ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือขยายร้าน ราคาอาหารยังเหมือนเดิมนึกว่านานไปราคาจะลดลงเปล่าเลยเหอะ
มาเบาๆ ถ้วยละ 100 บาทพอราคาแรงเหลือเกินใส่ชามโลตัสมาอารมณ์เหมือนอยู่ในฟู้ดคอรด์เลยทีเดียว
จขบ.ว่าที่เปลี่ยนอีกอย่างคือความอร่อยนะ เหมือนแต่ก่อนอร่อยกว่านี้เลยอ่ะ
กองทัพเดินด้วยท้องพอท้องอิ่มก็ได้เวลาออกเดินทางกันต่อ
จุดหมายต่อไปอยู่ที่โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล เชื่อไหม่ว่า จขบ.มาโบสถ์นี้หลายครั้งแต่ไม่เคยได้ถ่ายรูปสักครั้ง
เพราะมาทีไรเจอฝนตลอดครั้งนี้ยังไงก็ต้องถ่ายรูปโบสถ์ให้ได้เหอะ โชคดีมากที่แดดเปรี้ยงเลย
โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาธอลิกลักษณะตามศิลปะแบบโกธิก ตัวโบสถ์จำลองมาจากโบสถ์น็อตเตอร์ดามในประเทศฝรั่งเศส เดิมมีหลังคาเป็นยอดแหลมแต่มีการรื้อถอนออกไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อไม่ให้เป็นเป้าโจมตีทางอากาศ โบสถ์ฉลุลายประดับด้วยกระจกสีเป็นรูปนักบุญในศาสนาคริสต์ รูปปั้นพระแม่มารีอาสีหน้าสงบเปี่ยมประกายเมตตายืนอยู่หน้าวิหาร ด้านในมีความสงบร่มเย็นและตกแต่งด้วยศิลปะแบบยุโรป
หากได้เดินเข้าไปด้านในจะเหมือนถูกมนต์สะกดในช่วงที่กำลังสวดพิธีกรรม โดยประตูโบสถ์จะเปิดก่อนการสวนมนต์ในแต่ละวัน ระหว่างนี้สามารถเข้าไปเที่ยวชมความงามและถ่ายภาพได้ เสียดายที่พวกเรามาบ่ายแล้วมีพิธีทางศาสนาภายในโบสถ์ด้วยคนเยอะเชียวเลยถ่ายรูปอยู่ด้านนอก
มาแล้วก็ต้องหมู่กันหน่อยห้องเราเรียนกัน 19 คนเหลือกันอยู่ 5 คนที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
จากโบสถ์เดินตรงมายังสะพานพวกเราจะไปเที่ยวชุมชนจันทบูรกันจ้า
ชุมชนริมน้ำจันทบูร เป็นชุมชนที่มีบ้านเรือนประมาณ 200 หลังคาเรือนที่ตั้งอยู่สองฟากถนนสุขาภิบาล ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมืองจันทบุรี มีความยาวตลอดสายประมาณ 1 กิโลเมตร และชื่อ "ชุมชนริมน้ำจันทบูร" พร้อมสโลแกน "ย้อนวิถีจันทร์สร้างสรรค์วิถีไทย" เป็นชื่อที่ได้มาจากการประกวดตั้งชื่อชุมชนปี พ.ศ. 2552 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มต้นการพัฒนาฟื้นฟูชุมชน
เมืองจันทรบุรีมีการย้ายถิ่นฐานที่ตั้งหลายครั้ง ตั้งแต่เมืองเพนียดเชิงเขาสระบาป บ้านหัววังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจันทบุรี และในสมัยสมเด็จพระนารายณมหาราชได้ย้ายมาบ้านลุ่มฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรีมีการสร้างเมือง คูเมืองชัดเจนบนเนินบ้านลุ่ม(ค่ายตากสินในปัจจุบัน) ชาวบ้านซึ่งประกอบด้วยชาวไทย จีนและญวน ตั้งบ้านเรือนเรียงตามริมฝั่งแม่น้ำจันทบุรีมานานกว่า 300 ปี จนถึงสมัยรัชกาลที่ 3 เกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับญวน จึงโปรดฯ ให้สร้างเมืองใหม่ที่บ้านเนินวง
หลังจากญวนตกอยู่ในความปกครองของฝรั่งเศสแล้ว ในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงโปรดให้ย้ายเมืองกลับมาตั้งที่บ้านลุ่มเช่นเดิมจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากเมืองใหม่บ้านเนินวงคับแคบ ไม่เหมาะสมในการพัฒนาและขยายพื้นที่ให้สอดคล้องกับนโยบายการปฏิรูปการปกครองใหม่ของพระองค์ จึงถือได้ว่า ตัวเมืองจันทบุรีปัจจุบันมีจุดเริ่มต้นมาจากพื้นที่ชุมชนริมน้ำจันทบูร
