"หมูพิษณุโลก" ป่วยตายยก 2 หมู่บ้าน โดยไม่ทราบสาเหตุ!
เมื่อเวลา 15 .00 น. วันที่ 22 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ได้เกิดโรคระบาดอย่างหนักในสุกร ของชาวบ้านนาชักหวาย หมู่ 6 ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก จนเกิดล้มตายไปกว่า 200 ตัว และยังทยอยตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยยังไม่ทราบสาเหตุ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ มีกลุ่มชาวบ้านที่เลี้ยงหมูจำนวนหนึ่งมารวมตัวกัน เพื่อรอเจ้าหน้าที่จากปศุสัตว์ อ.บางระกำ มาตรวจสอบ โดยมีนางนิตยา ทองเปลี่ยง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/1 หมู่ 6 บ้านนาชักหวาย อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ได้พาดูฟาร์มเลี้ยงสุกร ซึ่งอยู่ด้านหลังบ้าน พบว่ามีลูกสุกร และแม่หมูพันธ์ล้มตายไปแล้วประมาณ 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา และทยอยตายลงเรื่อย ๆ ทุกวัน

นางนิตยา กล่าวว่า ตนเปิดฟาร์มเลี้ยงหมูมานานประมาณ 7 ปี ไม่เคยเจอโรคประหลาดดังกล่าวมาก่อนเลย ซึ่งก่อนเกิดโรคระบาดประมาณ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา มีแม่พันธ์ 1 ตัว มีอาการซึมไม่กินอาหาร ไม่ยอมลุกขึ้น ไอ จาม หอบจัด และมีน้ำมูก และแท้งลูกในที่สุด ตลอดทั้งยังมีเลือดไหลออกจาสกปากจมูกอีกด้วย หลังจากนั้นหมูที่เลี้ยงในฟาร์มเมทยอยล้มตายจากอาการลักษณะเดียวกัน ทั้งพ่อพันธุ์ แม่พันธ์ และลูกหมู โดยขณะนี้แม่พันธ์ที่เลี้ยงตายไปจำนวน 20 ตัว พ่อพันธุ์ 1 ตัว และลูกหมูอีกกว่า 100 ตัว ต่อมามีเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์มาเอาลูกหมูที่เป็นโรคยังไม่ตายไปพิสูจน์ แต่ยังไม่ทราบผล

นายนวล พุ่มพวง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 บ้านนาชักหวาย เปิดเผยว่า โรคที่ระบาดเริ่มจากบ้านของนางนิตยาก่อน จากนั้นชาวบ้านในละแวกที่เลี้ยงหมูก็ประสบปัญหาโรคระบาดเช่นกัน โดยในหมู่บ้านมีผู้เลี้ยงหมูที่สำรวจขณะจำนวน 25 ราย รวมจำนวนหมูที่เลี้ยง 325 ตัว ปรากฏว่าเป็นโรคตายไปจำนวน 221 ตัว ซึ่งทางผู้เลี้ยงต่างพยายามหาวิธีฉีดยารักษาแต่ไม่เป็นผล ทำให้หมูตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน จึงได้แจ้งให้ทางปศุสัตว์อำเภอมาตรวจสอบ

นายนวล กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีคนต่างถิ่น นำหมูชำแหละมาเร่ขาย ในราคาถูก 80 บาท คาดว่า หมูในหมู่บ้านคงรับเชื้อโรคติดมาด้วย จากนั้นก็มีคนต่างถิ่นมาซื้อหมูในหมู่บ้านตนไปชำแหละขายกิโลกรัมละ 60 บาท และราคาก็ลดต่ำจนเหลือกิโลกรัม 30 บาทกระทั่ง กระทั่งวันนี้ นำหมูแจกฟรีๆเป็นตัว แก่วัดในหมู่บ้าน ก็ไม่มีใครกล้าชำแหละหมูไปทำกิน แต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่า เป็นจังหวะของพ่อค้าหมูที่ไม่ทราบข่าว รับซื้อหมูใน 2 หมู่บ้านไปชำแหละขายต่อที่ตลาดสดในตัวอำเภอบางระกำ นอกจากนี้ทราบว่า ยังมีหน่วยงานกรมราชฑัณ ค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก รวมถึงโรงงานแหนม ที่ถือว่า ได้จังหวะซื้อหมูถูก นำไประกอบอาหาร แต่ปัจจุบันนี้ ก็ไม่มีใครกล้าซื้อในหมู่บ้านนาชักหวายและบ้านยมราช ที่เกิดหมูตายไม่ทราบสาเหตุ

นางประหยัด ช่างพินิจ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/1 หมู่ 6 บ้านนาชักหวาย อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ตนเลี้ยงหมู 200 ตัว หลังเกิดโรคระบาด หมูตายไปจำนวน 180 ตัว ซื้อยาอะไรมาฉีดรักษาก็ไม่หาย แต่ละวันจะมีหมูตายเพิ่มเป็นจำนวนมาก จนขุดหลุมฝังไม่ไหว จึงได้นำซากลูกหมูไปทิ้งที่สระน้ำ

นางประหยัด ช่างพินิจ อายุ 52 ปี ชาวบ้าน ม.6 ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ เปิดเผยว่า หมูตนเริ่มป่วยและตายอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีอาการซึม ไม่กินอาหาร คล้ายเป็นไข้ ไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไร ปรึกษาปศุสัตว์ได้ทดลองยามาฉีดทุกชนิด แต่ก็ไม่หาย หมูไม่ยอมกินอาหารและตายทุกวัน ลูกหมูจะตายมากที่สุด ส่วนแม่หมูก็ตายไปหลายตัว ก่อนตายก็จะไอ แล้วมีเลือดออกตามปาก จมูก ถ้าตั้งท้องก็จะแท้งลูก ของตนตายมาแล้ว 120 ตัว ขาดทุนไม่รู้เท่าไหร่ เฉพาะค่าอาหารที่เลี้ยงก็วันละ 5,000-6,000 บาท

