"กัมพูชา"เซ็ง "ทักษิณ"ทำเศรษฐกิจแย่
จากกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ประกาศถอนตัวจากตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา โดยให้เหตุผลว่ามีความจำเป็นส่วนตัว ทำให้ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่นั้น
ล่าสุดวันที่ 28 สิงหาคม นักวิเคราะห์เศรษฐกิจของกัมพูชา ได้ประเมินความเสียหายด้านเศรษฐกิจอันเกิดจากปัญหาทางการเมืองกับประเทศไทย เมื่อครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจของ สมเด็จฮุน เซน ว่า ตั้งแต่ตุลาคม 2552 หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ประจำรัฐบาลกัมพูชา พบว่าตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวตกต่ำอย่างรุนแรงถึงขั้นอันตราย โดยจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจกัมพูชา ชี้ว่าการลงทุนจากธุรกิจไทยในกัมพูชาลดลงจากระดับ 178 ล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 สู่ระดับ 2 ล้านดอลลาร์ ในครึ่งแรกของปีนี้ ขณะเดียวกันการส่งออกจากกัมพูชาไปยังไทย ลดลงถึง 50% ต่ำลงเป็นสถิติใหม่เมื่อเทียบกับมูลค่าการส่งออกสินค้าจากกัมพูชาไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญอื่น ๆ
ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการค้าและการคลังในแบบพื้น ๆ และแม้กัมพูชาไม่ได้จ่ายค่าจ้างอย่างเป็นทางการให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ความเสียหายของเศรษฐกิจของประเทศกลับเพิ่มสูงขึ้น เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกจากตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลได้นำเอาคำแนะนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาพิจารณา พบว่าคำแนะนำเหล่านั้นไม่ได้สร้างประโยชน์ให้แก่เศรษฐกิจประเทศอย่างที่ควรจะเป็น นอกจากนั้น ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างไทยกับกัมพูชายังส่งผลเสียต่อการลงทุนจากไทย เพราะแม้แต่บริษัทการบินไทย ก็ระบุด้วยว่าอาจจะถูกรัฐบาลกัมพูชาคว่ำบาตรในช่วงต้นปีนี้ หรือคดีจับกุม นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ บริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิก เซอร์วิสเซส จำกัด เพราะเปิดเผยข้อมูลการเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เชื่อได้ว่ามีบริษัทธุรกิจของไทยชะลอการลงทุนในกัมพูชาอีกจำนวนหนึ่ง
นักวิเคราะห์เศรษฐกิจของกัมพูชา ระบุอีกว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังทำให้ทั้งสองประเทศไม่หันหน้าเข้าหากัน ทำให้การแก้ปัญหาระดับทวิภาคีเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะความไม่ลงรอยเรื่องเขตแดนนอกชายฝั่งในพื้นที่อ่าวไทยที่ทับซ้อนกัน หากทั้งสองประเทศมีการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันเชื่อว่าจะทำให้สภาพเศรษฐกิจกัมพูชาดีขึ้นในระยะยาว โดยมาจากการแบ่งปันผลประโยชน์จากการผลิตพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าว ทั้งนี้ แม้เจ้าหน้าที่ระดับสูงจะยืนยันว่าการลาออกของ พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดขึ้นจากการสมัครใจ แต่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจกัมพูชาไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง อย่างไรก็ตาม การลาออกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดที่ให้แก่กัมพูชา หลังจากที่ให้คำแนะนำในทิศทางที่ทำให้กัมพูชาย่ำแย่ลงมาโดยตลอด
ข้อมูลจากคมชัดลึก
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [
