ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
<<
กันยายน 2558
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
3 กันยายน 2558
 
 
Inescapable? สุดห้ามใจรัก? ตอนที่ ๖ (Yuri)



แพรวาจูงลูกๆ ออกจากห้องทำงานของประธานบริษัท ก็เจอกับธีรศิลป์ กรรัตน์ และณิชาที่กำลังเดินตรงรี่มาหา

“เจอเจ้าตัวแสบแล้วสินะ” กรรัตน์ทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นึกโล่งอกไปด้วยที่พวกเด็กๆ ปลอดภัย

“หนูไม่ใช่ตัวแสบสักหน่อย” พิมพ์เดือนเถียงกับอีกฝ่าย พร้อมทำหน้าบึ้งแก้มป่อง ไม่ชอบที่ผู้ใหญ่เรียกขานแบบนั้น ทั้งที่ตนเองกับพี่สาวซนมากก็ตาม

“จ้า ไม่แสบน้อยเลยเรา” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดหัวเราะ ยกมือลูบศีรษะน้อยๆ ของหลานสาวอย่างเอ็นดู เธอชอบแฝดน้องที่ดูห้าวๆ แก่นๆ

ธีรศิลป์ก้มลงอุ้มพิมพ์ดาวขึ้นในวงแขน

“แล้วดาวล่ะเป็นไงบ้างคะ? ทานข้าวหรือยังคะ?” เขาถามเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน

“ยังคะ แม่แพรกำลังจะพาไปทาน” แฝดพี่ตอบเสียงแผ่ว ค่อนข้างเรียบร้อยกว่าแฝดน้องมาก

“งั้นพวกเราไปทานพร้อมกันดีไหม?” ชายหนุ่มพูดกับแม่ของเด็ก อีกไม่กี่นาทีก็จะเที่ยงอยู่แล้ว

“ค่ะ” หล่อนพยักหน้ารับปาก แล้วอุ้มพิมพ์เดือนขึ้นในวงแขน

“ใครเป็นคนพาพวกเด็กๆ มาส่งล่ะ?” ณิชาเอียงหน้ามาถามเพื่อนสนิทด้วยความอยากรู้ ขณะเดินคู่กันในแถวหน้า ปล่อยให้คนรักกับธีรศิลป์เดินอยู่ด้านหลัง

“คุณโยธกา แล็บ ๔ น่ะ” ร่างบางตอบคำถาม แล้วใบหน้าคมของเธอคนนั้นก็ลอยเด่นชัดขึ้นในสมอง ทำให้อดยิ้มน้อยๆ ออกมาไม่ได้

ทั้งสามทำหน้าแปลกใจ และเมื่อเข้าไปในห้องอาหารสำหรับฝ่ายบริหาร จึงเริ่มซักถามรายละเอียด หล่อนเล่าไป ป้อนข้าวให้กับพิมพ์เดือนไปด้วย

ส่วนธีรศิลป์รับหน้าที่ดูแลพิมพ์ดาว ซึ่งเขาทำได้เป็นอย่างดี จนทำให้หลายคนที่พบเห็นอดคิดไม่ได้ว่า...เขาเป็นคนพิเศษของแพรวา หรือไม่ก็เป็นพ่อของเด็กแฝด แต่แพรวาเฉยเสีย ไม่เคยตอบคำถามลักษณะนี้เลยสักครั้ง มีแต่รอยยิ้มพิมพ์ใจเป็นคำตอบ...ส่วนใครจะคิดอะไร คาดเดาอะไรก็ตามใจ หล่อนไม่มีสิทธิ์ไปห้ามปรามความนึกคิดของใครได้

ธีรศิลป์อายุมากกว่าหล่อนสามปี เป็นลูกเพื่อนรักของพ่อ ทำให้เขาสนิทสนมกับแพรวามาตั้งแต่เด็กๆ เป็นลูกเศรษฐีที่มีหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่งเกือบ ๑๘๐ เรียนจบปริญญาตรีและโทจากอเมริกา นิสัยใจคอดี และเป็นสุภาพบุรุษที่หาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน

แต่น่าแปลกที่ชายหนุ่ม ‘ไม่มี’ ข่าวเรื่องคบหากับใครเลยสักคน จนเกิดข้อกังขาว่า...ธีรศิลป์เป็นพวกชื่นชอบ ‘ป่าไม้’ หรือเปล่า? แต่ผู้จัดการฝ่ายผลิตคนนี้ก็หาแยแสกับเรื่องนี้ไม่

“ตกลงที่พรีเซนต์วันนี้ คิดยังไงกัน?”

