BKK - CHANTHABURI :: หาดสวยรีสอร์ท @ หาดเจ้าหลาว

สำหรับทริปนี้จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวจังหวัดจันทบุรี จุดหมายสำหรับทริปนี้คือหาดเจ้าหลาว อยู่ในอำเภอท่าใหม่ ว่ากันว่าที่นี่เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามทางธรรมชาติ มีทรายละเอียดสีแดงเป็นลักษณะพิเศษของหาดทรายเมืองจันทบุรี และที่นี่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมีร้านอาหารทะเลที่ขึ้นชื่อในเรื่องความสดใหม่ล่ะ อีกทั้งมีกิจกรรมอย่างเช่นเรือท้องกระจกบริการนำชมแนวปะการังน้ำตื้นใกล้ฝั่งด้วย

ทริปนี้เราไปกับเพื่อนๆ ที่การบินไทย ไม่ได้เจอกันเสียนานก็เลยนัดไปเที่ยวต่างจังหวัดกันเลยดีกว่า ตอนแรกก็เลือกกันไว้หลายเกาะ แต่ไปๆ มาๆ ก็มาลงตัวที่หาดเจ้าหลาวได้อย่างไรก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือทุกคนที่ร่วมทริปในครั้งนี้ต่างไม่เคยมาหาดเจ้าหลาวกันสักคน ก็นับเป็นข้อดีเพราะไม่ว่าจะออกหัวหรือก้อยก็จะไม่มีการเปรียบเทียบเพราะต่างคนก็ต่างไม่เคยมากันเลย โดยทริปนี้ออกเดินทางกันตั้งแต่ตีห้าครึ่ง โดยวิ่งเส้นถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ - แกลง - จันทบุรี ใช้เวลาเดินทางราวๆ 3 ชั่วโมงเห็นจะได้ จริงๆ แล้วทริปนี้ตั้งใจจะไปเขาคิชฌกูฏเลยออกกันเช้าหน่อย ปลายทางสำหรับวันนี้คือ หาดสวยรีสอร์ท

 รีสอร์ทนี้จะเป็นลักษณะบ้านเดี่ยวและเรือนแถว ราคาก็แตกต่างกันไป พวกเราเลือกบ้านเดี่ยวสองห้องนอน ราคาคืนละ 2500 บาทก็ไม่แพงนะเพราะสามารถพักได้สิบคน แต่ครั้งนี้พวกเรามากันแปดคนมีสี่เตียงคู่ก็ลงตัวพอดีล่ะ หลังจากเดินสำรวจบ้านกันได้สักพักก็เริ่มจะหิวกันแล้วล่ะ รีสอร์ทนี้เค้าอนุญาตให้เราประกอบอาหารได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องเอาเครื่องครัวกันมาเอง ซึ่งพวกเราก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรกันมาเลย ก็หาอุปกรณ์กันข้างๆ ที่พักนั่นล่ะ โชคดีที่มีเตาปิ้งอยู่ ก็เลยตกลงกันว่าจะไปหาซื้ออาหารทะเลมาปิ้งกันดีกว่า เพราะเห็นทางเข้าที่ผ่านมามีร้านขายอาหารทะเล