“แรก ๆ ที่หมูตายใหม่ ๆ ก็ใช้วิธีฝังดิน แต่เมื่อเริ่มตายมาก ๆ ชักไม่ไหว ตนก็เครียดมาก สุดท้ายก็ต้องใช้วิธีนำมาโยนทิ้งในสระน้ำของตนเองด้านหลังโรงเรียนบ้านนาชักหวาย ให้ปลากิน ฝังไม่ไหว หมูตายใหม่ ๆ ก็แจกชาวบ้านนำไปประกอบอาหารกิน แต่เมื่อตายมากไม่มีใครกล้ากิน ให้ยาก็ไม่หาย เครียดมาก ต้องทำทุกวิธี ชาวบ้านทุกคนนำใบหนาดและหนังควายมาห้อยหน้าคอกหมู เป็นวิธีแก้เคล็ดตามความเชื่อดั้งเดิมที่โรคห่าลงให้นำมาแขวน แต่ก็ไม่ได้ผล แขวนแล้วหมูก็ยังตายทุกวัน

นายน้อย สิงโต อายุ 65 ปี เกษตรกรหมู่ 6 ต.ท่านางงาม กล่าวว่า ในหมู่บ้านมีหมูตายกว่า 300 ตัว ขณะที่หมูที่ตนเลี้ยงไว้ จำนวน 45 ตัว ป่วยตายแล้ว 15 ตัว เวลานี้ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปดูแล ป้องกันโรคและช่วยเหลือ

ด้าน นายชูวิทย์ หงส์สามสิบเจ็ด รักษาการปศุสัตว์อำเภอบางระกำ จ.พิษณุโลก กล่าวว่า เดินทางมาตรวจสอบโรคพบสุกรตายจำนวนมากจริง โดยโรคที่ระบาด คือ โรค HRRS. (เอช อาร์อาร์เอส)เป็นโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นเชื้อไวรัส ที่ถูกขับออกมาจากร่างกายของสุกรป่วย ทางอุจาระปัสสาวะลมหายใจ และน้ำเชื้อ และติดต่อไปยังสุกรตัวอื่นโดยการกิน หรือการสัมผัสโดยตรง เช่น การดม การเลีย หรือการผสมพันธุ์ นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อผ่านอากาศที่หายใจ หรือผ่านวัสดุ อุปกรณ์และเครื่องใช้ต่าง ๆ ภายในฟาร์มที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส และเชื้อไวรัสสามารถแพร่ระบาดจากฟาร์มหนึ่งไปยังอีกฟาร์มหนึ่งได้โดยการเคลื่อนย้ายสุกรป่วย หรือสุกรที่เป็นพาหะของโรคเข้ามารวมฝูง สามารถแพร่กระจายจากจุดเกิดโรคไปในอากาศได้ไกลถึงรัศมี 3 กิโลเมตร หากแรงลมเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจทำให้โรคแพร่กระจายได้ไกลขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่า โรคสามารถแพร่ระบาดผ่านทางน้ำเชื้อของพ่อพันธุ์ไปยังฟาร์มอื่น ๆ ได้ โดยเฉพาะการผสมเทียม หรือแพร่เชื้อ ผ่านวัสดุ อุปกรณ์ หรือยานพาหนะ ที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส รวมทั้งนก หนู หรือบุคลากรจากฟาร์มหนึ่งไปอีกฟาร์มหนึ่ง ส่วนการแพร่เชื้อไวรัสผ่านเนื้อสุกรหรือผลิตภัณฑ์จากเนื้อสุกรยังไม่เป็นที่ชัดเจน

แต่สำหรับพื้นที่ หมู่ 6 ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พบว่า มีสุกรทยอย ตาย 1-2 สัปดาห์ จำนวนมากกว่า 200 ตัว เกษตกร เดือดร้อน 25 ราย ขณะนี้ทางปศุสัตว์ ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรป้องกันการระบาดของโรคเนื่องจากโรคนี้ไม่มียารักษาโรคให้หายขาด ต้องพยายามทำให้สัตว์แข็งแรงด้วยการให้กลูโคลส ให้ยารักษาตามอาการ และพยายามทำฟาร์มปิดห้ามบุคคลภายนอกเข้าออก เพื่อป้องกันโรคจากที่อื่นเข้ามาระบาดซ้ำ และป้องกันโรคระบาดไปพื้นที่ข้างเคียง โรคนี้ไม่ติดต่อสู่คน แต่หากมีการนำสัตว์ที่ป่วยมาชำแหละขาย ก็อาจเป็นจุดที่ทำให้โรคระบาดกระจายเป็นวงกว้าง

แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ มีเกษตรกรบางรายนำสุกรที่ตายไปทิ้งในสระน้ำข้างโรคเรียน ซึ่งส่งกลิ่นเหม็น อีกทั้งมีแมลงวันเกาะ ซึ่งแมลงวันอาจเป็นพาหะทำให้โรคระบาดเป็นวงกว้างมากขึ้น ซึ่งได้แนะนำให้เกษตรกรนำซากสัตว์ที่ตายไปฝั่ง พร้อมเร่งกู้ซากสัตว์ที่ป่วยตายที่ชาวบ้านนำไปทิ้งในป่าและตามสระน้ำ โดยเร็วที่สุด



ที่มามติชนออนไลน์



Create Date : 22 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2553 21:29:19 น.
Counter : 1039 Pageviews.

0 comments

Caffein Dog
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



Group Blog
พฤศจิกายน 2553

 
2
3
5
7
11
17
23
 
 
All Blog