กรรัตน์เปลี่ยนเรื่องคุย หลังรู้เรื่องการผจญภัยของลูกแฝดจนหมด บ่อยครั้งที่เธอเลือกปรึกษาเรื่องงานบนโต๊ะอาหารหลังทานเสร็จ แทนที่จะใช้การประชุมโต๊ะกลม สาวร่างใหญ่เชื่อว่า ‘คุยช่วงเวลานี้’ สมองจะแล่นดีกว่าปกติ เพราะเซลล์สมองได้รับอาหารมาหล่อเลี้ยงใหม่ๆ แต่จำไม่ได้ว่า นักวิทยาศาสตร์คนไหนเป็นคนกล่าวไว้

“ผมว่าผลิตภัณฑ์ของแล็บ ๓ กับ แล็บ ๔ น่าสนใจ” ชายหนุ่มคนเดียวของกลุ่มพูดขึ้นก่อน

“ฉันก็คิดแบบนั้น” ณิชา ผู้จัดการฝ่ายการเงินเห็นพ้องด้วยกันกับเขา แต่เมื่อพิจารณาจากงบวิจัยที่ทั้งสองแล็บเสนอมา สาวแว่นเอนเอียงไปทางแล็บ ๔ มากกว่า...เพราะถูกกว่าเกือบ ๑๕%

“แล้วเธอคิดว่าไงรัตน์?” แพรวาหันไปถามเพื่อนสนิท

หล่อนมักจะเป็นคนสุดท้ายที่เสนอความคิดก่อนการตัดสินใจ และหากเป็นไปได้อยากศึกษาข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียดก่อน ไม่อยากพลาดสิ่งละอันพันละน้อยที่เขียนไว้ในเอกสาร

ผู้จัดการฝ่ายการตลาดนิ่งคิดก่อนเอ่ยขึ้น

“จริงอยู่ ที่สองแล็บเสนอผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจทั้งคู่ แต่ในแง่การพัฒนาต่อยอด ฉันมองว่าสินค้าของแล็บ ๔ น่าจะโดนใจลูกค้ามากกว่า”

กรรัตน์อ่านสถิติของฝ่ายวิจัย ที่สำรวจความต้องการของลูกค้าทุกไตรมาส ซึ่งมีความต้องการครีมบำรุงผิวที่ช่วยให้ดูดีขึ้นในเวลาอันสั้น ทำให้ผิวขาวเรียบเนียน กระชับรูขุมขน ลดรอยสิวฝ้า และกันแดดได้ด้วยจะโดนใจมากเป็นพิเศษ

แพรวาคิดตามคำพูดของผู้จัดการสามฝ่าย แล้วสายตาคู่สวยดุหันไปมองลูกสาวสองคนที่นั่งมองตาปริบๆ ประมาณว่า เมื่อไหร่จะลุกเสียที? หล่อนจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมา ยกมือเรียวขึ้นลูบผมนุ่มยาวประบ่าของพิมพ์เดือน

'คงเบื่อแย่แล้วสินะ'

หล่อนนึกเดาจากท่าทางของลูกสาว

“ขอฉันอ่านเอกสารก่อน แล้วอีกสามหรือสี่วัน ค่อยสรุปได้ไหม?” หล่อนขอยืดเวลาออกไปอีกหน่อย

“ก็ได้” กรรัตน์เห็นด้วย

ขณะที่ผู้จัดการอีกสองคนพยักหน้าแทนคำตอบ เพราะทุกคนต้องกลับไปพิจารณารายละเอียดใหม่อยู่แล้ว