ตอนแรกตั้งใจว่าจะหาข้าวทานกันก่อน ก็ขับรถกันไปเรื่อยๆ หาร้านอาหารทานข้าว ขับไปจนสุดแหลมเสด็จก็ไม่มีร้านอาหารที่เข้าตากรรมการสักร้าน ก็เลยวนรถกลับมาทางเดิม เลือกร้้านอาหารทะเลมาหนึ่งร้านกะว่าจะทานข้าวกันก่อน แต่เนื่องจากรอนานมากพวกเราจึงตัดสินใจไปกินที่ที่พักดีกว่า ดูแล้วจะเข้าท่าที่สุด ก็เลยเลือกซื้อแต่ของสดไปทำทานกัน ก็มีหอยแครง กิโลล่ะ 60 หอยแมลงภู่กิโลล่ะ 50 บาท ตัวใหญ่ชะมัด แล้วก็ปลาหมึกมีหลายราคาตั้งแต่ 100 บาทไปจนถึง 200 บาทขนาดก็ไม่ผิดหวังเลยล่ะ แต่กุ้งแพงไปหน่อยกิโลละ 500 - 600 บาท ก็เลยไม่ได้ซื้อไป และก็มีหอยหน้าตาแปลกๆ ตัวใหญ่มากๆ ชาวบ้านแถวนี้เรียกว่าหอยพอก เค้าบอกว่าอร่อยก็เลยซื้อมาลองดู กิโลละ 20 บาทเอง จากนั้นก็หาซื้อตะแกรงสำหรับปิ้งและถ่าน เครื่องดื่มเตรียมพร้อมสำหรับเย็นนี้ พอกลับถึงที่พักพวกเราก็นั่งคุยกันสักพักก็สรุปว่าไปทานข้าวที่ชายหาดกันดีกว่า กินกันไปคุยกันไปค่อยกลับมาจัดการกับของสด

ซึ่งต้องบอกว่าเพราะรอกันนานหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาหารที่ที่พักเค้าทำอร่อยเชียวล่ะ แหมไปหากินกันเสียไกล อยู่ใกล้ๆ นี่เอง งานนี้คนที่ดู Enjoy เป็นที่สุดคงหนีไม่พ้นพี่น้ำหวานล่ะ ซึ่งกว่าจะทานมื้อกลางวันกันเสร็จก็ปาเข้าไปจะบ่ายสองแล้วล่ะ พอกลับมาที่พักก็จัดการกับของสดแล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ส่วนพวกผู้ชายก็เริ่มตั้งวงกันแต่หัววันเลยล่ะ ซึ่งหลับกันได้สักพักก็ตื่นมาสอยมะม่วงกินกันซะงั้น ขอบอกว่าที่นี่มะม่วงเด็ดทานกันตามสบายเลยล่ะ

ก็กินมะม่วงกันไป ซี้ดกันไปเพราะเปรี้ยวมาก พวกผู้ชายก็เริ่มเตรียมติดเตากันแล้วล่ะ เตรียมกันไปเล่นกันไปเป็นที่สนุกสนาน

ตอนแรกก็กะว่าจะไปเล่นน้ำทะเลกันก่อน ไปๆ มาๆ เพราะนั่งทานกันไปทานกันมา ติดลมไม่เล่นน้ำทะเลกันซะง้้น

 ซึ่งพอเตาติดสิ่งแรกที่ลงเตาก็คือ หอยพอก ที่เค้าแนะนำมา เป็นหอยคล้ายๆ หอยตลับ แต่ตัวใหญ่กว่ามาก เอามาย่างให้สุก รสชาติดีที่เดียวล่ะ เนื่องจากเราเริ่มย่างกันตั้งแต่หัววันเลยทำให้อาหารเริ่มไม่พอ ก็ต้องออกไปซื้อกันหลายรอบจนเย็น พอใกล้หกโมงก็แบ่งเป็นสองกลุ่มใครอยากเล่นน้ำก็ไป ใครอยากกินเหล้าก็กินกันตามสบาย เราก็เป็นคนกลุ่มแรกเพราะมาทะเลไม่เล่นน้ำทะเลได้อย่างไร ทะเลที่นี่คลื่นสงบมากจนทำให้รู้สึกเหมือนเล่นน้ำอยู่ในสระยังไงยังงั้นเลย
แต่ก็สนุกดีนะ เพราะเล่นกดน้ำกันไปกดน้ำกันมา แหกปากกันลั่นชายหาด พวกเราลงเล่นน้ำกันได้สักพักก็เริ่มมืดแล้วล่ะ ก็เลยเลิกแยกย้ายกันไปอาบน้ำ สำหรับคืนแรกที่นี่ก็ผ่านไปด้วยดี จนตีสองนั่นล่ะถึงจะเลิกกัน แต่ก็นะมาบรรยากาศแบบนี้ที่ไร ก่อนนอนก็เล่าเรื่องผีให้ฟังกันซะงั้น ลมก็พัดมาเป็นวูบๆ บรรยากาศเป็นใจจริงๆ
เจ็ดโมงเช้าแล้ว เสียงเจ๊นกเดินมาปลุกให้ทุกคนตื่น กระโดดทับก็แล้ว เสียงดังก็แล้ว ก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะตื่น เจ๊แกเลยถอดใจไปกินกาแฟสองคนกับเฮียกอฟล์ซะงั้น วินาทีนี้ใครใคร่นอนก็นอนกันไปตามสบาย ทริปนี้เลยเหมือนเปลี่ยนสถานที่กินเหล้าไปโดยปริยาย เพื่่อนๆ บางคนทะเลนี่แทบจะไม่ได้เล่นแตะเลยด้วยซ้ำ
เก้าโมงเช้าเพื่อนๆ ก็เริ่มตื่นกันแล้วล่ะ หลังจากอาบน้ำกันเสร็จก็ไปเดินเล่นริมหาด (จริงๆ เปล่าหรอก หิวเลยไปหาอะไรกิน อิอิ ) แม่เจ้า ทำไมร้อนจังฟะเนี่ย แล้วผู้คนมาจากไหนกันล่ะเนี่ย ตามซุ้มที่นั่งคนเริ่มหนาตาแล้ว