ด้วยพื้นที่ที่เหมาะสมตั้งแต่ตลาดเหนือ ตลาดกลางและตลาดล่าง ชุมชนริมน้ำจันทบูรในอดีตจึงเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจการค้าและคมนาคม มีความเจริญรุ่งเรืองและคึกคักมากมีผู้คนอพยพย้ายถิ่นมาอาศัยเพิ่มขึ้นทั้งคนไทย จีนและญวน ดังปรากฏร่องรอยหลักฐานถึงปัจจุบันในภาพของวิถีชีวิต ภูมิทัศน์ ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม ศิลปะสถาปัตยกรรมและภูมิปัญญาสาขาอาชีพต่างๆ ที่เกิดจาการผสมผสานของ 3 วัฒนธรรม รวมทั้งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของชาติในแต่ละยุคสมัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จมาจันทบุรีถึง 12 ครั้ง และครั้งสุดท้ายได้เสด็จพระราชดำเนินบนถนนเส้นนี้ด้วยเพื่อเยี่ยมเยือนปลอบขวัญพสกนิกรชาวจันท์ หลังจากที่ฝรั่งเศสปลดปล่อยจันทบุรีและตราดแล้ว (พ.ศ. 2436-2450) และได้พระราชทานพระแสงดาบประจำเมืองจันทบุรีเมือวันที่ 15 พ.ย 2450
วิถีชีวิตชุมชนริมน้ำจันทบูรเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากเกิดเหตุการณไฟไหม้เมื่อวันที่ 9 เม.ย 2533 และเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2542 และ 2549 ประกอบกับมีการพัฒนาขยายเมืองธุรกิจพลอยซบเซาลง สงผลให้ชุมชนไม่คึกคักและมีชีวิตชีวาเฉกเช่นอดีต จนกระทั้งปี พ.ศ. 2552 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดจันทบุรีมีนโยบายฟื้นฟูย่านการค้าเก่าและสถาบันอาศรมศิลป์ได้ส่งนักศึกษามาทำวิทยานิพนธ์ในพื้นที่นี้จึงร่วมกันทำประชาคม ส่งผลให้เกิดอาสาสมัครเป็นคณะกรรมการพัฒนาชุมชนริมน้ำจันทบูร (ต่อมาจดทะเบียนเป็นชมรมพัฒนาชุมชนริมน้ำจันทบูรเมื่อ 31 ก.ค. 2556)
และร่วมมือกันดำเนินการพัฒนาชุมชนภายใต้วิสัยทัศน์ "วัฒนธรรมนำการค้า" โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างจิตสำนึกและความสามัคคีของชุมชน ในการดำรงไว้ซึ่งวิถีชีวิตที่มีคุณภาพ สืบสานและเผยแพร่ประวัติศาสตร์ชุมชน อนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมชุมชน เพื่อนำไปสู่การเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรมที่สำคัญของจังหวัด
มรดกวัฒนธรรมเหล่านี้ล้วนสร้างความภาคภูมิใจให้กับชุมชนและผู้มาเยือน ทุกครัวเรือนในชุมชนจึงต้องร่วมมือกันอนุรักษ์คุณค่าของวันวานให้เป็นอมตะตามปณิธานที่ตั้งไว้ไม่ทำลายภาพชีวิตที่สงบและเรียบง่ายและแบ่งปันความสุข ความเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน ผลบุญที่ได้ "สุขตลอดกาลทุกๆ บ้านริมน้ำจันทบูร" ฟังประวัติของชุมชนแห่งนี้แล้วรู้สึกถึงประวัติที่มีมายาวนาน
พวกเราเดินชมชุมชนแห่งนี้ตั้งแต่ต้นจนท้ายซอยเริ่มหิวกันแล้วล่ะ แวะป้าภาส้มตำไก่ทอดกันซะหน่อย
เห็นคนแวะเข้าวร้านนี้กันเยอะที่เดียวก็อร่อยใช้ได้เลยนะ
กินกันเสร็จก็เดินกันต่อที่นี่สวยดีจังมีป้ายให้สแกนด้วยล่ะ นี่ถ้ามาตอนอากาศเย็นๆ จะเพลินมาก
พวกเรามากันตอนร้อนพอดีแต่ก็โชคดีกว่าเจอฝน เพราะเมืองนี้ฝนตกบ่อยมากจนแยกฤดูกาลไม่ออก
โดยรวมที่นี่ก็เหมาะสำหรับถ่ายรูป มีร้านอาหารริมน้ำให้ลองชิมหลายร้านอยู่เหมือนกัน เดินได้เพลินๆ ไปจนสุดซอยระยะทางราว 1 กิโลเมตรเลยล่ะ จากนั้นพวกเราก็เดินย้อนกลับมาที่โบสถ์เพราะจอดรถไว้ที่นี่ จุดหมายของพวกเราต่อไปคือ "บ้านสวนริมน้ำ" ที่พักของเราค่ำคืนนี้ ไว้จะมาเล่าต่อให้ฟังตอนหน้านะคะ
Photo and Story By
Patthanid C.
ตามมาเที่ยวจันทบูรณ์ด้วยคะ..
ได้เที่ยวละเอียดดีนะคะ..
ชอบคะ..โหวตให้เลย