“ตอนนี้ไปทำงานกันดีกว่า” หล่อนเอ่ยชวน หอมแก้มเด็กน้อยทั้งคู่เบาๆ ลุกขึ้นยืนแล้วอุ้มแฝดน้องขึ้น พิมพ์เดือนหัวเราะคิกคัก กอดคอเรียวของมารดาไว้ ขณะที่ธีรศิลป์อุ้มพิมพ์ดาวขึ้น ทั้งหมดออกจากห้องอาหาร แพรวาก้าวพ้นประตูไปแค่ไม่กี่ก้าว

“แม่โย!” พิมพ์เดือนตะโกนเรียกชื่อผู้หญิงร่างสูงที่กำลังจะเดินสวนอย่างยินดี

'แม่โย?'

กรรัตน์ทวนคำอย่างสงสัย หันสบตากับสาวแว่นเหมือนรู้กัน ขณะที่ชายหนุ่มแค่ยืนฟังเฉยๆ

'ท่าทางจะยังไม่ชินกับคำว่าแม่'

แพรวานึกเดาจากคนตรงหน้าที่ทำหน้าแปลกๆ ที่มีสีเรื่อขึ้น ชวนมองมากขึ้นจนหล่อนอดยิ้มออกมาไม่ได้

“ไง เจ้าหญิงน้อยทั้งสอง เจอกันอีกแล้ว” โยธกาทักเด็กแฝด ก่อนเอียงหน้าสบตากับแม่เด็กที่ส่งยิ้มชวนละลาย ให้หัวใจเธอเต้นแรงรัวโดยไร้เหตุผล

“คุณโยธกา” แพรวาเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างให้เกียรติ

“สะ สวัสดีค่ะคุณแพรวา” นักวิจัยสาวทักตอบอย่างเงอะงะ ในมือถือจานสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมากุ้งกับโอเลี้ยง

อันที่จริง สาวร่างสูงควรจะลงมาทานกลางวันตั้งแต่เที่ยง หากแต่ความอยากรู้อยากเห็นกระตุ้นให้เธอนั่งเปิดเว็บไซด์ของบริษัท เพื่ออ่านประวัติของแพรวา รวมถึงเปิดอีกหลายเว็บโดยเฉพาะ Youtube ที่หล่อนเคยถูกสัมภาษณ์ ซึ่งล้วนแล้วแต่ดูดีมีความเป็นมืออาชีพสูงมาก

...แต่น่าแปลกตรงที่ ไม่ยักพบข้อมูล ‘สามี’ ของหล่อนเลยสักนิด แพรวายังคงใช้คำนำหน้าเป็น ‘นางสาว’ ใช้นามสกุลเดิม และลูกแฝดก็ใช้นามสกุลเดียวกันกับหล่อนอีกด้วย กว่าจะรู้ตัว เวลาก็ผ่านไปเร็วเหมือนติดจรวด จน ๑๒.๓๐ น. เธอจึงลงมาทานอาหารมื้อเที่ยงเพียงลำพัง หลังสมาชิกคนอื่นของแล็บลงมาทานกันก่อน

สาวสวยเลิกคิ้วเรียวขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ เป็นครั้งแรกที่ได้ยินโยธกาเรียกชื่อจริงของหล่อน

“เพิ่งลงมาทานอาหารเหรอคะ?” แพรวาถามอย่างสุภาพ

“ค่ะ” คนฟังรับคำเบาๆ

“น่าอร่อยจัง ร้านไหนเหรอคะ?”

“ร้านที่สามจากขวาค่ะ” ร่างสูงตอบ เอี้ยวตัวมองไปยังร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำของตน

“ไว้ฉันจะลองทานดู” รองประธานสาวพูดอย่างจริงจังนุ่มนวล “ขอตัวก่อนนะคะ”

“เชิญค่ะ” โยธการีบพูดอย่างลนๆ ไม่ชินเลยที่จะคุยกับคนระดับผู้บริหาร แถมยังมีสายตาหลายคู่ที่จับจ้องอย่างสนใจ ทำเอาประหม่าไม่น้อย เบนสายตามองไปยังพิมพ์เดือนที่ยิ้มร่า โบกไม้โบกมือให้อีกต่างหาก แต่มือเธอไม่ว่างจึงได้แต่พูดร่ำลาแทน “บายนะเด็กๆ”

