201.114, 125.27.191.209 วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:13:40:22 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

patthanid
 
Location :
ราชบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




: การท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ
: คืออีกก้าวของประสบการณ์
: ทุกๆ ก้าวที่ก้าวเดิน
: มีจุดหมายที่อยากสัมผัส
: โลกใบกลมๆ ใบนี้

ติดต่อผู้เขียน
Email :: patthanids@hotmail.com
Line :: @atourthai
Facebook :: Patthanid Cheang
Fanpage :: โสดเที่ยวสนุก

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิดโดยนำภาพถ่าย
รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึง
ข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้
ไปใช้ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัว
หรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็น
ลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
New Comments
[Add patthanid's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com