ร้านไก่หมุนโกฮะก็เริ่มเปิดทำการหมุนไก่แล้วล่ะ กลิ่นหอมๆ ของไก่ย่างลอยมาเตะจมูกมันช่างยั่วยวนให้น้ำลายสอเสียนี่กระไร หันไปดูที่ชายหาดผู้คนก็เริ่มลงเล่นน้ำกันแล้วล่ะ


ถึงแม้ชายหาดที่นี้ทรายจะสีน้ำตาลเข้ม แต่น้ำที่นี่ใสแจ๋วเลยล่ะ เสียดายที่คลื่นไม่ค่อยแรงไม่งั้นล่ะเล่นน้ำสนุกแน่ๆ ตอนนี้ทุกคนก็เริ่มทยอยอาบน้ำแต่งตัวกันแล้วล่ะ ระหว่างที่นั่งรอสรุปว่าวันนี้จะไปไหนก็นั่งกินเหล้าไปเรื่อยๆ ไปๆ มาๆ หมดขวดซะงั้น แล้วคนที่กินนี่ก็คนขับทั้งนั้นเลยนะนั่น

พี่ๆ เค้าบอกว่ามันต้อง "ถอน" นั่งคุยกันไปคุยกันมาปาไปจะเที่ยงแล้ว ยังสรุปกันไม่ได้เลยว่าจะไปไหนต่อกันดีวันนี้ ระหว่างที่รอเค้าสรุปกันก็เลยคว้ากล้องมาถ่ายรูปหมู่กันเสียหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่ได้มาด้วยกัน

กว่าจะได้รูปนี้ก็วิ่งอยู่หลายรอบเลยล่ะ เพราะต้องตั้งกล้องจับเวลาล่ะ ซึ่งหากจะว่าไปแล้ว กว่าจะได้มารวมกันก็ยากชะมัด นี่ยังไม่ครบองค์ประชุมนะเนี่ย ขาดเพื่อนๆ พี่ๆ อีกหลายคนเลยล่ะ หลังจากนั่งให้แดดมันเผากันอยู่นานสองนาน ก็ตกลงกันว่าจะไปหาอะไรกินในตัวเมืองจันทบุรี ก็ได้ฤกษ์ออกจากรีสอร์ทเสียที ซึ่งระหว่างที่เรากับเจ๊นกเอากุญแจไปคืนก็ขอถ่ายรูปกับทะเลเสียหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่ได้มาทะเล อิอิ