“บายค่ะแม่โย” เด็กแฝดคนพี่พูดบ้าง ส่งยิ้มกว้างเต็มหน้าอย่างมีความสุข

โยธกาแยกเดินไปหาที่นั่งรับประทานอาหาร

ขณะที่แพรวานำขบวนไปขึ้นลิฟต์ แม้จะทำหน้านิ่งๆ แต่อดอมยิ้มในหน้าไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเวลาเจอโยธกา หล่อนรู้สึกมีความสุขแบบบอกไม่ถูก และเมื่อนึกถึงใบหน้าที่เขินอายยิ่งชวนมองมากขึ้น แต่แล้วหญิงสาวก็หุบยิ้ม เม้มริมฝีปากอุ่นจนเกือบเป็นเส้นตรง

'อย่าคิดอะไรฟุ้งซ่านนะแพรวา'

นึกเตือนตัวเองในใจ

กรรัตน์กับณิชาลอบสังเกตอากัปกิริยาของแพรวา ที่ดูมีความสุข แล้วเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างไม่เข้าใจ แต่พวกเธอแอบเดาว่า สิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจของเพื่อนสนิทนั้น น่าจะเกี่ยวข้องกับนักวิจัยสาวที่ชื่อ ‘โยธกา’

ส่วนธีรศิลป์ที่ปกติมีรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้าเสมอ ทำหน้านิ่งเหมือนแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ นัยน์ตาสีเข้มเหลือบมองแพรวาบ่อยๆ อย่างกังวลใจ ไม่อยากให้ลางสังหรณ์ของตนเองถูกต้องเลยจริงๆ


แพรวาพาลูกแฝดมานั่งเล่นในห้องทำงานของตน ซึ่งแน่นอนว่ามีกล่องของเล่นชิ้นโปรดของเด็กๆ วางอยู่ใต้โต๊ะกระจก...ชุดตัวต่อเลโก้

“นั่งเล่นกันตรงนี้ก่อนนะคะ ขอแม่ทำงานก่อน” หล่อนบอกกับลูกทั้งสองให้นั่งที่บนโซฟาตัวใหญ่ที่อยู่มุมขวามือในห้อง

“ค่ะ” สองเสียงเล็กๆ ตอบ และเริ่มเอากล่องตัวต่อมาเปิด

ผู้เป็นแม่ยกมือลูบศีรษะน้อยๆ ทั้งสอง ก่อนลุกไปนั่งเก้าอี้ทำงาน เพื่อสะสางเอกสารที่ต้องพิจารณาในแต่ละวัน หยิบแฟ้มที่เพิ่งได้รับมาในวันนี้...แฟ้มของ ๔ แล็บ แต่เปิดอ่านไปได้ไม่กี่หน้า สายภายในก็ดังขึ้น จึงเอื้อมมือไปกดรับ

“แพรวาค่ะ”

“คุณแพรคะ คุณวิไลขอพบค่ะ” อุทุมพรเลขาฯ วัยสามสิบห้าปีของหล่อนถามเหมือนขออนุญาต

'จะมาทำไมกัน?'

รองประธานสาวคิดในใจอย่างเบื่อๆ กับ ‘แขกไม่ได้รับเชิญ’

“เชิญค่ะ” ได้แต่พูดไปตามมารยาท

แล้วประตูไม้บานหนาก็ถูกผลักเข้ามา ก่อนปิดสนิทลง แพรวาปิดแฟ้มงานตรงหน้า แล้วหยิบวางไว้ที่กองทางขวามือ ส่งยิ้มฝืดเฝือให้กับ ‘อดีต’ คนรักของตน

วิไลเป็นนางแบบอาชีพที่เคยโด่งดังระดับ Top 5 ของประเทศเลยทีเดียว อายุรุ่นราวคราวเดียวกับแพรวา ใบหน้าสะสวยที่ปรุงแต่งจนดูคมเฉี่ยวสะดุดตาเหลือเกิน ใส่เสื้อผ้ารัดรูปกระโปรงสั้นแค่คืบเศษ ถุงน่องสีเนื้อ ใส่ส้นสูงร่วมสามนิ้ว รูปร่างสูงโปร่ง ๑๖๘ เซนติเมตร กำลังเยื้องย่างอย่างช้าๆ ราวกับเดินอยู่บนแคทวอล์ค ในมือถือถุงกระดาษหลายใบซึ่งดูแวบแรกก็รู้ว่า เป็นถุงสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง

เธอไม่ได้นั่งเก้าอี้ว่างตรงหน้าสำหรับแขก แต่เลือกที่จะนั่งขอบโต๊ะทำงานของอีกฝ่าย ไขว่ห้างด้วยท่าทางยั่วยวนเสียเหลือเกิน ชายกระโปรงที่สั้นนั้นร่นขึ้น จนแทบจะเห็นไปถึงไหนๆ

แพรวาเบือนหน้ามองสูงขึ้น ไม่สนใจจะมองยัง ‘หลุมพราง’ ตามที่อีกคนต้องการ หล่อนรู้ซึ้งถึงทุกกลเม็ดเด็ดพรายที่วิไลเคยใช้เป็นอย่างดี

'ฉันไม่หลงกลเธอหรอกนะ'

หล่อนคิดอย่างเบื่อๆ

“ไม่ได้เจอกันตั้งสองอาทิตย์ แพรสบายดีหรือเปล่าคะ?” นางแบบสาวถามเสียงอ่อนเสียงหวานออดอ้อน ด้วยวิธีการที่เคยทำให้หล่อนหลงรักหัวปักหัวปำ

แพรวาเอนหลังพิงเก้าอี้ตัวสูง ประสานสองมือไว้ที่ขอบโต๊ะ จ้องใบหน้าชวนมองของอีกคนด้วยสายตานิ่งๆ ข่มความไม่พอใจเอาไว้ภายใน

“ดิฉันสบายดีตามอัตภาพค่ะ” ตอบเสียงเย็นเยือก “ไม่ทราบว่าคุณวิไลให้เกียรติมาถึงที่นี่ มีอะไรให้ดิฉันรับใช้ค่ะ”

ร่างบางรู้จักนิสัยใจคอของนางแบบสาวดีว่า การแวะมาหาหล่อนบ่อยๆ ในรอบสองเดือนนี้ ไม่ใช่แค่ทักทายฉันมิตรหรือคนเคยรู้จัก หากแต่ต้องมีผลประโยชน์บางอย่างแอบแฝงอยู่ ถ้ารักกันหรือมีเยื่อใยต่อกันจริง ตอนนั้นคงไม่นอกใจกัน และหากคิดจะมารื้อฟื้นความหลัง หลังจากผ่านไปเกือบห้าปี ก็สายเกินไปเสียแล้ว

…คนอย่างแพรวาไม่ยอมให้วิไลมา ‘สนตะพาย’ เป็นครั้งที่สองแน่ เจ็บแล้วจำฝังใจฝังกระดูก

“แหม ทำไมแพรถึงพูดเป็นทางการกับวิไลแบบนั้นล่ะคะ วิไลเพิ่งกลับจากไปเดินแบบที่อเมริกาเมื่อคืน พอลุกได้ก็รีบแวะมาหาแพรเลยนะคะเนี่ย” ไม่พูดเปล่า ยกมือขึ้นหมายลูบแก้มเนียนของอีกฝ่าย หวังกล่อมให้คนตรงหน้าเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของเธอ...วิธีที่เคยใช้ได้ผล

แพรวายกมือขึ้นปัดไว้ ก่อนที่มือบอบบางของวิไลจะสัมผัสใบหน้าของตน

“อย่าค่ะ เด็กๆ มองอยู่” หล่อนใช้พวกลูกๆ เป็นข้ออ้างไม่ให้อดีตคนรักแสดงอะไรที่รุ่มร่ามออกมา...แทบไม่ให้สัมผัสตัวกันเลยทีเดียว