จากนั้นพวกเราก็ขับรถไปจันทบุรี ก็สักราวๆ 30 กว่ากิโลได้มั้ง โดยจุดหมายต่อไปคือ ร้านปั้นจิ้ม โดยมีน้องจ๊ะเป็นไกด์นำทาง ขับรถอยู่ดีๆ คันหน้าก็จอดข้างทาง พร้อมกับผู้ชายตัวดำๆ เดินอ้วนลงมาบอกว่า "ร้านอยู่ริมน้ำอ่ะ" แต่ดูแล้วมันจะเลย ซะงั้น!! ก็เลยกลับรถขับเข้าไปใหม่ถามคนแถวนั้นจนมาถึงร้านปั้นจิ้ม



บรรยากาศภายในร้านก็ดูร่มรื่นดี ร้านอยู่ติดกับริมน้ำอากาศเย็นสบายดี ก็เลยถามน้องจ๊ะว่า รู้จักที่นี่ได้ยังไง เห็นบอกว่าเพื่อนแนะนำมา ซึ่งพอกลับมาถามเพื่อนที่เคยมาจันทบุรีก็บอกเช่นกันว่า ที่นี่เป็นร้านแนะนำ ระหว่างที่พวกเรานั่งรอสั่งอาหารก็เลยให้เด็กเสริฟ์ช่วยถ่ายรูปให้

แล้วก็สั่งอาหาร ที่นี่เค้ามีอาหารแนะนำคือ เอ็นหอยผัดพริกไทยดำ และเอ็นหอยผัดฉ่า มาถึงที่แล้วก็ต้องลองดูกันเสียหน่อย จากนั้นก็ตามมาด้วยเมนู ปลาสามรส และไล่เลียง (หากผิดก็ขออภัย แต่ชื่อมันประมาณนี้แหละ) ที่เพื่อนจ๊ะแนะนำว่ามาทานครั้งที่แล้วติดใจ


ต่อมาด้วยส้มตำปูม้า และแกงส้มไข่ปลาเรเซียว ห่อหมกมะพร้าวอ่อน โดยส่วนตัวแล้วเมนูที่เข้าตามกรรมการที่สุดเห็นจะเป็นส้มตำปูม้าที่รสชาติจัดจ้านได้ใจ สำหรับมื้อนี้เบ็ดเสร็จประมาณพันนิดๆ ก็โอเคนะ พอเช็คบิลเรียบร้อย ก็ไปทานกาแฟต่อที่ร้านกาแฟหน้าร้านปั้นจิ้ม จำชื่อไม่ได้แต่แนะนำว่า กาแฟอร่อยเชียวล่ะ
สำหรับเมืองจันทบุรีเท่าที่สอบถามเพื่อน AE ที่วิ่งเส้นนี้ประจำแนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวชากังราวอยู่แถวๆ โลตัสเมืองจันทบุรี เห็นเพื่อนบอกว่า รอกันคิวยาวเลยล่ะ เอาเป็นว่าใครผ่านไปก็ลองไปชิมกันดูนะ และอย่าลืมมาเล่าให้ฟังกันล่ะ

ส่วนพวกเราก็พอทานกันเสร็จก็ตีรถกลับกรุงเทพฯ กันเลย เพราะจะหกโมงเย็นแล้วล่ะ แต่เรื่องก็ไม่จบแค่นั้นเพราะบนมอเตอร์เวย์ น้องในรถคนหนึ่งก็เห็นคนวิ่งข้ามถนนบนมอเตอร์เวย์ ซึ่งความเร็วขนาดนั้นคงไม่มีใครกล้าวิ่งข้ามเป็นแน่ๆ เอาเป็นว่าเป็นอะไรก็ลองนึกดูกันเอาเองนะ แต่ที่รู้ๆ เพื่อนจ๊ะหน้าซีดกันเลยที่เดียว เพราะดันเห็นอยู่คนเดียว สงสัยจะท้องเสียจนตาลายม้างน้องเรา อิอิ ...
Create Date : 20 มีนาคม 2552 |
|
8 comments |
Last Update : 17 สิงหาคม 2556 23:33:36 น. |
Counter : 4534 Pageviews. |
|
 |
|
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่