แต่มีหรือที่วิไลจะไม่รู้ แม้จะนึกรำคาญกับ ‘สองเรือพ่วง’ ที่ดูจะขัดหูขัดตา และเป็นอุปสรรคกับการ Return ของตน นางแบบสาวไม่ชอบสองพิมพ์และเด็กๆ ก็ไม่ค่อยชอบเธอนัก

แต่นางแบบสาวตั้งใจจะคืนดีกับหล่อนให้จงได้ ด้วยเหตุผลสำคัญสองประการคือ หนึ่ง เธอยังคงรักและต้องการอีกฝ่าย และสอง หล่อนมีทุกอย่างที่เธอต้องการ...ทรัพย์สมบัติและชื่อเสียง

เธอเอี้ยวตัวไปทางโซฟา แล้วพบว่าพิมพ์ดาวกับพิมพ์เดือนมองตรงมาทางนี้จริงๆ จึงแสร้งส่งยิ้มให้

“ดาวกับเดือน คิดถึงน้าวิไลบ้างหรือเปล่าคะ?” เอ่ยถามเสียงหวาน

เด็กแฝดนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จนแพรวาต้องเอ่ยปากเตือนลูกสาวทั้งสอง ไม่อยากให้แสดงท่าทีไม่น่ารักออกมา

“ตอบน้าวิไลสิคะลูก”

พิมพ์ดาวเม้มริมฝีปากเล็กๆ แน่น แสดงอาการไม่พอใจ จ้องหน้าอีกฝ่ายตาแทบถลน

ไม่ชอบ ไม่คิดถึง...แบร่

“ไม่ค่ะ” เสียงเล็กแหลมของพิมพ์เดือน โพล่งออกมาแทบไม่ต่างจากตะโกน

'ร้ายกาจจริงๆ เด็กพวกนี้'

วิไลนึกฉุนที่ได้รับคำตอบชวนหน้าแหก

'สมกับเป็นลูกฉันจริงๆ'

แพรวาคิดแบบสะใจ แต่ไม่แสดงออกบนใบหน้า นึกขำที่นางแบบสาวทำหน้าเสียความรู้สึก

วิไลรีบเก๊กหน้า แสร้งยิ้มหวาน และพูดเสียงอ้อนๆ

“แต่น้าวิไลคิดถึงเดือนกับดาวมากนะคะ”

เด็กหญิงสองคนมองหน้ากัน แล้วเบือนหน้าหนีคนช่างพูด ก่อนหันไปสนใจเล่นเลโก้ต่อ ไม่คิดจะคุยกับแขกของมารดาอีกต่อไป

'กล้าเมินฉันเหรอเนี่ย...แสบมาก'

วิไลคิดอย่างแค้นๆ เธอกะเอาคืนเด็กสองคนหากได้เป็นคนรักกับแพรวาอีกครั้ง แต่ตอนนี้ได้แต่เก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ก่อน

“ขอโทษแทนเด็กๆ ด้วยนะคะ” ร่างบางพูดออกหน้าแทนสองพิมพ์ ที่ดูจะเย็นชากับวิไลมากเป็นพิเศษ แต่ถ้าจะพูดไปแล้ว ลูกๆ ก็ไม่ค่อยสนใจคนที่มา ‘จีบ’ หล่อนอยู่แล้วเป็นปกติ

...แค่ดูจะไม่ชอบวิไล จนถึงระดับชิงชังมากเป็นพิเศษ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแพร เด็กๆ ก็แบบนี้แหละ” เธอจีบปากจีบคอตอบแบบใจกว้างประดุจมหาสมุทร

“แล้วมาหาดิฉันนี่ มีธุระอะไรหรือคะ?” รองประธานเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อยากให้อีกฝ่ายมานั่งอยู่นานเกินไป รู้สึกขัดหูขัดตา

“อ๋อ วิไลเอาน้ำหอมมาฝากแพรค่ะ แล้วก็ขนมฝากคุณพ่อคุณแม่ แล้วก็ฝากเดือนกับดาวด้วยนะคะ” นางแบบสาววางถุงกระดาษสามใบที่มีแบรนด์เนมชื่อดังจากอเมริกาตรงหน้าเจ้าของห้อง

แพรวาชำเลืองมองถุงของฝากด้วยใบหน้านิ่งๆ แม้จะรู้สึกดีใจที่อีกคนจำได้ว่าหล่อนชื่นชอบยี่ห้อไหนเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หัวใจพองฟูโตเหมือนก่อน ลางสังหรณ์ยังคงย้ำเตือนว่า การกลับมาของวิไลครั้งนี้...‘ไม่น่าไว้วางใจ’

“ขอบคุณค่ะ” เอ่ยปากตามมารยาท และนิ่งรอดูท่าทีต่อ ร่างบางมั่นใจว่า วิไลต้องแบไพ่ต่อไปในเร็วๆ นี้แน่ ด้วยผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนที่มีน้ำอดน้ำทนอะไรนัก...ถือตัวและหยิ่งยโสจะตายไป

หลายครั้งที่แพรวาอดสงสัยตัวเองไม่ได้ว่า ‘ตอนนั้น’ หล่อนรักวิไลเข้าไปได้อย่างไร?...รักแบบหน้ามืดตามัวเสียด้วย

“วิไลได้ข่าวว่า จีคอสต้องการนางแบบเป็นพรีเซนต์เตอร์ครีมบำรุงผิวคนใหม่ จริงหรือเปล่าคะ?” เธอเลียงๆ เคียงๆ ถาม โดยหวังจะรู้ข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์กับตัวเองบ้างสักนิดก็ยังดี

'ในที่สุดก็แสดงธาตุแท้ออกมาจนได้'

นัยน์ตาคู่สวยของแพรวาฉายแวววิบวับในเสี้ยววินาที ก่อนกลับสู่สภาพปกติโดยที่คนถามไม่ทันสังเกต เดาจุดประสงค์แท้จริงของวิไลได้ในทันที

“ที่ประชุมยังไม่ได้สรุปเรื่องนี้ค่ะ” สาวสวยตอบเสียงเรียบ

“งั้นเหรอคะ” วิไลทำหน้าครุ่นคิด แล้วพูดตื้อต่อ “ถ้าแพรอยากได้นางแบบ วิไลช่วยได้นะคะ ค่าตัวไม่แพงเลย” รีบเสนอตัวเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมออดอ้อน

หากได้งานของจีคอสไม่ใช่แค่ได้ค่าตัวงาม หากแต่จะทำให้กลับสู่ตำแหน่ง Top 5 ของวงการได้ไม่ยาก

แม้วิไลจะ ‘เคย’ เป็นนางแบบชั้นแนวหน้าระดับต้นๆ ของประเทศ แต่ด้วยวัยที่ร่วงโรย ประกอบกับมีนางแบบรุ่นน้องเข้าสู่วงการมากขึ้นทุกวัน ทำให้เธอไม่ค่อยมีงานชุกชุมเหมือนก่อน รายได้เริ่มหดหายจนแทบไม่พอกับรายจ่ายที่เคยใช้อย่างมือเติบฟุ้งเฟ้อ ตอนนี้เธอกำลังตกต่ำ และใกล้จะตกอับ

อาชีพนางแบบวัยย่าง ๒๘ นั้น ถือเป็นช่วงท้ายๆ ของการทำงานที่ต้องกอบโกยเงินและชื่อเสียงให้ได้มากที่สุด ก่อนจะออกจากวงการหันไปประกอบอาชีพอื่น

...ความงามของหน้าตารูปร่างเป็นสิ่งอนิจจังไม่เที่ยงแท้ แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็รักสวยรักงามเป็นปกติ

และถ้าเป็นไปได้ ต้องรีบหาใครสักคนที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบเป็นที่พึ่งพิงเป็นคู่ชีวิตจะได้สบายไปทั้งชาติ ซึ่งนางแบบสาวคิดถึงแพรวาเป็นตัวเลือกแรก หล่อนทั้งสวยทั้งเก่ง ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอนอกใจและทิ้งอีกฝ่ายไปในตอนนั้น อาจเพราะ ‘คิดว่า’ เจอคนที่ดีกว่า แต่สุดท้ายก็เลิกรากับคนนั้นไป...คิดถึงตอนนั้นทีไร ก็เสียใจไม่น้อย

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอรักๆ เลิกๆ กับหลายคนซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนดังมีฐานะร่ำรวย แต่ไม่มีใครตราตรึงหยั่งลึกในความรู้สึกมากมายเท่ากับหล่อนสักคน จึงคิดกลับมาง้องอนเพื่อเริ่มต้นใหม่ แม้จะมีเรือพ่วงถึงสองลำ แต่นางแบบสาวเชื่อว่า ‘เธอรับมือได้’

“ถ้าจีคอสจะหานางแบบเราจะเป็นฝ่ายแจ้งไปค่ะ...คุณวิไลก็รอการติดต่อจากจีคอสนะคะ” แพรวากล่าวเสียงเรียบแต่แฝงการปฏิเสธที่นุ่มนวลอยู่ในนั้น

นางแบบสาวหน้าเสียไปแวบหนึ่ง ก่อนแสร้งยิ้มหวานสุดๆ เท่าที่จะทำได้ให้กับอดีตคนรัก

“ถ้างั้นวิไลจะรอนะคะ...รออย่างมีความหวัง” เธอออดอ้อนด้วยวิธีที่ครั้งหนึ่งเคยใช้ได้ผลกับหล่อน และไม่คิดจะอยู่เซ้าซี้ให้อีกคนรำคาญ “ถ้าอย่างนั้นวิไลกลับก่อนนะคะ บายค่ะ”

นางแบบสาวส่งสายตาละห้อย ลอบชำเลืองมองเด็กแฝดที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเล่น โดยไม่มีทีท่าสนใจเธอเลยสักนิด นึกขุ่นเคืองแต่ไม่กล้าแสดงอะไรออกมา หันมาโบกมือให้หล่อนอีกครั้ง แล้วออกไปโดยดี

แพรวาส่งยิ้มน้อยๆ ให้ ดูวิไลที่ค่อยๆ เยื้องย่างออกไปจากห้อง

'เฮ้อ! ไปเสียที'

ร่างบางเผลอเป่าลมหายใจออกทางริมฝีปากอย่างโล่งอก ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่า ‘เคย’ รักผู้หญิงร้ายกาจคนนี้เข้าไปได้อย่างไร? แล้วใบหน้าคมของโยธกาก็ผุดขึ้นมาในสมอง ทำให้นึกอดนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้

'ช่างเป็นสองคนที่แตกต่างกันเหลือเกิน'

แพรวาส่ายหน้าแล้วอมยิ้ม ไม่รู้ทำไมถึงได้คิดถึง ‘แม่โย’ ขึ้นมา ดูเหมือนวันนี้อีกคนจะแวะเข้ามารบกวนระบบความคิดหลายหนเกินไป จนน่าแปลกใจ

หญิงสาวหันไปมองลูกสาวสองคนที่ยังเล่นสนุกอยู่ แล้วหล่อนก็กลับไปสนใจงานของตัวเองต่อ โดยตั้งใจจะกลับบ้านให้เร็วกว่าทุกวัน และหวังว่าจะไม่มีอะไรมาขัดจังหวะการทำงานอีก

OoXoO

ขอแจ้งข่าวดีสำหรับผู้ต้องการหนังสือ คาดว่าจะเปิดให้จองให้การอัพครั้งหน้านะคะ หากท่านใดสนใจ ก็ติดตามข่าวสารกันได้ที่นี่ค่ะ

สำหรับอีบุค จะให้เสร็จภายในเดือนกันยายนนี้แน่นอน อย่าเพิ่งน้อยใจกันนะคะ รอนิดนึง

ขอบคุณที่กรุณาติดตาม

นาง

OoXoO



Create Date : 03 กันยายน 2558
Last Update : 3 กันยายน 2558 23:46:05 น. 1 comments
Counter : 687 Pageviews.

 
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:18:27:23 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com